ผู้รักษาประตู
ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน - วีระ เกิดพุดซา
"เจ้าแชมป์" ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน โชว์ความเหนียวแน่นหนึบในเกม "เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก" รอบเพลย์ออฟ ในเกม 90 นาทีเขาเป็นพระเอกอยู่แล้วช่วงต่อเวลาพิเศษครบ 120 นาทีมายิงจุดโทษ กลายมาเป็นนายทวารขั้นเทพ เป็นคีย์แมนสำคัญที่พา"แชมป์เซราะกราว" ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ
แต่หากจะเทียบฟอร์มกับ"ซูเปอร์ระ" วีระ เกิดพุดซา นายทวารที่ "กิเลนผยอง"เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยืมตัวมาจาก ทีโอที เอสซี อีกคำรบ ก็ต้องขอบอกว่าสูสีหนีกันไม่ขาดโดยเฉพาะประสบการณ์ทั้งเวทีทีมชาติไทยและสโมสร อีกทั้งเคยผ่านเวที"เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก" มาแล้วทั้งคู่
จังหวะ การอ่านเกม "ศิวรักษ์" อาจจะเด็ดขาดกว่านิดๆ แต่การตัดสินใจกล้าได้กล้าเสีย "วีระ" มีดีไม่แพ้กัน ทว่าที่ผ่านมา นายทวาร"บุรีรัมย์" มีเกมกับเพื่อนร่วมทีมมากกว่าความสัมพันธ์ในทีมของเขาจึงดีกว่านั่นเอง
พิพากษา .... ตำแหน่งนี้ บุรีรัมย์ กินขาด
แบ็กซ้าย
ธีราทร บุญมาทัน - มงคล นามนวด
แม้ว่า "ธีราทร บุญมาทัน" จะมีพรรษาที่น้อยกว่า "มงคล นามนวด" ในการโลดแล่นอยู่ในลีกอาชีพ แต่ช่วงระยะ 3-4 ฤดูกาลที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าตำแหน่งแบ็กซ้าย ธีราทร กลายมาเป็นนัมเบอร์วันของทั้งทีมชาติไทย และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยชั้นเชิงการเล่นฟุตบอลที่ชาญฉลาด แถมยังมีลูกสด และการครอสที่แม่นยำอีกต่างหาก จึงทำให้ตำแหน่งแบ็กซ้ายทีมชาติไทยถูกตีตราจองอย่างไร้ข้อกังขา
มงคล นามนวด เรียกฟอร์มเก่งขึ้นมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่ย้ายมาประจำการแบ็กซ้ายให้กับทีม การท่าเรือไทย เอฟซี กระทั่งปัจจุบันถูกกระชากตัวมาประจำการในทีม เอสซีจี เมืองทอง ที่ว่ากันว่าแข่งขันกันสูงในการแย่งตัวจริง
แน่นอนว่าลีลาชั้นเชิงลูกหนังในเกมรุก "ธีราทร" ดุดันกว่า แต่ความแข็งแกร่งเป็นรอง "มงคล" อยู่ช่วงตัว อีกทั้งในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ ดูเหมือนว่าแบ็กซ้าย"กิเลนผยอง" จะมีสมาธิกับการเล่นมากกว่าไม่เสียฟาวล์ง่ายๆ
พิพากษา..... ตำแหน่งนี้ เอสซีจี ดูดีกว่า
คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ
ประทุม ชูทอง - ภานุพงศ์ วงศ์ษา
ออสมาร์ อิบาเนซ รี ควาง ชอน
