เมื่อตอนสายๆ ได้อ่านข่าว ข้อสรุประหว่าง กสทช. กับ 3 ค่ายมือถือ เรื่องวันหมดอายุของบัตรเติมเงิน
เลยเข้ามาหากระทู้ในพันทิป คิดว่าน่าจะมีใครตั้งไว้แล้ว แต่ก็ไม่มี (หรือผมหาไม่เจอ) ก็เลยตั้งเองละกัน
หลังจาก กสทช. ได้มีคำสั่งให้ AIS, Dtac และ Truemove ห้ามกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงินตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 2555 หากไม่ปฏิบัติตามจะต้องเสียค่าปรับให้กับทาง กสทช. ซึ่งทางสามค่ายก็ได้ออกมาชี้แจงถึงปัญหาทางด้านเทคนิคทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของทาง กสทช. ได้ ดังนั้นจึงทั้งสามค่ายจึงยื่นคำขอกับทาง กสทช.เพื่อขอความเห็นชอบต่อการกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงินได้
จากเหตุผลที่ผู้ให้บริการไม่สามารถจัดการให้บัตรเติมเงินไม่มีวันหมดวันหมดอายุได้เนื่องจาก
1. จำเป็นต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคมให้กับ กสทช.เดือนละ 1.07 บาทต่อเลขหมายต่อเดือน
2. หากบัตรเติมเงินไม่มีการกำหนดวันหมดอายุ แล้วผู้ใช้บริการหมายเลขนั้นไม่มีการใช้งาน ไม่มีการเติมเงินเลย ต้นทุนจะตกเป็นภาระของผู้ให้บริการ
3. ถ้าไม่กำหนดวันหมดอายุจะไม่สามารถนำเลขหมายกลับไปหมุนเวียนใช้งานใหม่ได้ ทำให้ต้องจัดสรรหมายเลขใหม่เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ
ข้อมูลล่าสุดพบว่าในปัจจุบันประเทศไทยมีหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ 118 ล้านเลขหมาย แต่มีผู้ใช้จริงเพียง 83 ล้านเลขหมาย ที่หายไปกว่า 20 ล้านเลขหมายนับเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรของชาติเป็นอย่างมาก ดังนั้นทาง กสทช.จึงมีข้อสรุปต่อการยื่นเรื่องขอความเห็นชอบจากทั้ง AIS, DTAC และTruemove ว่า
1. ไม่ว่าจะเติมเงินในราคาเท่าใด แม้กระทั่งต่ำสุด 10 บาท จะต้องมีวันใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 30 วัน
2. เมื่อเติมเงินไปแล้วจะเพิ่มกับจำนวนวันที่มีอยู่ รวมถึงเพิ่มระยะเวลาการสะสมวันสูงสุด 365 วัน
3. เมื่อบอกเลิกสัญญาหรือยกเลิกการใช้หมายเลขนั้นๆ ผู้ให้บริการจะต้องคืนเงินค่าบริการที่คงเหลืออยู่ในระบบให้แก่ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ผู้ให้บริการอาจกำหนดเงื่อนไขให้สามารถโอนเงินค่าบริการที่ชำระล่วงหน้าไว้ไปยังเลขหมายอื่นที่อยู่ในโครงข่ายเดียวกันได้
4. หากผู้ใช้บริการพบว่า เมื่อมีการเติมเงินแล้วยังไม่เข้าเงื่อนไขที่กล่าวไป 3 ข้อ สามารถแจ้งไปยังค่ายมือถือที่คุณใช้ หรือร้องเรียนกับ กสทช.ได้ที่เบอร์ 1200
สำหรับการประกาศใช้เงื่อนไขตามที่ กสทช. กำหนดออกมาจากทั้ง AIS, DTAC และ Truemove น่าจะมีออกมาในเร็วๆนี้ และเชื่อว่าเงื่อนไขที่ กสทช. กำหนดออกมาน่าจะมีผู้ใช้บริการหรืออีกหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาตั้งคำถามถึงข้อดีข้อเสียต่อวิธีปฏิบัติในการครั้งนี้แน่นอน
ที่มา
http://www.arip.co.th/news.php?id=416339
http://hitech.sanook.com/1235323/%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8/
ผมมองว่า กสทช. ก็ยังแก้ปัญหาแบบอวยให้ค่ายมือถืออยู่ดี
1. ไม่ว่าจะเติมเงินในราคาเท่าใด แม้กระทั่งต่ำสุด 10 บาท จะต้องมีวันใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 30 วัน
