จับหนุ่มนครฯ ข่มขืนแหม่ม รับทำไม่สำเร็จ อ้างเหยื่อสมยอม

ที่มา: หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556




รวบหนุ่มนครฯ ข่มขืนสาวสกอตแลนด์ รับทำคนเดียว ลงมือ 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ ตร.มึนผู้เสียหายอ้างจำไม่ได้ ผู้การเผยคดีก้ำกึ่งข่มขืน-สมยอม

ความคืบหน้าคดี น.ส.แอน (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี สัญชาติสกอต เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่า ถูกชายไทย 4 คนกระทำชำเรา เหตุเกิดที่ระเบียงชั้น 2 อาคารห้องแถวพาณิชย์ ข้างห้างสรรพสินค้าโรบินสันโอเชี่ยน ต.คลัง เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายหลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนเร่งคลี่คลายคดี กลับพบว่ามีปมน่าสงสัยในหลายประเด็น ประกอบกับผู้เสียหายให้การสับสน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เรียกประชุมชุดสืบสวนทั้งหมดกระทั่งพบข้อมูลสำคัญภายหลังนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมให้พยานดูควบคู่ไปด้วย จนพบชายต้องสงสัย ซึ่งพยานยืนยันว่าเดินตามผู้เสียหายไป เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนจนพบว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้คือ นายพงศ์พัฒน์ โพโส้ย อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 3 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง เป็นพนักงานร้านยางรถยนต์แห่งหนึ่งและเป็นลูกค้าประจำของร้านนครเวียงจันทร์ เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบปากคำเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่เจ้าตัวให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ได้พบเห็นผู้เสียหายจริง

ต่อมา พล.ต.ต.รณพงศ์ เดินทางมาสอบปากคำนายพงศ์พัฒน์ กระทั่งให้การยอมรับสารภาพว่า กระทำชำเราผู้เสียหาย 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เริ่มต้นจากการช่วยเหลือสาวชาวต่างประเทศคนนี้ ในสภาพที่มีบาดแผลบริเวณเข่า แล้วเกิดความรู้สึกทางเพศ เนื่องจากผู้เสียหายสวมกระโปรงสั้น จากนั้นเดินตามผู้เสียหายซึ่งอยู่ในสภาพมึนเมาอย่างหนักไปบนชั้น 2 ของอาคารที่เกิดเหตุ และลงมือข่มขืนถึง 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ

ขณะที่เพื่อนของผู้ต้องหาให้การว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายไม่มีท่าทีขัดขืน ส่วนนายพงศ์พัฒน์ก็มีท่าทีโอนอ่อนผ่อนตาม และมีคำพูดที่แสดงถึงความพึงพอใจประโยคเดิมซ้ำๆ หลายครั้ง

ในช่วงเช้าวันเดียวกัน น.ส.แอน เดินทางไปยัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยแฟนหนุ่มชาติเดียวกัน เพื่อชี้ตัวผู้ต้องหา ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถชี้ตัวได้ โดยอ้างว่าจำไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนนายพงศ์พัฒน์ เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เริ่มตั้งแต่ร้านนครเวียงจันทร์

พล.ต.ต.รณพงศ์ กล่าวว่า ผู้เสียหายไม่สามารถชี้ตัวผู้ต้องหาได้ เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนแล้วพบว่า รถกระบะและผู้ก่อเหตุ 4 คนตามที่ผู้เสียหายเคยให้การก่อนหน้านี้ ไม่เป็นความจริง แต่มีการกระทำชำเราเกิดขึ้น 30 นาทีในช่วงเวลา 03.14-03.45 น. เจ้าหน้าที่มีประจักษ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุ เป็นเพื่อนของผู้ต้องหาซึ่งให้การเป็นประโยชน์มากจนสามารถนำตัวผู้ต้องหามาได้ และขณะที่ผู้ต้องหาลงมือกระทำชำเรา ผู้เสียหายก็ได้พูดในทำนองพึงพอใจ ดังนั้นพฤติการณ์แห่งคดียังมีความก้ำกึ่งอย่างมากว่าจะเป็นการสมยอมหรือข่มขืน

"สารคัดหลั่งประเภทอสุจิที่พบในตัวผู้เสียหายนั้นยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นของใคร เนื่องจากแฟนหนุ่มของผู้เสียหายให้การว่าได้ร่วมเพศกับผู้เสียหายมาก่อน ส่วนผู้ต้องหาให้การว่าไม่ได้หลั่ง เนื่องจากไม่ได้สำเร็จความใคร่ เรื่องนี้ต้องรอผลพิสูจน์จากแพทย์ก่อนสรุปสำนวนคดี" พล.ต.ต.รณพงศ์ กล่าว

พล.ต.ต.รณพงศ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้เสียหายจะเดินทางกลับประเทศในช่วงดึกวันที่ 20 กุมภาพันธ์ โดยตำรวจไปส่งที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนทางคดีได้ประสานกับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อสืบพยานล่วงหน้า เนื่องจากผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ ต้องเดินทางกลับประเทศ ศาลได้อนุมัติแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่