And the Oscars go to……………….
ปีนี้น่าจะเป็นปีที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์ของออสการ์ในด้านของความสูสีในเกือบทุกรางวัล และเป็นปีที่ประวัติศาสตร์ของออสการ์ถูกทำลายมากมายหลายข้อ เป็นปีที่ความผกผันมากที่สุดปีหนึ่ง
Best Picture
เมื่อออสการ์ถูกล้อมกรอบ
รางวัลหนังยอดเยี่ยมส่วนมากจะมาคู่กับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมเสมอ และเมื่อออสการ์ถูกเพิ่มการเสนอชื่อหนังยอดเยี่นมจากห้าเรื่องเป็นไม่เกินสิบเรื่อง มันก็คงเป็นเรื่องง่ายที่ผู้กำกับที่สมควรจะได้รับรางวัลออสการ์ทั้งห้าคนก็ควรจะถูกเสนอชื่อพร้อมไปกับหนัง แต่ปีนี้ไม่ใช่เป็นเช่นนั้น Ben Affleck ไม่ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ในฐานะผู้กำกับซึ่งถ้าว่ากันตามสถิติล้วนๆ Argo หมดหวังที่จะได้ออสการ์อยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าหนังเรื่องนี้กลับกลายสร้างปรากฏการณ์คว้ารางวัลของสถาบันต่างๆเต็มไปหมด ตั้งแต่PGA,SAG Ensemble,DGA,WGA,ACE,BAFTA,GOLDEN Globe Award,Critic Choice Award, Top AFI ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถาบันอันได้รับการเชื่อถือในแต่ละสาขาทั้งสิ้น (ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อยเพราะก่อนหน้านี้หนังเรื่องนี้ก็ได้รับการชมเชยมากแต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงขนาดมาไกลขนาดนี้ หรืออาจเป็นแรงสงสารสำหรับเบน) ดังนั้น ณ เวลานี้ Argo แทบจะเต็งหามสำหรับ Best Picture
แต่การจะได้รางวัลหนังยอดเยี่ยมโดยไม่มีรางวัลคู่กายเลยก็คงเป็นเรื่องแปลกอยู่ไม่น้อย (Fact : ในอดีตBest Picture ที่ได้รับรางวัลออสการ์เพียงแค่หนึ่งรางวัลมี3เรื่องซึ่งก็เป็นสมัยแรกๆของการประกาศผลออสการ์หรือได้สองรางวัลก็มี3เรื่องเช่นกันซึ่งก็เป็นสมัยแรกๆเหมือนกัน) เมื่อเราเหลือบมอง7รางวัลของArgoก็จะมีBest Picture,สมทบชาย อลัน อาร์กิ้น,บทดัดแปลง,ตัดต่อ,ตัดต่อเสียง,ผสมเสียงและoriginal score ซึ่งถ้าหนังยอดเยี่ยมได้พวกทางเทคนิคไปอย่างเดียวก็ไม่สมฐานะ สิ่งที่สมฐานะคือรางวัลบทและตัดต่อ ซึ่งคู่แข่งของทั้งสองรางวัลก็คือคู่แข่งคนสำคัญในหนังยอดเยี่ยมคือ Lincoln และ Silver Linings Playbook เพราะฉะนั้นเราสามารถรู้รางวัลหนังยอดเยี่ยมปีนี้ได้แต่เนิ่นๆตั้งแต่การประการรางวัลตัดต่อหรือบทดัดแปลงแล้วว่าออสการ์จะเป็นของใคร (Fact : ถ้าArgo ได้ออสการ์เพียงแค่3รางวัลคือหนัง บท และ ตัดต่อ ก็จะตรงกับหนังเรื่อง Crash ที่ได้สามรางวัลในรางวัลดังกล่าวเหมือนกัน และถ้าArgo ได้ออสการ์หนังยอดเยี่ยม ก็จะเป็นหนังเรื่องที่4ที่ได้ออสการ์หนังยอดเยี่ยมโดยถึงแม้ผู้กำกับไม่ได้เข้าชิง เรื่องก่อนหน้านี้คือ Driving Miss Daisy)
Best Actress และ Best Supporting Actor
เมื่อสถิติทำงาน