ฤดูกาลนี้ "แชมป์เซราะกราว" จับเอา ประทุม ชูทอง มารีมิกซ์กับตัวต่างชาติอย่าง "ออสมาร์ อิบาเนซ" ค่อนข้างที่จะลงตัวใช้ได้ในแผนกเกมรับดังภูผาหิน เล่นลูกกลางอากาศใช้ได้ ทว่าการอ่านเกม เมื่อนำมาเทียบกับปราการหลังคู่กลางของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แล้วก็ต้องขอบอกว่า ฝ่ายหลังแจ่มกว่าบาน
"ภานุพงศ์ - รี ควาง ชอน" เล่นร่วมกันมาทั้งฤดูกาล 2012 เป็นฟันเฟืองสำคัญในการคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก สมัย 3 อีกทั้งประสบการณ์ยังเหนือกว่า "ใหม่-ภานุพงศ์" เป็นตัวหลักในทีมชาติไทย ขณะที่แนวรับ "โสมแดง" ผ่านฟุตบอลโลก ปี2010 มาแล้ว ตำแหน่งนี้ มองเหลี่ยมไหนแชมป์ไทยลีกเหนือกว่า
พิพากษา .... หลัง "กิเลน" แข็งโป๊กกว่า
แบ็กขวา
สุรัตน์ สุขะ - ปิยพล บรรเทา
ตำแหน่งนี้ สุรัตน์ สุขะ เสียเปรียบ ปิยพล บรรเทา เพียงแค่ร้างเวทีไทยลีกไปเกือบครึ่งเลกที่หายตัวไปกว่าจะเรียกความฟิตกลับมาใช้เวลาไม่นานนี่เอง แต่ ปิยพล บรรเทา แทบจะผูกขาดกับการเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาของ เอสซีจี เมืองทอง รวมไปถึงทีมชาติไทยลุย "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ" ต่อเนื่องถึง"เอเชียน คัพ"
แต่ถ้าจะเทียบกันในเรื่องของชั้นเชิงลูกหนังประสบการณ์ในการเล่นก็ต้องยกให้กับ สุรีย์ สุขะ เป็นต่ออยู่หลายช่วงตัวเพราะเล่นตำแหน่งนี้มาก่อนทั้งสโมสรและทีมชาติไทย "เปรม-สุรีย์" จะอ่อนด้อยกว่า เพียงแค่ยังขาดเกมและความสัมพันธ์ในทีมกับเพื่อนร่วมทีมเนื่องจากเพิ่งย้ายไปใหม่ แต่การเจอสโมสรไทยด้วยกันแบ็กขวา"เซราะกราว" มีดีกว่าแน่นอน
พิพากษา ....."ปราสาทสายฟ้า" ภาษีดีกว่า
มิดฟิลด์คู่กลาง
ชาริล ซัปปุยส์ - พิชิตพงษ์ เฉยฉิว
สุรัตน์ สุขะ ดักโน่ เซียก้า
โฟกัสไปที่ตำแหน่งห้องเครื่อง "ปราสาทสายฟ้า" เป็นการผสมผสานกันระหว่าง ตัวสดๆ อย่าง ชาริล ซัปปุยส์ กับจอมเก๋า สุรัตน์ สุขะ การประสานงานกันยังไม่เนียนตาพอ เมื่อเทียบกับ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว และ ดักโน่ เซียก้า ที่เล่นร่วมกันมาในทีม เมืองทองตั้งแต่ขึ้นชั้นสู่ไทยลีกใหม่ๆ เรียกได้ว่าแค่มองหน้าก็รู้จักชื่อแม่ยายของกันและกัน ดังนั้นหากจะให้เครดิตว่าใครแจ่มกว่ากันก็ต้องยกให้กับตัวตัดเกมของ "กิเลนผยอง"อย่างไม่ต้องสงสัย
พิพากษา ......... ต้องยกให้ "กิเลน"
ริมเส้นซ้าย-ขวา
แอนโทนี่ อำไพพิทักษ์วงศ์ - พัก นัมโซล
อนาวิน จูจีน จักรพันธ์ พรใส