2. เมื่อเติมเงินไปแล้วจะเพิ่มกับจำนวนวันที่มีอยู่ รวมถึงเพิ่มระยะเวลาการสะสมวันสูงสุด 365 วัน
#ถ้าจะให้แฟร์ กันทั้งสองฝ่าย ก็ไม่ต้องมีวันสูงสุด พูดง่ายๆ คือ เติมเท่าไร ก็สะสมไปได้เท่านั้น แต่นี่ เพิ่มจำนวนวันให้ แต่ถ้าถึงจำนวนวันสูงสุด เติมเท่าไรก็ไม่ได้วันซะงั้น ดังนั้น จำนวนวันที่เพิ่มก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อมีการกำหนดวันสูงสุดไว้
และในส่วนของคำชี้แจงของค่ายมือถือ
2. หากบัตรเติมเงินไม่มีการกำหนดวันหมดอายุ แล้วผู้ใช้บริการหมายเลขนั้นไม่มีการใช้งาน ไม่มีการเติมเงินเลย ต้นทุนจะตกเป็นภาระของผู้ให้บริการ
#ถ้าหมายเลขที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย จะปิดก็ได้ครับ แต่ก็ควรจะมีกฎที่สมเหตุสมผลกว่านี้ เช่น
- หมายเลขไม่มีการโทรเข้าโทรออกเลย ใน 60 (หรือ 90) วัน และ
- หมายเลขมียอดเงินคงเหลือน้อยกว่า 10 บาท (นับเอาจากค่าเติมเงินที่ต่ำที่สุด)
หมายเลขที่เข้าเงื่อนไขนี้ ก็สามารถปิดได้เลย โดยไม่คืนเงิน ซึ่งทางผู้บริการก็จะแบกภาระแค่ 2-3 เดือน คิดเป็นเงิน 2.17-3.21 บาท (ซึ่งบางหมายเลขก็อาจจะมีเงินเหลือมากกว่าที่แบกรับไว้ ถ้าไม่มี ก็ถือว่าเฉลี่ยๆ กันไป ถ้าไม่พอก็รับภาระบ้าง แค่นี้คงไม่ทำให้บริษัทขาดทุนหรอกมั้ง)
ตอนนี้ผมใช้รายเดือนอยู่ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรื่องนี้ แต่รู้สึกไม่พอใจการทำงานของ กสทช. ที่ไม่ได้ช่วยผู้บริโภคเท่าไรเลย รวมทั้งข้ออ้างของค่ายมือถือด้วย ตอนผมเปลี่ยนจากเติมเงินมาเป็นรายเดือน ก็มีเงินบางส่วนที่หายไปฟรีๆ 10 กว่าบาท ผมยังไม่คิดอะไรมากเลย คุณจะแบกภาระบ้าง 1.07 บาท ทำเป็นเรื่องเยอะ เงินที่ได้ไปฟรีๆ นั่น ก็แบกภาระส่วนนี้ได้เกือบปีเลยนะครับ
ประกาศ กสทช. กับประเด็นเรื่อง วันหมดอายุระบบเติมเงิน
เลยเข้ามาหากระทู้ในพันทิป คิดว่าน่าจะมีใครตั้งไว้แล้ว แต่ก็ไม่มี (หรือผมหาไม่เจอ) ก็เลยตั้งเองละกัน
หลังจาก กสทช. ได้มีคำสั่งให้ AIS, Dtac และ Truemove ห้ามกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงินตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 2555 หากไม่ปฏิบัติตามจะต้องเสียค่าปรับให้กับทาง กสทช. ซึ่งทางสามค่ายก็ได้ออกมาชี้แจงถึงปัญหาทางด้านเทคนิคทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของทาง กสทช. ได้ ดังนั้นจึงทั้งสามค่ายจึงยื่นคำขอกับทาง กสทช.เพื่อขอความเห็นชอบต่อการกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงินได้
จากเหตุผลที่ผู้ให้บริการไม่สามารถจัดการให้บัตรเติมเงินไม่มีวันหมดวันหมดอายุได้เนื่องจาก
1. จำเป็นต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคมให้กับ กสทช.เดือนละ 1.07 บาทต่อเลขหมายต่อเดือน
2. หากบัตรเติมเงินไม่มีการกำหนดวันหมดอายุ แล้วผู้ใช้บริการหมายเลขนั้นไม่มีการใช้งาน ไม่มีการเติมเงินเลย ต้นทุนจะตกเป็นภาระของผู้ให้บริการ
3. ถ้าไม่กำหนดวันหมดอายุจะไม่สามารถนำเลขหมายกลับไปหมุนเวียนใช้งานใหม่ได้ ทำให้ต้องจัดสรรหมายเลขใหม่เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ
ข้อมูลล่าสุดพบว่าในปัจจุบันประเทศไทยมีหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ 118 ล้านเลขหมาย แต่มีผู้ใช้จริงเพียง 83 ล้านเลขหมาย ที่หายไปกว่า 20 ล้านเลขหมายนับเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรของชาติเป็นอย่างมาก ดังนั้นทาง กสทช.จึงมีข้อสรุปต่อการยื่นเรื่องขอความเห็นชอบจากทั้ง AIS, DTAC และTruemove ว่า