Silver Linings Playbook ถูกเสนอชื่อชิงในฐานะดารานำชาย,นำหญิง,สมทบชาย,สมทบหญิงทั้งสี่รางวัล ซึ่งถือว่าเป็นหนังเรื่องที่เก้าที่ทำได้ (Fact : Mrs Miniver (2),For Whom the Bell tolls (1), From Here to Eternity (2), A Streetcar Named Desire (3), Who’s Afraid Of Virginia Wolf? (2), Guess Who’s coming to dinner(1), Bonnie and Clyde (1) , Network (3), Reds (1)) ที่ผ่านมาหนังทั้งแปดเรื่องจะต้องได้รับรางวัลออสการ์อย่างน้อยหนึ่งรางวัลเสมอในสาขานักแสดง นั้นหมายความว่าถ้าสถิติยังทำงานไม่ผิดพลาด Silver Linings Playbook จะต้องได้รับรางวัลอย่างน้อยหนึ่งตัวจากสาขาการแสดง ซึ่งในสี่รางวัลที่โดดเด่นที่สุดก็คือ Jennifer Lawrence ในสาขานำหญิงทีชนะมาเกือบทุกแห่ง คู่แข่งขันที่อาจจะพลิกล็อคถล่มทลาย ไม่ใช่ Jessica Chastain แต่กลับเป็น Emmanuelle Riva ที่น่าสนใจเพราะเธอไม่ชอบนั่งเครื่องบินดังนั้นถ้าการนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศสักครั้งก็น่าจะหมายถึงมารับรางวัลสำคัญและแถมวันประกาศผลออสการ์ยังตรงกับวันเกิดของแกอีก หรือนี่จะเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นสำคัญ (Fact : Riva อายุมากที่สุดในการเสนอชื่อชิงออสการ์ ขณะที่ Quvenshane Wallis อายุน้อยที่สุด นั้นหมายถึงส่วนต่างที่มากที่สุดด้วย)
รางวัลสมทบชายปีนี้เป็นปีที่น่าสนใจทีเดียวเพราะสูสีจนใครได้ออสการ์ไปก็ไม่น่ารังเกียจอะไรทั้งสิ้น ซึ่งถ้านับอาวุโสสุดในเวทีออสการ์ก็ไม่พ้น Robert De Niro เขาได้ออสการ์สองตัวจาก The Godfather Part Two (1974) และ Raging Bull (1979) ซึ่งนั้นก็33ปีมาแล้ว และได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ครั้งสุดท้ายปี1991จาก Cape fear ซึ่งก็21ปีมาแล้ว และที่น่าสนใจคือ Meryl Streep ได้ออสการ์ตัวที่สามเมื่อปีที่แล้ว ทั้งเธอและเขาเล่นหนังกันบ่อยในยุค80 ทั้งคู่โด่งดังมากจากการเสนอชื่อชิงออสการ์เป็นว่าเล่น ก็ไม่น่าแปลกที่ De Niro จะคว้ารางวัลออสการ์ตัวที่สามไปซึ่งก็ไม่เป็นที่ครหาแต่อย่างใดเพราะใครก็เหมาะทั้งนั้นแต่สำหรับทั้งสี่เพิ่งได้ออสการ์มาไม่นาน (Fact ประวัติศาสตร์ออสการ์ต้องจารึกว่าเป็นปีแรกที่ดาราทั้งห้าคนที่ถูกเสนอชื่อชิงออสการ์ล้วนแล้วแต่ได้รางวัลออสการ์มาแล้วทั้งสิ้น)
Best Actor
เมื่อสถิติไม่ทำงาน
ดาราที่เคยเล่นหนังของสตีเฟน สปีลเบอร์ก เคยถูกเสนอชื่อชิงออสการ์มาแล้วทั้งหมด9คน ไม่เคยมีคนไหนได้ออสการ์จากการกำกับของสปีลเบอร์กเลยสักคนเดียว ซึ่งถ้าสถิติทำงานไม่ผิดพลาด นั้นหมายความว่า Daniel Day Lewis , Tommy Lee Jones และ Sally Field ก็จะปิ๋วไปอีกทั้งสามคน แต่ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Lewis ที่ได้รับรางวัลมาเกือบทุกแห่งน่าจะเป็นการทำลายอาถรรพณ์ของผู้กำกับท่านนี้ได้ (Fact : ถ้า Lewis ได้ออสการ์ตัวที่สามจากเรื่องนี้เขาจะเป็นดารานำชายคนแรกและเป็นคนอังกฤษที่ทำได้)
Best Supporting Actress