เกมรุกทางด้านริมเส้นถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของทั้งสองทีม "ปราสาทสายฟ้า" ส่ง 2 แข้งหลักอย่าง แอนโทนี่ อำไพพิทักษ์วงศ์ อยู่ทางฝั่งซ้ายแล้วให้ อนาวิน จูจีน ขึ้นเกมทางฝั่งขวา ลีลาอาจจะไม่พลิ้วไหวเหมือนสายน้ำเทียบเท่ากับคู่ของเมืองทอง อย่าง พัก นัมโซล และ จักรพันธ์ พรใส แต่ได้ในเรื่องของลูกยิงหนักๆ กระนั้นก็ดีเกมริมเส้นซ้าย-ขวา ของทั้ง "กิเลนผยอง" และ "ปราสาทสายฟ้า" สลับดอกนักเตะเก่ากับใหม่ทั้งคู่ดังนั้นความเข้าใจในเกมอาจจะไม่มีใครเหนือกว่ากัน
พิพากษา ...... สูสีหนีกันไม่ขาด
แดนหน้า
เอกชัย สำเร่ - ธีรศิลป์ แดงดา
เคอิ ฮิราโนะ โรลันด์ ลินซ์
แดนหน้าทั้งสองทีมค่อนข้างที่จะใช้นักเตะต่างกัน "ปราสาทสายฟ้า" ใช้แบรนด์ไทยผสมกับ แข้งโควตาเอเชียจากแดนอาทิตย์อุทัย "เคอิ ฮิราโนะ" ส่วนฟาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มี "เทพมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา ดาวซัลโวไทยลีก ประจำการเป็นตัวหลัก อีกรายน่าจะพิจารณา "โรลันด์ ลินซ์" มายืนเคียงข้าง
เทียบตำแหน่งต่อตำแหน่ง แล้วแม้ดาวยิงของ "แชมป์เซราะกราว" จะโดดเด่นในเรื่องของความเร็ว แต่อย่าลืมว่าคู่หัวหอก เอสซีจี เมืองทอง มีดีกว่าในเรื่องของสัญชาตญาณในการสังหารประตู ที่เฉียบคม
พิพากษา ...... "กิเลน" มาวิน
เชนชิโร่
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/130222_142.html
คอลัม เอกซเรย์ฟอร์ม!! บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด VS เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน - วีระ เกิดพุดซา
"เจ้าแชมป์" ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน โชว์ความเหนียวแน่นหนึบในเกม "เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก" รอบเพลย์ออฟ ในเกม 90 นาทีเขาเป็นพระเอกอยู่แล้วช่วงต่อเวลาพิเศษครบ 120 นาทีมายิงจุดโทษ กลายมาเป็นนายทวารขั้นเทพ เป็นคีย์แมนสำคัญที่พา"แชมป์เซราะกราว" ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ
แต่หากจะเทียบฟอร์มกับ"ซูเปอร์ระ" วีระ เกิดพุดซา นายทวารที่ "กิเลนผยอง"เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยืมตัวมาจาก ทีโอที เอสซี อีกคำรบ ก็ต้องขอบอกว่าสูสีหนีกันไม่ขาดโดยเฉพาะประสบการณ์ทั้งเวทีทีมชาติไทยและสโมสร อีกทั้งเคยผ่านเวที"เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก" มาแล้วทั้งคู่
จังหวะ การอ่านเกม "ศิวรักษ์" อาจจะเด็ดขาดกว่านิดๆ แต่การตัดสินใจกล้าได้กล้าเสีย "วีระ" มีดีไม่แพ้กัน ทว่าที่ผ่านมา นายทวาร"บุรีรัมย์" มีเกมกับเพื่อนร่วมทีมมากกว่าความสัมพันธ์ในทีมของเขาจึงดีกว่านั่นเอง
พิพากษา .... ตำแหน่งนี้ บุรีรัมย์ กินขาด
แบ็กซ้าย
ธีราทร บุญมาทัน - มงคล นามนวด
