ไม่รู้เป็นความคิดของใครในพรรคประชาธิปัตย์ ที่คิดริเริ่มจัดตั้งโรงเรียนนี้ โดยให้ชื่อว่า “โตไปไม่โกง”ขึ้นในกทม. ทำให้คนโง่ๆอย่างผม ฟังดูแล้วก็ เข้าใจผิดไปทันทีว่า “โห พรรคนี้ เป็นพรรคที่สะอาดบริสุทธิ์ ดุจดังผ้าขี้ริ้วพับไว้” ไม่เคยโกงชาติเลยแม้แต่บาทเดียว ..แม่มสุดยอด !
แต่พอหันไปเห็นข่าวคราวต่างๆ เกี่ยวกับพรรคนี้เข้า ผมแทบต้องเอาหัวแม่เท้าก่ายหน้าผากทันที เพราะพรรคนี้ แม่มมันมีแต่เรื่องทุจริต คอร์รัปชั่นสารพัดในขณะที่ยังเป็นรัฐบาล โกงตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ สุดท้าย โรงพักฉาว 396 แห่งในโครงการไทยเข้มแข็ง..โกงกันหน้าด้านๆ
พรรคนี้ ทั้งโกงเก่ง และโกหกเก่งที่สุด อีกทั้งหน้าด้านที่สุดเท่าที่เคยเห็นพรรคการเมืองมา มีสรรพคุณที่สามารถบรรยายได้ชนิด 7 วัน 7 คืน...ไม่มีซ้ำ
โตไปไม่โกง ของประชาธิปัตย์ จึงเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงชาวบ้านโง่ๆอย่างพวกสลิ่ม ที่มีแต่ความเชื่อโดยขาดหลักฐาน แต่ไม่สามารถโกหกคนอื่นๆนอกจากสลิ่มได้ เพราะหลักฐานการโกงของพรรคนี้ มันเห็นประจักษ์อยู่กับสายตา ..ทนโท่
ผมแนะนำว่า “โตไปไม่โกง” ควรเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ เป็น “โตไปไม่อาย”จะเหมาะกว่า เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความเป็นจริงของพรรคในทุกด้าน เพราะพรรคไม่ได้โกงเก่งอย่างเดียว ยังมีเรื่องการโกหกเก่ง ความหน้าด้านไร้ยางอาย อีกด้วย..ล้วนเป็นเอตะทัคคะทั้งสิ้น
“โตไปไม่อาย” จึงเป็นชื่อที่เหมาะสมที่สุด เข้ากันได้ดีที่สุด ลงตัวที่สุด กับคาแร็คเตอร์ของบรรดาคนในพรรคอย่างไม่มีที่ติ เพราะแต่ละคนไร้เทียมทานในเรื่องราวสารพัดที่เป็น “ความเลว” ชนิดที่ไม่มีใครสามารถจะทำอย่างนั้นได้..สงวนสิทธิ์ไว้โดยเฉพาะ !
หลังจากเปลี่ยนชื่อมาเป็น “โตไปไม่อาย”แล้ว ก็ควรเสาะหาอาจารย์สอนดีๆ ดังๆ เก่งๆมาประจำโรงเรียน "โตไปไม่อาย"แห่งนี้ เพื่อดึงดูดนักเรียน ผมยกตัวอย่าง เช่น อาจารย์อภิสิทธิ์ อาจารย์สุเทพ อาจารย์หมอวรงค์ อาจารย์ศิริโชค อาจารย์ชวนนท์ อาจารย์มัลลิกา ฯลฯ และล่าสุด อาจารย์วัชระ เพชรทอง..ว๊าววววว !
ถ้าได้อาจารย์ “เก่งๆ”เหล่านี้ มาสอนประจำแล้ว มั่นใจได้เลยว่านักเรียนทีจบไป จะต้องเต็มไปด้วยคุณภาพ ประสิทธิภาพ พลานุภาพชนิดเต็มร้อย เพราะอาจารย์แต่ละคนที่เอ่ยนามมาล้วนเชี่ยวชาญคนละหลายสาขาทั้งนั้น..โดยเฉพาะสาขาการโกหกวิทยา
เชื่อผมเถอะ ! ตั้งชื่อว่า “โตไปไม่โกง”น่ะ อาจารย์เหล่านี้ สอนกันไม่เป็นหรอกครับ เพราะไม่รู้จะสอนอย่างไร คิดกันไม่ออกหรอกครับ เพราะในสมองไม่เคยคิด แต่ถ้า “โตไปไม่อาย”ละก็ รับรอง อาจารย์เหล่านี้ สอนโดยไม่ต้องอิงหลักสูตรใดๆ ไม่ต้องเปิดตำรา เพราะเรื่อง “หน้าด้าน ไร้ยางอาย บัดซบ”เหล่านี้ ..มันอยู่ในสมองของอาจารย์อยู่แล้ว !!!
