วันมาฆบูชา 56 นี้ ผมได้ไปเวียนเทียนวัดใกล้บ้าน ใจกลางเมืองจังหวัดหนึ่ง จากที่ไม่ได้ไปเวียนเทียนมาเกือบสิบปี
เมื่อก่อนพาแม่ไปเวียนเทียนวันสำคัญทางศาสนาเป็นประจำ เพราะแม่เกษียณพาแม่ไปเวียนเทียนจะได้ไม่เหงา แต่หลังจากแม่ป่วยจนเสียชีวิตเป็นเวลาเกือบสิบปีผมไม่ได้ไปเวียนเทียนอีกเลย
หนึ่งปีที่ผ่านมาผมได้เริ่มปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ศึกษาธรรมด้วยตนเองจากหนังสือธรรมต่างๆ และเสาร์อาทิตย์ไปสวดมนต์ปฏิบัตินั่งสมาธิวิปัสสนาที่วัดนี้ประจำ
วันมาฆนี้ก็เช่นกัน ตอนกลางวันผมไปปฏิบัติธรรมที่วัดเหมือนเคย พอช่วงค่ำก็ตั้งใจไปเวียนเทียนเพราะไม่ได้ไปนานแล้วและอยากทำให้ครบทุกกิจกรรมในวันนี้ (จัดโดยทางวัด)
ทางวัดแจ้งว่ามีสวดมนต์และเทศน์ตั้งแต่ หกโมงเย็น เริ่มเวียนเทียนราวสองทุ่ม ผมไปถึงทุ่มครึ่ง มีคนมารอเวียนเทียนและฟังธรรมประมาณร้อยคน นั่งฟังธรรมสวดมนต์ในศาลาครึ่งหนึ่ง อยู่รอเวียนเทียนนอกศาลาอีกครึ่งหนึ่ง โดยผู้มาเวียนเทียนส่วนใหญ่เป็นผู้ที่นานๆ เข้าวัดสักที ผมก็ดีใจครับเพราะตอนแรกคิดว่าคนคงมาไม่กี่สิบคน พิธีการในศาลาล่าช้าจนบางคนที่รออยู่นอกศาลาเดินไปเวียนเที่ยนรอบโบสถ์เองและกลับไปก่อน เมื่อถึงเวลาเวียนเทียนพระที่วัดก็เดินนำขบวนสวดมนต์ไปรอบโบสถ์ คนที่มาเวียนเทียนก็เดินตามกันไปอย่างไม่มีระเบียบ บ้างคุย วิ่งเล่น ครบสามรอบก็ปักธูปเทียนแล้วก็กลับ
จากภาพที่เห็นในวันนั้น ทำให้ผมมีข้อคิดและข้อสงสัยดังนี้
1 ทำไมพิธีการล่าช้าเกินไป จนถึงกับมีคนไม่ทนรอไปเดินเวียนเทียนเอง ตอนสวดมนต์บางคนก็สวดตามบางคนก็ไม่สวด บางคนพนมมือแต่คุยไปด้วย พระสวดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง
2 ความสำคัญของวันนี้ข้อหนึ่งคือ การแสดงโอวาทปาฎิโมกข์ ซึ่งข้อที่สามคือ "การทำจิตใจให้ผ่องแผ้วใสสะอาด" และพระพุทธเจ้าท่านทรงใช้วิธีวิปัสสนา แต่พิธีตอนค่ำที่ทางวัดจัดไม่มีการให้ผู้มาร่วมทำวิปัสสนาเลย อย่างในพิธีในศาลาเมื่อสวดมนต์เสร็จน่าจะให้ผู้เข้าร่วมนั่งสมาธิวิปัสสนาสักหน่อย (ไม่ใช่แค่ทำสมาธิสมถกรรมฐาน) อธิบายวิธีวิปัสสนาง่ายๆ และประโยชน์ให้ผู้เข้าร่วมได้รู้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วม (ที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เข้าวัด) ได้สามารถนำไปฝึกเองที่บ้านได้
3 ทำไมพระไม่จัดระเบียบแถวการเดินจงกมให้เป็นระเบียบ ตอนเดินเวียนเทียน พระก็เดินนำสวดมนต์ไป คนที่มาเวียนเทียนก็เดินตามกันไป คุยบ้างเล่นบ้าง แทบไม่มีใครสวดมนต์ ทางพระน่าจะจัดแถวเดินเวียนเทียนให้เป็นระเบียบ เพราะคนประมาณร้อยคน เข้าแถวสี่แถวกำลังดี เมื่อตั้งแถวเป็นระเบียบแล้วค่อยเดินรอบโบสถ์ตั้งใจสวดมนต์อยู่ในอาการสำรวม และเป็นการฝึกระเบียบวินัยคนไทยไปในตัว