แม้ว่า "ธีราทร บุญมาทัน" จะมีพรรษาที่น้อยกว่า "มงคล นามนวด" ในการโลดแล่นอยู่ในลีกอาชีพ แต่ช่วงระยะ 3-4 ฤดูกาลที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าตำแหน่งแบ็กซ้าย ธีราทร กลายมาเป็นนัมเบอร์วันของทั้งทีมชาติไทย และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยชั้นเชิงการเล่นฟุตบอลที่ชาญฉลาด แถมยังมีลูกสด และการครอสที่แม่นยำอีกต่างหาก จึงทำให้ตำแหน่งแบ็กซ้ายทีมชาติไทยถูกตีตราจองอย่างไร้ข้อกังขา
มงคล นามนวด เรียกฟอร์มเก่งขึ้นมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่ย้ายมาประจำการแบ็กซ้ายให้กับทีม การท่าเรือไทย เอฟซี กระทั่งปัจจุบันถูกกระชากตัวมาประจำการในทีม เอสซีจี เมืองทอง ที่ว่ากันว่าแข่งขันกันสูงในการแย่งตัวจริง
แน่นอนว่าลีลาชั้นเชิงลูกหนังในเกมรุก "ธีราทร" ดุดันกว่า แต่ความแข็งแกร่งเป็นรอง "มงคล" อยู่ช่วงตัว อีกทั้งในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ ดูเหมือนว่าแบ็กซ้าย"กิเลนผยอง" จะมีสมาธิกับการเล่นมากกว่าไม่เสียฟาวล์ง่ายๆ
พิพากษา..... ตำแหน่งนี้ เอสซีจี ดูดีกว่า
คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ
ประทุม ชูทอง - ภานุพงศ์ วงศ์ษา
ออสมาร์ อิบาเนซ รี ควาง ชอน
ฤดูกาลนี้ "แชมป์เซราะกราว" จับเอา ประทุม ชูทอง มารีมิกซ์กับตัวต่างชาติอย่าง "ออสมาร์ อิบาเนซ" ค่อนข้างที่จะลงตัวใช้ได้ในแผนกเกมรับดังภูผาหิน เล่นลูกกลางอากาศใช้ได้ ทว่าการอ่านเกม เมื่อนำมาเทียบกับปราการหลังคู่กลางของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แล้วก็ต้องขอบอกว่า ฝ่ายหลังแจ่มกว่าบาน
"ภานุพงศ์ - รี ควาง ชอน" เล่นร่วมกันมาทั้งฤดูกาล 2012 เป็นฟันเฟืองสำคัญในการคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก สมัย 3 อีกทั้งประสบการณ์ยังเหนือกว่า "ใหม่-ภานุพงศ์" เป็นตัวหลักในทีมชาติไทย ขณะที่แนวรับ "โสมแดง" ผ่านฟุตบอลโลก ปี2010 มาแล้ว ตำแหน่งนี้ มองเหลี่ยมไหนแชมป์ไทยลีกเหนือกว่า
พิพากษา .... หลัง "กิเลน" แข็งโป๊กกว่า
แบ็กขวา
สุรัตน์ สุขะ - ปิยพล บรรเทา
ตำแหน่งนี้ สุรัตน์ สุขะ เสียเปรียบ ปิยพล บรรเทา เพียงแค่ร้างเวทีไทยลีกไปเกือบครึ่งเลกที่หายตัวไปกว่าจะเรียกความฟิตกลับมาใช้เวลาไม่นานนี่เอง แต่ ปิยพล บรรเทา แทบจะผูกขาดกับการเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาของ เอสซีจี เมืองทอง รวมไปถึงทีมชาติไทยลุย "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ" ต่อเนื่องถึง"เอเชียน คัพ"