Anne Hathaway น่าจะนอนมาสำหรับ Les Miserables
Best Director
รางวัลนี้น่าจะเป็นรางวัลที่ยุ่งที่สุด เมื่อไม่มี Ben ถ้าพูดตามหลักคณิตศาสตร์ดูจากรายชื่อผู้เข้าชิง DGA จะเหลือเพียง 2 คนที่ตรงกับออสการ์คือ สตีเฟน สบีลเบอร์ก และ อัง ลี ที่เหลือไม่เข้าชิง สปีลเบอร์กคั่วรางวัลที่3 อัง ลี คั่วรางวัลที่2 หรืออาจจะมีม้ามืดเพราะไหนๆออสการ์จะให้Argo เป็นหนังเยี่ยมแล้วก็ฉีกแนวไปเลย Michale Haneke กับ Amour ซึ่งเต็งจ๋ากับหนังต่างประเทศยอดเยี่ยมทำไมจะไม่เหมาะกับรางวัลผู้กำกับ David O Russell ถ้าพาดาราเข้าชิงตั้งสี่คนทำไมจะไม่เหมาะกับรางวัลผู้กำกับ น่าสนทั้งนั้น
เรามาดูรางวัลที่เหลือกัน ถ้า SLP ได้อย่างน้อยรางวัลสำคัญไปสองรางวัลก็น่าจะเพียงพอ Life Of Pi ก็น่าจะแฮปปี้กับรางวัลการถ่ายภาพหรือทางด้านศิลป์ สิ่งที่น่าสนใจคือ Lincoln ที่ถุกเสนอชื่อชิง12ตัวและArgo หยิบรางวัลสำคัญไปหมดแล้ว(บทและตัดต่อ)แล้วเหลือรางวัลอะไรให้ลุ้น Costume Design , Orginal Music Score (John Williams), Sound Mixing เพราะฉะนั้นถ้าสปีลเบอร์กได้ออสการ์ตัวทีสามกับดารานำและสกอร์ น่าจะเหมาะไหม หรือล็อคจะถล่มที่ Michael Haneke ซึ่งถ้าได้หนังต่างประเทศ,บทดั้งเดิม (ซี่งน่าลุ้นมากๆ) เขาอาจจะพลิกไปหยิบรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมก็ได้น่าจับตามากๆ (Fact : .ในปีที่หนังยอดเยี่ยมและผู้กำกับเป็นคนละคนกัน อย่างน้อยหนังที่ผู้กำกับได้ออสการ์จะได้เรื่องบทหรือการตัดต่อด้วย มีเพียง The Graduate (1967) ที่ได้เพียงรางวัลผู้กำกับเพียงรางวัลเดียว ซี่งนั้นก็45ปีมาแล้ว)
สรุป : Best Picture : Argo
Best Actor : Daniel Day Lewis : :Lincoln
Best Actress : Jennifer Lawrence : Silver Linings Playbook
Best Supporting Actor : Robert De Niro : Silver Linings Playbook
Best Supporting Actress : Anne Hathaway : Les Miserables
Best Director : Michael Haneke (Amour)
Best Orginal screenplay : Amour
Best Adapted Screenplay : Argo
Best Edit : Argo
Best Foreign movie : Amour
สถืติส่งท้าย : ถ้า Christoph Waltz ได้ออสการ์ เขาจะเข้าไปร่วมคลับ Perfect Two แต่ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นคนแรกที่ได้ออสการ์จากหนังผู้กำกับคนเดียว
ถ้า Sally Field ได้ออสการ์ เธอจะเป็นคนแรก Perfect three เข้าชิงสามได้ออสการ์ทั้งสาม
เป็นปีแรกที่มีผู้เข้าชิงที่คั่วออสการ์ตัวที่3 มากที่สุดถึง 4 คน ซึ่งถ้ารวม สตีเฟน สปีลเบอร์ก เข้าไปด้วยก็จะเป็น 5
ขำขัน Phillip Seymour Hoffman เคยชิงออสการ์คู่กันมาแล้วกับ Amy Adams ใน Doubt โดยเล่นเป็นคู่อริกันระหว่างบาทหลวงกับแม่ชีมือใหม่ หลังจากสึกทั้งสองกลับมาแต่งงานกันโดย ทั้งตู่ได้ตั้งนิกายความเชื่อขึ้นมาใหม่ใน The Master และทำให้ทั้งคู่เข้าชิงออสการ์อีกครั้งหนึ่ง
And The Oscars Go to............................