4 ประเพณีการจุดธูปเทียนและมีดอกไม้เพื่อเวียนเทียนมีมาตั้งแต่เมื่อไร สำคัญจำเป็นอย่างไร เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นคือ บางคนโดนธูปทิ่มหลังหรือโดนเทียนหยดใส่ ดอกไม้ก็กองไว้หน้าโบสถ์ ถ้าเราจะไม่จุดธูปเทียนและไม่มีดอกไม้ เดินพนมมือเฉยๆ จะได้ไหม เพราะนอกจากธูปเทียนจะไม่ไปโดนใครแล้ว ยังเป็นการประหยัด ควันธูปบางทีก็เข้าตาหลายคนและควันธูปยังมีสารก่อมะเร็ง ส่วนเทียนบางคนก็เตรียมโคมมาบางคนก็ใช้แก้วในพลาสติกบางคนก็ถือเปล่าๆ
5 หลังจากเดินครบสามรอบแล้ว เพิ่มอีกรอบด้วยการเดินจงกมได้ไหม โดยให้พระสอนและนำเดินแบบง่ายๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เดินตาม
สรุปแล้ววันมาฆบูชานี้ที่มีความสำคัญสิ่งหนึ่งอย่างยิ่งคือ โอวาทปาฏิโมกข์ของพระพุทธเจ้าซึ่งในข้อสามคือ "การทำจิตให้ผ่องแผ้วใสสะอาด" ด้วยวิธีการวิปัสสนา แต่ผมไม่เห็นมีพิธีตอนไหนของการเวียนเทียนที่เราจะปฏิบัติ (ด้วยวิธีวิปัสสนา) เพื่อให้จิตใจผ่องแผ้วใสสะอาดเลย
"จุดธุปเทียน เดินวนๆ คุยกันเล่นกันบ้าง เสร็จแล้วก็กลับบ้านจบ"
ไม่ทราบท่านที่ไปเวียนเทียนวัดต่างๆ บรรยากาศเป็นอย่างไรบ้างครับ
ข้อสงสัยข้อคิดเห็นต่างๆ ของผม เป็นเพราะผมด้อยปัญญาหรืออาจจะบาปหนา ทำให้ไม่เข้าใจหรือหลงผิดประการใด วอนท่านผู้รู้หรือมีประสบการณ์ช่วยชี้แจงด้วยครับ
ปล. มีคนบอกว่าชาวพุทธในพม่าจะเน้นการทำวิปัสสนาจนเป็นเหมือนหนึ่งกิจกรรมในชีวิตประจำวัน แต่ชาวพุทธไทยจะอยู่แค่สมถกรรมฐานและปฏิบัติเฉพาะคนเข้าวัดเสียส่วนใหญ่จริงหรือไม่ประการใด
ประสบการณ์การเวียนเทียนมาฆบูชา 2556
เมื่อก่อนพาแม่ไปเวียนเทียนวันสำคัญทางศาสนาเป็นประจำ เพราะแม่เกษียณพาแม่ไปเวียนเทียนจะได้ไม่เหงา แต่หลังจากแม่ป่วยจนเสียชีวิตเป็นเวลาเกือบสิบปีผมไม่ได้ไปเวียนเทียนอีกเลย
หนึ่งปีที่ผ่านมาผมได้เริ่มปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ศึกษาธรรมด้วยตนเองจากหนังสือธรรมต่างๆ และเสาร์อาทิตย์ไปสวดมนต์ปฏิบัตินั่งสมาธิวิปัสสนาที่วัดนี้ประจำ
วันมาฆนี้ก็เช่นกัน ตอนกลางวันผมไปปฏิบัติธรรมที่วัดเหมือนเคย พอช่วงค่ำก็ตั้งใจไปเวียนเทียนเพราะไม่ได้ไปนานแล้วและอยากทำให้ครบทุกกิจกรรมในวันนี้ (จัดโดยทางวัด)
ทางวัดแจ้งว่ามีสวดมนต์และเทศน์ตั้งแต่ หกโมงเย็น เริ่มเวียนเทียนราวสองทุ่ม ผมไปถึงทุ่มครึ่ง มีคนมารอเวียนเทียนและฟังธรรมประมาณร้อยคน นั่งฟังธรรมสวดมนต์ในศาลาครึ่งหนึ่ง อยู่รอเวียนเทียนนอกศาลาอีกครึ่งหนึ่ง โดยผู้มาเวียนเทียนส่วนใหญ่เป็นผู้ที่นานๆ เข้าวัดสักที ผมก็ดีใจครับเพราะตอนแรกคิดว่าคนคงมาไม่กี่สิบคน พิธีการในศาลาล่าช้าจนบางคนที่รออยู่นอกศาลาเดินไปเวียนเที่ยนรอบโบสถ์เองและกลับไปก่อน เมื่อถึงเวลาเวียนเทียนพระที่วัดก็เดินนำขบวนสวดมนต์ไปรอบโบสถ์ คนที่มาเวียนเทียนก็เดินตามกันไปอย่างไม่มีระเบียบ บ้างคุย วิ่งเล่น ครบสามรอบก็ปักธูปเทียนแล้วก็กลับ
จากภาพที่เห็นในวันนั้น ทำให้ผมมีข้อคิดและข้อสงสัยดังนี้
