หลายท่านที่เปิดรีวิวเข้ามา ก็อาจจะมี Question mark ผุดขึ้นมาในใจ ว่า...
"สะเต๊ะลือ" มันเป็นอาหารเเขก เเล้วมันจะมาอยู่ในรั้วในวัง ได้ยังไง (วะ)
ต้องขอเล่าที่มาที่ไป เเละสูตรอาหาร ตามที่ได้พบเห็นในหนังสือ ชีวิตในวัง โดย ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ โดยสำนักพิมพ์ศรีสารา ดังนี้
ในอดีต ได้มีกุ๊กเเขกชวามาสอนทำอาหารในห้องเครื่องวัง เเล้วก็มาสอนทำอาหารเเขกหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือสะเต๊ะลือ ทั้งนี้ เมื่อได้เข้ามาในวังเเล้ว ก็สมกับคำที่พูดกันว่า ชาววังช่างประดิษฐ์ ก็เลยลดทอนเครื่องเทศให้ฉุนน้อยลง เเละ ใช้เนื้อหมูเเทนเนื้อวัว ปรากฎว่า รสชาติถูกปาก ถูกใจ เเละ ได้ร่ำลือกันไปทั่วสารทิศ จึงเรียกกันว่า สะเต๊ะลือ นั่นเอง
ทั้งนี้ ในรูปภาพจะมี banner ของเพจ "เรื่องเล่าชาวกรุง" ใน Facebook ซึ่ง วราวร ได้เป็นเเอดมินอยู่ครับ เเละเคยลงรูปการทำไป ไม่ใช่ไปขโมยรูปของใครมานะครับ
เรื่มเเรก เราเอาถั่วลิสงไปคั่วก่อน เเล้วบดโดยใช้ครกสาก Thailand Blender นี่เเหละครับ เเต่วราวรจะเลือกใช้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เเทนถั่วลิสง เพราะหอมกว่ามากครับ
ส่วนผสมอีกอย่างคือหัวหอมเเดง เอาไปสับให้ละเอียดนะครับ
เนื้อหมู ผมใช้ส่วนสะโพก เราต้องเเล่พังผืดออกให้หมดนะครับ เเล้วเเล่เป็นชิ้นๆ
เอาหมูใส่ชามอ่าง เเล้วโรยเม็ดมะม่วงลงไปครับ
ต่อไปเราก็ใส่ลูกผักชีป่น เเละ ยี่หร่าป่น ลงไปครับ หอมฟุ้งเชียว
เพื่อความหอม เเละเข้มยิ่งขึ้น เราใส่ผงกะหรี่ลงไป ใส่มากหอมมากครับ เเต่อย่าให้เหม็น
ใส่หอมที่สับเเล้วลงไปครับ
ตามติดด้วยน้ำตาลปึก บี้ให้ละเอียดก่อนนะครับ จะได้ละลายเร็วๆ
เเล้วเราก็ใส่หัวกะทิลงไป
ตามด้วยไวน์เเดง ความจริงต้องใส่เหล้าจีน เเต่วราวรโปรดปรานไวน์เเดงมากกว่า อิอิ เนื้อจะนุ่มเชียวครับถ้าใส่ Lกฮ
ตบท้ายด้วยนมข้นหวานครับ
เมื่อใส่เครื่องหมักลงไปเเล้ว ก็จัดการถอดเเหวน ออกซะนะครับ เพราะเราจะใช้ Food Processor ที่มีมาตั้งเเต่อยู่ในท้อง
"มือ" ไงล่ะครับ ถ้าเราไม่ถอดเเหวนเเล้วไซร้ อาจกลายเป็นสะเต๊ะลือเพชรก็ได้นะครับ
คลุกให้เข้าเนื้อ พักไว้ 3 ชม.ครับ
เเล้วเราก็เอามาเสียบไม้
น้ำที่ได้จากการหมัก เราจะเอามาพรมหมูเวลาปิ้งนะครับ
วราวร เลือกใช้เตาถ่าน เพราะปิ้งเเล้วมีกลิ่นหอม เเต่ก่อนจุดเตาได้ ทุลักทุเลเหลือเกินครับ กว่าจะจุดติดควันขโมงเชียว ข้างบ้านคิดว่าไฟไหม้
เเหม ตอนเด็กๆ น่าจะตั้งใจเรียนลูกเสือ ฮ่าฮ่า
ปิ้งเเล้วหอมฉุยเชียวครับ
เสร็จเเล้วพร้อมเสิร์ฟครับ หอมมากๆ ไม่ต้องใช้น้ำจิ้มเลย เพราะรสเข้มข้นอยู่เเล้ว อร่อยจริงๆครับ อาจจะทำอาจาดนิดหน่อย เเก้เลี่ยน
ขอบคุณสำหรับการติดตามรีวิวเเรกของผมใน Pantip โฉมใหม่นะครับ
พบกันในรีวิวหน้า "ทอดน่องท่องกรุง ตามรอยคลองพ่อยม" ครับ
...สวัสดีครับ...