... "โตไปไม่โกง" ควรเปลี่ยนชื่อเป็น "โตไปไม่อาย" น่าจะเหมาะกว่า...
แต่พอหันไปเห็นข่าวคราวต่างๆ เกี่ยวกับพรรคนี้เข้า ผมแทบต้องเอาหัวแม่เท้าก่ายหน้าผากทันที เพราะพรรคนี้ แม่มมันมีแต่เรื่องทุจริต คอร์รัปชั่นสารพัดในขณะที่ยังเป็นรัฐบาล โกงตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ สุดท้าย โรงพักฉาว 396 แห่งในโครงการไทยเข้มแข็ง..โกงกันหน้าด้านๆ
พรรคนี้ ทั้งโกงเก่ง และโกหกเก่งที่สุด อีกทั้งหน้าด้านที่สุดเท่าที่เคยเห็นพรรคการเมืองมา มีสรรพคุณที่สามารถบรรยายได้ชนิด 7 วัน 7 คืน...ไม่มีซ้ำ
โตไปไม่โกง ของประชาธิปัตย์ จึงเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงชาวบ้านโง่ๆอย่างพวกสลิ่ม ที่มีแต่ความเชื่อโดยขาดหลักฐาน แต่ไม่สามารถโกหกคนอื่นๆนอกจากสลิ่มได้ เพราะหลักฐานการโกงของพรรคนี้ มันเห็นประจักษ์อยู่กับสายตา ..ทนโท่
ผมแนะนำว่า “โตไปไม่โกง” ควรเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ เป็น “โตไปไม่อาย”จะเหมาะกว่า เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความเป็นจริงของพรรคในทุกด้าน เพราะพรรคไม่ได้โกงเก่งอย่างเดียว ยังมีเรื่องการโกหกเก่ง ความหน้าด้านไร้ยางอาย อีกด้วย..ล้วนเป็นเอตะทัคคะทั้งสิ้น
“โตไปไม่อาย” จึงเป็นชื่อที่เหมาะสมที่สุด เข้ากันได้ดีที่สุด ลงตัวที่สุด กับคาแร็คเตอร์ของบรรดาคนในพรรคอย่างไม่มีที่ติ เพราะแต่ละคนไร้เทียมทานในเรื่องราวสารพัดที่เป็น “ความเลว” ชนิดที่ไม่มีใครสามารถจะทำอย่างนั้นได้..สงวนสิทธิ์ไว้โดยเฉพาะ !
หลังจากเปลี่ยนชื่อมาเป็น “โตไปไม่อาย”แล้ว ก็ควรเสาะหาอาจารย์สอนดีๆ ดังๆ เก่งๆมาประจำโรงเรียน "โตไปไม่อาย"แห่งนี้ เพื่อดึงดูดนักเรียน ผมยกตัวอย่าง เช่น อาจารย์อภิสิทธิ์ อาจารย์สุเทพ อาจารย์หมอวรงค์ อาจารย์ศิริโชค อาจารย์ชวนนท์ อาจารย์มัลลิกา ฯลฯ และล่าสุด อาจารย์วัชระ เพชรทอง..ว๊าววววว !
ถ้าได้อาจารย์ “เก่งๆ”เหล่านี้ มาสอนประจำแล้ว มั่นใจได้เลยว่านักเรียนทีจบไป จะต้องเต็มไปด้วยคุณภาพ ประสิทธิภาพ พลานุภาพชนิดเต็มร้อย เพราะอาจารย์แต่ละคนที่เอ่ยนามมาล้วนเชี่ยวชาญคนละหลายสาขาทั้งนั้น..โดยเฉพาะสาขาการโกหกวิทยา
เชื่อผมเถอะ ! ตั้งชื่อว่า “โตไปไม่โกง”น่ะ อาจารย์เหล่านี้ สอนกันไม่เป็นหรอกครับ เพราะไม่รู้จะสอนอย่างไร คิดกันไม่ออกหรอกครับ เพราะในสมองไม่เคยคิด แต่ถ้า “โตไปไม่อาย”ละก็ รับรอง อาจารย์เหล่านี้ สอนโดยไม่ต้องอิงหลักสูตรใดๆ ไม่ต้องเปิดตำรา เพราะเรื่อง “หน้าด้าน ไร้ยางอาย บัดซบ”เหล่านี้ ..มันอยู่ในสมองของอาจารย์อยู่แล้ว !!!