ปีนี้น่าจะเป็นปีที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์ของออสการ์ในด้านของความสูสีในเกือบทุกรางวัล และเป็นปีที่ประวัติศาสตร์ของออสการ์ถูกทำลายมากมายหลายข้อ เป็นปีที่ความผกผันมากที่สุดปีหนึ่ง
Best Picture
เมื่อออสการ์ถูกล้อมกรอบ
รางวัลหนังยอดเยี่ยมส่วนมากจะมาคู่กับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมเสมอ และเมื่อออสการ์ถูกเพิ่มการเสนอชื่อหนังยอดเยี่นมจากห้าเรื่องเป็นไม่เกินสิบเรื่อง มันก็คงเป็นเรื่องง่ายที่ผู้กำกับที่สมควรจะได้รับรางวัลออสการ์ทั้งห้าคนก็ควรจะถูกเสนอชื่อพร้อมไปกับหนัง แต่ปีนี้ไม่ใช่เป็นเช่นนั้น Ben Affleck ไม่ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ในฐานะผู้กำกับซึ่งถ้าว่ากันตามสถิติล้วนๆ Argo หมดหวังที่จะได้ออสการ์อยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าหนังเรื่องนี้กลับกลายสร้างปรากฏการณ์คว้ารางวัลของสถาบันต่างๆเต็มไปหมด ตั้งแต่PGA,SAG Ensemble,DGA,WGA,ACE,BAFTA,GOLDEN Globe Award,Critic Choice Award, Top AFI ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถาบันอันได้รับการเชื่อถือในแต่ละสาขาทั้งสิ้น (ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อยเพราะก่อนหน้านี้หนังเรื่องนี้ก็ได้รับการชมเชยมากแต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงขนาดมาไกลขนาดนี้ หรืออาจเป็นแรงสงสารสำหรับเบน) ดังนั้น ณ เวลานี้ Argo แทบจะเต็งหามสำหรับ Best Picture
แต่การจะได้รางวัลหนังยอดเยี่ยมโดยไม่มีรางวัลคู่กายเลยก็คงเป็นเรื่องแปลกอยู่ไม่น้อย (Fact : ในอดีตBest Picture ที่ได้รับรางวัลออสการ์เพียงแค่หนึ่งรางวัลมี3เรื่องซึ่งก็เป็นสมัยแรกๆของการประกาศผลออสการ์หรือได้สองรางวัลก็มี3เรื่องเช่นกันซึ่งก็เป็นสมัยแรกๆเหมือนกัน) เมื่อเราเหลือบมอง7รางวัลของArgoก็จะมีBest Picture,สมทบชาย อลัน อาร์กิ้น,บทดัดแปลง,ตัดต่อ,ตัดต่อเสียง,ผสมเสียงและoriginal score ซึ่งถ้าหนังยอดเยี่ยมได้พวกทางเทคนิคไปอย่างเดียวก็ไม่สมฐานะ สิ่งที่สมฐานะคือรางวัลบทและตัดต่อ ซึ่งคู่แข่งของทั้งสองรางวัลก็คือคู่แข่งคนสำคัญในหนังยอดเยี่ยมคือ Lincoln และ Silver Linings Playbook เพราะฉะนั้นเราสามารถรู้รางวัลหนังยอดเยี่ยมปีนี้ได้แต่เนิ่นๆตั้งแต่การประการรางวัลตัดต่อหรือบทดัดแปลงแล้วว่าออสการ์จะเป็นของใคร (Fact : ถ้าArgo ได้ออสการ์เพียงแค่3รางวัลคือหนัง บท และ ตัดต่อ ก็จะตรงกับหนังเรื่อง Crash ที่ได้สามรางวัลในรางวัลดังกล่าวเหมือนกัน และถ้าArgo ได้ออสการ์หนังยอดเยี่ยม ก็จะเป็นหนังเรื่องที่4ที่ได้ออสการ์หนังยอดเยี่ยมโดยถึงแม้ผู้กำกับไม่ได้เข้าชิง เรื่องก่อนหน้านี้คือ Driving Miss Daisy)
Best Actress และ Best Supporting Actor
เมื่อสถิติทำงาน