แต่ถ้าจะเทียบกันในเรื่องของชั้นเชิงลูกหนังประสบการณ์ในการเล่นก็ต้องยกให้กับ สุรีย์ สุขะ เป็นต่ออยู่หลายช่วงตัวเพราะเล่นตำแหน่งนี้มาก่อนทั้งสโมสรและทีมชาติไทย "เปรม-สุรีย์" จะอ่อนด้อยกว่า เพียงแค่ยังขาดเกมและความสัมพันธ์ในทีมกับเพื่อนร่วมทีมเนื่องจากเพิ่งย้ายไปใหม่ แต่การเจอสโมสรไทยด้วยกันแบ็กขวา"เซราะกราว" มีดีกว่าแน่นอน
พิพากษา ....."ปราสาทสายฟ้า" ภาษีดีกว่า
มิดฟิลด์คู่กลาง
ชาริล ซัปปุยส์ - พิชิตพงษ์ เฉยฉิว
สุรัตน์ สุขะ ดักโน่ เซียก้า
โฟกัสไปที่ตำแหน่งห้องเครื่อง "ปราสาทสายฟ้า" เป็นการผสมผสานกันระหว่าง ตัวสดๆ อย่าง ชาริล ซัปปุยส์ กับจอมเก๋า สุรัตน์ สุขะ การประสานงานกันยังไม่เนียนตาพอ เมื่อเทียบกับ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว และ ดักโน่ เซียก้า ที่เล่นร่วมกันมาในทีม เมืองทองตั้งแต่ขึ้นชั้นสู่ไทยลีกใหม่ๆ เรียกได้ว่าแค่มองหน้าก็รู้จักชื่อแม่ยายของกันและกัน ดังนั้นหากจะให้เครดิตว่าใครแจ่มกว่ากันก็ต้องยกให้กับตัวตัดเกมของ "กิเลนผยอง"อย่างไม่ต้องสงสัย
พิพากษา ......... ต้องยกให้ "กิเลน"
ริมเส้นซ้าย-ขวา
แอนโทนี่ อำไพพิทักษ์วงศ์ - พัก นัมโซล
อนาวิน จูจีน จักรพันธ์ พรใส
เกมรุกทางด้านริมเส้นถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของทั้งสองทีม "ปราสาทสายฟ้า" ส่ง 2 แข้งหลักอย่าง แอนโทนี่ อำไพพิทักษ์วงศ์ อยู่ทางฝั่งซ้ายแล้วให้ อนาวิน จูจีน ขึ้นเกมทางฝั่งขวา ลีลาอาจจะไม่พลิ้วไหวเหมือนสายน้ำเทียบเท่ากับคู่ของเมืองทอง อย่าง พัก นัมโซล และ จักรพันธ์ พรใส แต่ได้ในเรื่องของลูกยิงหนักๆ กระนั้นก็ดีเกมริมเส้นซ้าย-ขวา ของทั้ง "กิเลนผยอง" และ "ปราสาทสายฟ้า" สลับดอกนักเตะเก่ากับใหม่ทั้งคู่ดังนั้นความเข้าใจในเกมอาจจะไม่มีใครเหนือกว่ากัน
พิพากษา ...... สูสีหนีกันไม่ขาด
แดนหน้า
เอกชัย สำเร่ - ธีรศิลป์ แดงดา
เคอิ ฮิราโนะ โรลันด์ ลินซ์
แดนหน้าทั้งสองทีมค่อนข้างที่จะใช้นักเตะต่างกัน "ปราสาทสายฟ้า" ใช้แบรนด์ไทยผสมกับ แข้งโควตาเอเชียจากแดนอาทิตย์อุทัย "เคอิ ฮิราโนะ" ส่วนฟาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มี "เทพมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา ดาวซัลโวไทยลีก ประจำการเป็นตัวหลัก อีกรายน่าจะพิจารณา "โรลันด์ ลินซ์" มายืนเคียงข้าง
เทียบตำแหน่งต่อตำแหน่ง แล้วแม้ดาวยิงของ "แชมป์เซราะกราว" จะโดดเด่นในเรื่องของความเร็ว แต่อย่าลืมว่าคู่หัวหอก เอสซีจี เมืองทอง มีดีกว่าในเรื่องของสัญชาตญาณในการสังหารประตู ที่เฉียบคม
พิพากษา ...... "กิเลน" มาวิน
เชนชิโร่ http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/130222_142.html