1 ทำไมพิธีการล่าช้าเกินไป จนถึงกับมีคนไม่ทนรอไปเดินเวียนเทียนเอง ตอนสวดมนต์บางคนก็สวดตามบางคนก็ไม่สวด บางคนพนมมือแต่คุยไปด้วย พระสวดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง
2 ความสำคัญของวันนี้ข้อหนึ่งคือ การแสดงโอวาทปาฎิโมกข์ ซึ่งข้อที่สามคือ "การทำจิตใจให้ผ่องแผ้วใสสะอาด" และพระพุทธเจ้าท่านทรงใช้วิธีวิปัสสนา แต่พิธีตอนค่ำที่ทางวัดจัดไม่มีการให้ผู้มาร่วมทำวิปัสสนาเลย อย่างในพิธีในศาลาเมื่อสวดมนต์เสร็จน่าจะให้ผู้เข้าร่วมนั่งสมาธิวิปัสสนาสักหน่อย (ไม่ใช่แค่ทำสมาธิสมถกรรมฐาน) อธิบายวิธีวิปัสสนาง่ายๆ และประโยชน์ให้ผู้เข้าร่วมได้รู้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วม (ที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เข้าวัด) ได้สามารถนำไปฝึกเองที่บ้านได้
3 ทำไมพระไม่จัดระเบียบแถวการเดินจงกมให้เป็นระเบียบ ตอนเดินเวียนเทียน พระก็เดินนำสวดมนต์ไป คนที่มาเวียนเทียนก็เดินตามกันไป คุยบ้างเล่นบ้าง แทบไม่มีใครสวดมนต์ ทางพระน่าจะจัดแถวเดินเวียนเทียนให้เป็นระเบียบ เพราะคนประมาณร้อยคน เข้าแถวสี่แถวกำลังดี เมื่อตั้งแถวเป็นระเบียบแล้วค่อยเดินรอบโบสถ์ตั้งใจสวดมนต์อยู่ในอาการสำรวม และเป็นการฝึกระเบียบวินัยคนไทยไปในตัว
4 ประเพณีการจุดธูปเทียนและมีดอกไม้เพื่อเวียนเทียนมีมาตั้งแต่เมื่อไร สำคัญจำเป็นอย่างไร เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นคือ บางคนโดนธูปทิ่มหลังหรือโดนเทียนหยดใส่ ดอกไม้ก็กองไว้หน้าโบสถ์ ถ้าเราจะไม่จุดธูปเทียนและไม่มีดอกไม้ เดินพนมมือเฉยๆ จะได้ไหม เพราะนอกจากธูปเทียนจะไม่ไปโดนใครแล้ว ยังเป็นการประหยัด ควันธูปบางทีก็เข้าตาหลายคนและควันธูปยังมีสารก่อมะเร็ง ส่วนเทียนบางคนก็เตรียมโคมมาบางคนก็ใช้แก้วในพลาสติกบางคนก็ถือเปล่าๆ
5 หลังจากเดินครบสามรอบแล้ว เพิ่มอีกรอบด้วยการเดินจงกมได้ไหม โดยให้พระสอนและนำเดินแบบง่ายๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เดินตาม
สรุปแล้ววันมาฆบูชานี้ที่มีความสำคัญสิ่งหนึ่งอย่างยิ่งคือ โอวาทปาฏิโมกข์ของพระพุทธเจ้าซึ่งในข้อสามคือ "การทำจิตให้ผ่องแผ้วใสสะอาด" ด้วยวิธีการวิปัสสนา แต่ผมไม่เห็นมีพิธีตอนไหนของการเวียนเทียนที่เราจะปฏิบัติ (ด้วยวิธีวิปัสสนา) เพื่อให้จิตใจผ่องแผ้วใสสะอาดเลย
"จุดธุปเทียน เดินวนๆ คุยกันเล่นกันบ้าง เสร็จแล้วก็กลับบ้านจบ"
ไม่ทราบท่านที่ไปเวียนเทียนวัดต่างๆ บรรยากาศเป็นอย่างไรบ้างครับ
ข้อสงสัยข้อคิดเห็นต่างๆ ของผม เป็นเพราะผมด้อยปัญญาหรืออาจจะบาปหนา ทำให้ไม่เข้าใจหรือหลงผิดประการใด วอนท่านผู้รู้หรือมีประสบการณ์ช่วยชี้แจงด้วยครับ
ปล. มีคนบอกว่าชาวพุทธในพม่าจะเน้นการทำวิปัสสนาจนเป็นเหมือนหนึ่งกิจกรรมในชีวิตประจำวัน แต่ชาวพุทธไทยจะอยู่แค่สมถกรรมฐานและปฏิบัติเฉพาะคนเข้าวัดเสียส่วนใหญ่จริงหรือไม่ประการใด