ทองจริงครับ ... มีแบบทองเขียวและทองซัว     
ทองเขียว  โดยปกติจะมีสีออกเหลืองสุกแวววาว  อมเขียวหรือทองฝลั่ง มี % ทองอยู่ไม่ต่ำกว่า 95% โดยประมาณ     
ส่วนทองซัว  สีออกสุกแววาวแต่อมส้มๆ มี % ทองอยู่ที่ 97% โดยประมาณ  

ทองคำเปลวแบ่งเป็นทองคัดและทองต่อ  ราคาต่างกันไม่มากแล้วแต่จพนำไปใช้ .... มีการตัดหลายขนาด  แล้วแต่จะเอาไปใช้อะไร   วิธีการทำคือเอาทองไปรีดเป็นแผ่นๆ แล้วตัดออกมาเล้กๆ นำเข้าไปตีกับหนัง  จะออกมาเป็นแผ่นๆบางๆและตัดด้วยไม้ลวก    แต่มักใช้คำว่าทอง 100%  
ทองโดยปกติ ถ้าไม่ใช่ทองแท้จะไม่สามารถนมาตีจนบางขนาดนี้ได้   นอกจากทองผ่านกรรมวิธีเช่นทอง 24K   การสังเกตุทองคำเปลวแท้ๆ  ให้เอานิ้วเตะทองมาสักหน่อย แล้วบี้ทองด้วยนิ้ว ถ้าทองแท้ บี้แล้วทองจะเป็นผงจางหายไป ละเอียดมาก  ถ้าเป็นทองไม่แท้ บี้แล้วทองจะปั้นได้เหมือนขี้ไคล  หรือเป็นผงไม่ละเอียด    ทองที่นำมาใช้ประกอบขนม หรือทานกันจะเป็นทองคำเปลวแท้ครับ  สมัยใหม่ยังเอามาโปะหน้าอีกต่างหาก  

แต่ปัจจุบันก็มีไม่น้อยที่ใช้ % ทองลดลง  แต่ก็ยังคงเป้นทองแท้อยู่ครับ ไทม่งั้นเอามาตีกันไม่ได้ .............. ส่วนทองนั้น เอามาตีๆกัน 1 บาทตีได้มากเป้นเท่าตัวหละครับ  แต่ก็ใช่จะกำไรมากมายเพราะกระบวนการทำมันใช้แรงงานทุกขั้นตอน  มักขายกันคราวละเป้นจำนวนมากๆเป็นหลักพันแผ่น จึงจะเห้นกำไรที่คุ้มค่า   ยิ่งซื้อน้อยทองคำเปลวยิ่งแพง  ซื้อมากก็ได้ราคาถุกมาก  

ปัจจุบันยังมีหลายกลุ่มตีทองขายอยู่ครับเพราะประเทศไทย ยังไงก็ขายได้ไม่ว่าจะใช้ในงานศิลปะ  ขนม หรือเสริมความงามก็ยังใช้   แต่ก้เริ่มมีโรงงานนำทองไปเข้าระบบอุสาหกรรม ใช้เครื่องมือในการตีทองแทนแรงงานคน  แต่คุรภาพยังไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับทองที่ตีด้วยแรงงานคนด้วยหนังและค้อน  


ราคาทอง ณ ตอนนี้จะอยู่ที่ราวๆเฉลี่ย   7 - 9 บาท / แผ่น  แล้วแต่จำนวนการซื้อและแหล่ง (  4*4 ซ.ม ... วัดจริงๆได้ 3.8*3.8 )    ทองที่นิยมเอามาทำงานศิลปะจะอยู่ที่ขนาด 4*4 ซ.ม   นิยมเป็นทองคัด  นำมาทำงานปิดทองทุกชนิด     ส่วนทองที่นิยมมาใช้ในงานบุญจะเป็นทองจิ้มที่มีขนาดเล็กมาก  และถูกตามลงไป     ส่วนขนาดมากกว่า 4*4  คงต้องสั่งตีพิเศษเพราะร้านไม่นิยมตีมากนัก    ถ้าจะสั่งให้ราคาถุกต้องระดับ 1000 แผ่นขึ้นไป