[CR] เรื่องเล่ากับข้าวชาววัง : สะเต๊ะลือ...ลือยังไง
"สะเต๊ะลือ" มันเป็นอาหารเเขก เเล้วมันจะมาอยู่ในรั้วในวัง ได้ยังไง (วะ)
ต้องขอเล่าที่มาที่ไป เเละสูตรอาหาร ตามที่ได้พบเห็นในหนังสือ ชีวิตในวัง โดย ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ โดยสำนักพิมพ์ศรีสารา ดังนี้
ในอดีต ได้มีกุ๊กเเขกชวามาสอนทำอาหารในห้องเครื่องวัง เเล้วก็มาสอนทำอาหารเเขกหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือสะเต๊ะลือ ทั้งนี้ เมื่อได้เข้ามาในวังเเล้ว ก็สมกับคำที่พูดกันว่า ชาววังช่างประดิษฐ์ ก็เลยลดทอนเครื่องเทศให้ฉุนน้อยลง เเละ ใช้เนื้อหมูเเทนเนื้อวัว ปรากฎว่า รสชาติถูกปาก ถูกใจ เเละ ได้ร่ำลือกันไปทั่วสารทิศ จึงเรียกกันว่า สะเต๊ะลือ นั่นเอง
ทั้งนี้ ในรูปภาพจะมี banner ของเพจ "เรื่องเล่าชาวกรุง" ใน Facebook ซึ่ง วราวร ได้เป็นเเอดมินอยู่ครับ เเละเคยลงรูปการทำไป ไม่ใช่ไปขโมยรูปของใครมานะครับ
เรื่มเเรก เราเอาถั่วลิสงไปคั่วก่อน เเล้วบดโดยใช้ครกสาก Thailand Blender นี่เเหละครับ เเต่วราวรจะเลือกใช้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เเทนถั่วลิสง เพราะหอมกว่ามากครับ
ส่วนผสมอีกอย่างคือหัวหอมเเดง เอาไปสับให้ละเอียดนะครับ
เนื้อหมู ผมใช้ส่วนสะโพก เราต้องเเล่พังผืดออกให้หมดนะครับ เเล้วเเล่เป็นชิ้นๆ
เอาหมูใส่ชามอ่าง เเล้วโรยเม็ดมะม่วงลงไปครับ
ต่อไปเราก็ใส่ลูกผักชีป่น เเละ ยี่หร่าป่น ลงไปครับ หอมฟุ้งเชียว
เพื่อความหอม เเละเข้มยิ่งขึ้น เราใส่ผงกะหรี่ลงไป ใส่มากหอมมากครับ เเต่อย่าให้เหม็น
ใส่หอมที่สับเเล้วลงไปครับ
ตามติดด้วยน้ำตาลปึก บี้ให้ละเอียดก่อนนะครับ จะได้ละลายเร็วๆ
เเล้วเราก็ใส่หัวกะทิลงไป
ตามด้วยไวน์เเดง ความจริงต้องใส่เหล้าจีน เเต่วราวรโปรดปรานไวน์เเดงมากกว่า อิอิ เนื้อจะนุ่มเชียวครับถ้าใส่ Lกฮ
ตบท้ายด้วยนมข้นหวานครับ
เมื่อใส่เครื่องหมักลงไปเเล้ว ก็จัดการถอดเเหวน ออกซะนะครับ เพราะเราจะใช้ Food Processor ที่มีมาตั้งเเต่อยู่ในท้อง
"มือ" ไงล่ะครับ ถ้าเราไม่ถอดเเหวนเเล้วไซร้ อาจกลายเป็นสะเต๊ะลือเพชรก็ได้นะครับ
คลุกให้เข้าเนื้อ พักไว้ 3 ชม.ครับ
เเล้วเราก็เอามาเสียบไม้
น้ำที่ได้จากการหมัก เราจะเอามาพรมหมูเวลาปิ้งนะครับ
วราวร เลือกใช้เตาถ่าน เพราะปิ้งเเล้วมีกลิ่นหอม เเต่ก่อนจุดเตาได้ ทุลักทุเลเหลือเกินครับ กว่าจะจุดติดควันขโมงเชียว ข้างบ้านคิดว่าไฟไหม้
เเหม ตอนเด็กๆ น่าจะตั้งใจเรียนลูกเสือ ฮ่าฮ่า
ปิ้งเเล้วหอมฉุยเชียวครับ
เสร็จเเล้วพร้อมเสิร์ฟครับ หอมมากๆ ไม่ต้องใช้น้ำจิ้มเลย เพราะรสเข้มข้นอยู่เเล้ว อร่อยจริงๆครับ อาจจะทำอาจาดนิดหน่อย เเก้เลี่ยน
ขอบคุณสำหรับการติดตามรีวิวเเรกของผมใน Pantip โฉมใหม่นะครับ
พบกันในรีวิวหน้า "ทอดน่องท่องกรุง ตามรอยคลองพ่อยม" ครับ
...สวัสดีครับ...