Silver Linings Playbook ถูกเสนอชื่อชิงในฐานะดารานำชาย,นำหญิง,สมทบชาย,สมทบหญิงทั้งสี่รางวัล ซึ่งถือว่าเป็นหนังเรื่องที่เก้าที่ทำได้ (Fact : Mrs Miniver (2),For Whom the Bell tolls (1), From Here to Eternity (2), A Streetcar Named Desire (3), Who’s Afraid Of Virginia Wolf? (2), Guess Who’s coming to dinner(1), Bonnie and Clyde (1) , Network (3), Reds (1)) ที่ผ่านมาหนังทั้งแปดเรื่องจะต้องได้รับรางวัลออสการ์อย่างน้อยหนึ่งรางวัลเสมอในสาขานักแสดง นั้นหมายความว่าถ้าสถิติยังทำงานไม่ผิดพลาด Silver Linings Playbook จะต้องได้รับรางวัลอย่างน้อยหนึ่งตัวจากสาขาการแสดง ซึ่งในสี่รางวัลที่โดดเด่นที่สุดก็คือ Jennifer Lawrence ในสาขานำหญิงทีชนะมาเกือบทุกแห่ง คู่แข่งขันที่อาจจะพลิกล็อคถล่มทลาย ไม่ใช่ Jessica Chastain แต่กลับเป็น Emmanuelle Riva ที่น่าสนใจเพราะเธอไม่ชอบนั่งเครื่องบินดังนั้นถ้าการนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศสักครั้งก็น่าจะหมายถึงมารับรางวัลสำคัญและแถมวันประกาศผลออสการ์ยังตรงกับวันเกิดของแกอีก หรือนี่จะเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นสำคัญ (Fact : Riva อายุมากที่สุดในการเสนอชื่อชิงออสการ์ ขณะที่ Quvenshane Wallis อายุน้อยที่สุด นั้นหมายถึงส่วนต่างที่มากที่สุดด้วย)
รางวัลสมทบชายปีนี้เป็นปีที่น่าสนใจทีเดียวเพราะสูสีจนใครได้ออสการ์ไปก็ไม่น่ารังเกียจอะไรทั้งสิ้น ซึ่งถ้านับอาวุโสสุดในเวทีออสการ์ก็ไม่พ้น Robert De Niro เขาได้ออสการ์สองตัวจาก The Godfather Part Two (1974) และ Raging Bull (1979) ซึ่งนั้นก็33ปีมาแล้ว และได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ครั้งสุดท้ายปี1991จาก Cape fear ซึ่งก็21ปีมาแล้ว และที่น่าสนใจคือ Meryl Streep ได้ออสการ์ตัวที่สามเมื่อปีที่แล้ว ทั้งเธอและเขาเล่นหนังกันบ่อยในยุค80 ทั้งคู่โด่งดังมากจากการเสนอชื่อชิงออสการ์เป็นว่าเล่น ก็ไม่น่าแปลกที่ De Niro จะคว้ารางวัลออสการ์ตัวที่สามไปซึ่งก็ไม่เป็นที่ครหาแต่อย่างใดเพราะใครก็เหมาะทั้งนั้นแต่สำหรับทั้งสี่เพิ่งได้ออสการ์มาไม่นาน (Fact ประวัติศาสตร์ออสการ์ต้องจารึกว่าเป็นปีแรกที่ดาราทั้งห้าคนที่ถูกเสนอชื่อชิงออสการ์ล้วนแล้วแต่ได้รางวัลออสการ์มาแล้วทั้งสิ้น)
Best Actor
เมื่อสถิติไม่ทำงาน
ดาราที่เคยเล่นหนังของสตีเฟน สปีลเบอร์ก เคยถูกเสนอชื่อชิงออสการ์มาแล้วทั้งหมด9คน ไม่เคยมีคนไหนได้ออสการ์จากการกำกับของสปีลเบอร์กเลยสักคนเดียว ซึ่งถ้าสถิติทำงานไม่ผิดพลาด นั้นหมายความว่า Daniel Day Lewis , Tommy Lee Jones และ Sally Field ก็จะปิ๋วไปอีกทั้งสามคน แต่ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Lewis ที่ได้รับรางวัลมาเกือบทุกแห่งน่าจะเป็นการทำลายอาถรรพณ์ของผู้กำกับท่านนี้ได้ (Fact : ถ้า Lewis ได้ออสการ์ตัวที่สามจากเรื่องนี้เขาจะเป็นดารานำชายคนแรกและเป็นคนอังกฤษที่ทำได้)
Best Supporting Actress