1. ไม่ว่าจะเติมเงินในราคาเท่าใด แม้กระทั่งต่ำสุด 10 บาท จะต้องมีวันใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 30 วัน
2. เมื่อเติมเงินไปแล้วจะเพิ่มกับจำนวนวันที่มีอยู่ รวมถึงเพิ่มระยะเวลาการสะสมวันสูงสุด 365 วัน
3. เมื่อบอกเลิกสัญญาหรือยกเลิกการใช้หมายเลขนั้นๆ ผู้ให้บริการจะต้องคืนเงินค่าบริการที่คงเหลืออยู่ในระบบให้แก่ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ผู้ให้บริการอาจกำหนดเงื่อนไขให้สามารถโอนเงินค่าบริการที่ชำระล่วงหน้าไว้ไปยังเลขหมายอื่นที่อยู่ในโครงข่ายเดียวกันได้
4. หากผู้ใช้บริการพบว่า เมื่อมีการเติมเงินแล้วยังไม่เข้าเงื่อนไขที่กล่าวไป 3 ข้อ สามารถแจ้งไปยังค่ายมือถือที่คุณใช้ หรือร้องเรียนกับ กสทช.ได้ที่เบอร์ 1200
สำหรับการประกาศใช้เงื่อนไขตามที่ กสทช. กำหนดออกมาจากทั้ง AIS, DTAC และ Truemove น่าจะมีออกมาในเร็วๆนี้ และเชื่อว่าเงื่อนไขที่ กสทช. กำหนดออกมาน่าจะมีผู้ใช้บริการหรืออีกหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาตั้งคำถามถึงข้อดีข้อเสียต่อวิธีปฏิบัติในการครั้งนี้แน่นอน
ที่มา
http://www.arip.co.th/news.php?id=416339
http://hitech.sanook.com/1235323/%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8/
ผมมองว่า กสทช. ก็ยังแก้ปัญหาแบบอวยให้ค่ายมือถืออยู่ดี
1. ไม่ว่าจะเติมเงินในราคาเท่าใด แม้กระทั่งต่ำสุด 10 บาท จะต้องมีวันใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 30 วัน
2. เมื่อเติมเงินไปแล้วจะเพิ่มกับจำนวนวันที่มีอยู่ รวมถึงเพิ่มระยะเวลาการสะสมวันสูงสุด 365 วัน
#ถ้าจะให้แฟร์ กันทั้งสองฝ่าย ก็ไม่ต้องมีวันสูงสุด พูดง่ายๆ คือ เติมเท่าไร ก็สะสมไปได้เท่านั้น แต่นี่ เพิ่มจำนวนวันให้ แต่ถ้าถึงจำนวนวันสูงสุด เติมเท่าไรก็ไม่ได้วันซะงั้น ดังนั้น จำนวนวันที่เพิ่มก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อมีการกำหนดวันสูงสุดไว้
และในส่วนของคำชี้แจงของค่ายมือถือ
2. หากบัตรเติมเงินไม่มีการกำหนดวันหมดอายุ แล้วผู้ใช้บริการหมายเลขนั้นไม่มีการใช้งาน ไม่มีการเติมเงินเลย ต้นทุนจะตกเป็นภาระของผู้ให้บริการ
#ถ้าหมายเลขที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย จะปิดก็ได้ครับ แต่ก็ควรจะมีกฎที่สมเหตุสมผลกว่านี้ เช่น
- หมายเลขไม่มีการโทรเข้าโทรออกเลย ใน 60 (หรือ 90) วัน และ
- หมายเลขมียอดเงินคงเหลือน้อยกว่า 10 บาท (นับเอาจากค่าเติมเงินที่ต่ำที่สุด)
หมายเลขที่เข้าเงื่อนไขนี้ ก็สามารถปิดได้เลย โดยไม่คืนเงิน ซึ่งทางผู้บริการก็จะแบกภาระแค่ 2-3 เดือน คิดเป็นเงิน 2.17-3.21 บาท (ซึ่งบางหมายเลขก็อาจจะมีเงินเหลือมากกว่าที่แบกรับไว้ ถ้าไม่มี ก็ถือว่าเฉลี่ยๆ กันไป ถ้าไม่พอก็รับภาระบ้าง แค่นี้คงไม่ทำให้บริษัทขาดทุนหรอกมั้ง)
ตอนนี้ผมใช้รายเดือนอยู่ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรื่องนี้ แต่รู้สึกไม่พอใจการทำงานของ กสทช. ที่ไม่ได้ช่วยผู้บริโภคเท่าไรเลย รวมทั้งข้ออ้างของค่ายมือถือด้วย ตอนผมเปลี่ยนจากเติมเงินมาเป็นรายเดือน ก็มีเงินบางส่วนที่หายไปฟรีๆ 10 กว่าบาท ผมยังไม่คิดอะไรมากเลย คุณจะแบกภาระบ้าง 1.07 บาท ทำเป็นเรื่องเยอะ เงินที่ได้ไปฟรีๆ นั่น ก็แบกภาระส่วนนี้ได้เกือบปีเลยนะครับ