Anne Hathaway น่าจะนอนมาสำหรับ Les Miserables
Best Director
รางวัลนี้น่าจะเป็นรางวัลที่ยุ่งที่สุด เมื่อไม่มี Ben ถ้าพูดตามหลักคณิตศาสตร์ดูจากรายชื่อผู้เข้าชิง DGA จะเหลือเพียง 2 คนที่ตรงกับออสการ์คือ สตีเฟน สบีลเบอร์ก และ อัง ลี ที่เหลือไม่เข้าชิง สปีลเบอร์กคั่วรางวัลที่3 อัง ลี คั่วรางวัลที่2 หรืออาจจะมีม้ามืดเพราะไหนๆออสการ์จะให้Argo เป็นหนังเยี่ยมแล้วก็ฉีกแนวไปเลย Michale Haneke กับ Amour ซึ่งเต็งจ๋ากับหนังต่างประเทศยอดเยี่ยมทำไมจะไม่เหมาะกับรางวัลผู้กำกับ David O Russell ถ้าพาดาราเข้าชิงตั้งสี่คนทำไมจะไม่เหมาะกับรางวัลผู้กำกับ น่าสนทั้งนั้น
เรามาดูรางวัลที่เหลือกัน ถ้า SLP ได้อย่างน้อยรางวัลสำคัญไปสองรางวัลก็น่าจะเพียงพอ Life Of Pi ก็น่าจะแฮปปี้กับรางวัลการถ่ายภาพหรือทางด้านศิลป์ สิ่งที่น่าสนใจคือ Lincoln ที่ถุกเสนอชื่อชิง12ตัวและArgo หยิบรางวัลสำคัญไปหมดแล้ว(บทและตัดต่อ)แล้วเหลือรางวัลอะไรให้ลุ้น Costume Design , Orginal Music Score (John Williams), Sound Mixing เพราะฉะนั้นถ้าสปีลเบอร์กได้ออสการ์ตัวทีสามกับดารานำและสกอร์ น่าจะเหมาะไหม หรือล็อคจะถล่มที่ Michael Haneke ซึ่งถ้าได้หนังต่างประเทศ,บทดั้งเดิม (ซี่งน่าลุ้นมากๆ) เขาอาจจะพลิกไปหยิบรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมก็ได้น่าจับตามากๆ (Fact : .ในปีที่หนังยอดเยี่ยมและผู้กำกับเป็นคนละคนกัน อย่างน้อยหนังที่ผู้กำกับได้ออสการ์จะได้เรื่องบทหรือการตัดต่อด้วย มีเพียง The Graduate (1967) ที่ได้เพียงรางวัลผู้กำกับเพียงรางวัลเดียว ซี่งนั้นก็45ปีมาแล้ว)
สรุป : Best Picture : Argo
Best Actor : Daniel Day Lewis : :Lincoln
Best Actress : Jennifer Lawrence : Silver Linings Playbook
Best Supporting Actor : Robert De Niro : Silver Linings Playbook
Best Supporting Actress : Anne Hathaway : Les Miserables
Best Director : Michael Haneke (Amour)
Best Orginal screenplay : Amour
Best Adapted Screenplay : Argo
Best Edit : Argo
Best Foreign movie : Amour
สถืติส่งท้าย : ถ้า Christoph Waltz ได้ออสการ์ เขาจะเข้าไปร่วมคลับ Perfect Two แต่ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นคนแรกที่ได้ออสการ์จากหนังผู้กำกับคนเดียว
ถ้า Sally Field ได้ออสการ์ เธอจะเป็นคนแรก Perfect three เข้าชิงสามได้ออสการ์ทั้งสาม
เป็นปีแรกที่มีผู้เข้าชิงที่คั่วออสการ์ตัวที่3 มากที่สุดถึง 4 คน ซึ่งถ้ารวม สตีเฟน สปีลเบอร์ก เข้าไปด้วยก็จะเป็น 5
ขำขัน Phillip Seymour Hoffman เคยชิงออสการ์คู่กันมาแล้วกับ Amy Adams ใน Doubt โดยเล่นเป็นคู่อริกันระหว่างบาทหลวงกับแม่ชีมือใหม่ หลังจากสึกทั้งสองกลับมาแต่งงานกันโดย ทั้งตู่ได้ตั้งนิกายความเชื่อขึ้นมาใหม่ใน The Master และทำให้ทั้งคู่เข้าชิงออสการ์อีกครั้งหนึ่ง