บอกก่อนล่วงหน้าว่า
ยาวมาก ถ้าขี้เกียจอ่านอะไรที่มันยาวๆและคิดว่าไม่มีสาระมากพอ ก็ขอความกรุณาข้ามกระทู้นี้ไปเลย อย่าโพส ความเห็นประมาณว่า "ยาวไปขี้เกียจอ่าน"นะครับ
ปล. การวิเคราะห์มาจากมุมมอง ไม่ได้มาเพื่อฟันธงอวดอ้างว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก หากมีคำพูดใดในบทความแสดงถึงการดูหมิ่นการเชียร์ ขอบอกว่าไม่ความตั้งใจในแง่นั้นแม้แต่น้อยและขออภัยอย่างสุดซึ้ง หากท่านใดมีข้อวิเคราะห์หรือความเห็นน่าสนใจก็เปิดวงสนทนาได้ครับ
ก็วิเคราะห์เรื่อยเปื่อยระหว่างรอแมนซิเตะกะเชลซีครับ ผมไม่ค่อยมีส่วนได้ส่วนเสียกับทีมปืนใหญ่ แต่พอดีว่าเพื่อนที่เป็นแฟนพันธ์แท้อาเซน่อลไปเรียนต่อญี่ปุ่น ไม่มีเวลาดูบอลเลยฝากให้ผมดูแล้วเล่าให้ฟัง ไหนๆก็คิดว่าเล่าเยอะมันยาวเลยเขียนเป็นกระทู้วิเคราะห์ไปเลย เพื่อนได้อ่าน คนอื่นได้อ่านตามไปด้วย เผื่อมีใครสนใจแลกเปลี่ยนความเห็นครับ
สิบเอ็ดตัวจริงแรกของอาเซน่อล หากเทียบกับนัดเจอแบล้คเบิร์น ต้องบอกว่า จัดเต็มพิกัดครับ เบ็ดเสร็จเปลี่ยนจากนัดเจอแบล้คเบินถึงเจ็ดคนด้วยกัน โกเกอแลง มอนเรอัล โรซิคกี้ ดิยาบี้ ออกเหล็ก ชิรู แซวินโย่ นัดที่แล้วโดนเปลี่ยนเป็นแก๊งตัวจริง จากหน้าเสื่อสิบเอ็ดตัวจริง ในสายตาผมคาดการณ์ว่า ความฟิตของทีมน่อลต้องฟิตเปรี๊ยะแน่นอน และบวกกับเล่นในบ้านยังไง บาเยินคงสู้ยากแน่ เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูการเล่นนัดล่าสุดเจอโวฟบวกตามลิงค์
http://www.soccerway.com/matches/2013/02/15/germany/bundesliga/vfl-wolfsburg/fc-bayern-munchen/1300963/
คุณจะพบว่า ชุดที่บาเยินชนะโวฟบวกกับชุดล่าสุด
ต่างกันแค่สามคน ฉะนั้นความฟิตของบาเยินเสียเปรียบแน่นอน แถมต้องเดินทางไกลจากเยอรมันมาอังกฤษ ก็ควรจะมีปัญหากับการปรับตัว และเป็นบอลยุโรป ความกดดันก็ควรจะมากกว่าที่เล่นในลีกแน่นอน
แต่...
รูปเกมครึ่งแรก แฟนน่อลคงมีคำถามต้องทบทวนแล้วครับว่า เกิดอะไรขึ้นกับทีมตัวเองกันแน่
ถ้าเอาคนที่รู้เรื่องฟุตบอลคร่าวๆมานั่งดูเกมนี้ เชื่อว่า ร้อยละร้อย คงบอกว่านัดนี้เหมือนบาเยินเล่นเป็นเจ้าบ้าน เพราะธรรมชาติฟุตบอลในการเล่นเป็นเจ้าบ้าน
-หากเป็นทีมระดับสูสี ทีมเจ้าบ้านจะกดดันทีมเยือนได้มากกว่า
-ทีมที่ความฟิตน้อยกว่าย่อมโดนทีมที่มีความฟิตมากกว่าเล่นเพรสซิ่ง
-เสียงเชียร์
-การเข้าทำที่ต้องอาศัยความเคยชินของหญ้าในสนาม (สปีดส่งบอลต่างตามความยาวหญ้านะครับ)
ไอ้สี่อย่างที่ว่ามาเนี่ย
บาเยินทำได้หมดเลยทั้งที่เล่นในเอมิเรต สเตเดี้ยม ฉะนั้นข้ออ้างเรื่องล้า นี่ตัดได้เลยครับ แพ้นัดนี้ผมว่าเป็นการแพ้ที่ต้องบอกว่า ชำแหละอาเซน่อลถึงกึ๋นเลยทีเดียว ถ้าบอกตัวผู้เล่นด้อยกว่า อันนี้ ต้องถามว่า ด้อยกว่าเท่า "อาเซน่อล เจอ แบร้ดฟอร์ด" รึเปล่า ทำไม ความใจสู้ ความมุ่งมั่น กลับเทียบไม่ได้ทั้งที่ถ้วยนี้เป็นถ้วยสุดท้ายด้วยซ้ำ
มาว่ารูปเกมซะหหน่อย
ครึ่งแรก ต้องบอกเลยว่า ไฮเกสแกทำการบ้านมาดี วางแทคติกชนะขาดลอยสุดๆ โดยเฉพาะการเลือกเจาะด้านซ้ายทางแฟมาเล่นตลอด
อะไรก็ไม่น่าเจ็บใจคือรูปเกมเข้าทำเหมือนเป็นการตบหน้าอาเซน่อลฉาดใหญ่ทีเดียว ผมเคยดูวีซีดีชุดน่อลไร้พ่าย
กล้าพูดว่า รูปเกมการเข้าทำลูกแรกและลูกสามของบาเยิน แม่มอย่างกะ น่อลชุดไร้พ่ายทำเปี๊ยบ จังหวะสวนทำกันรวดเร็ว วิ่งมากันแค่สามคน คนหนึ่งเจาะทางปีก อีกสองคนวิ่งหาตำแหน่ง พวกกองหลังทีมคู่แข่ง เกิดอาการละล้าละลัง ถอยกันเป็นพรวนไปอยู่กรอบเขตโทษ พอสบช่องก็ปาดเข้ากลาง ซัดเปรี้ยยง ตูมมมมม จัดไปหนึ่งประตู โอโห ภาพในหัวย้อนอดีตเลย เอตาเม่ ปิแรส ลุงเบิร์ก เบิรกแค้มชัดๆ(ไม่ใช่อองรี เพราะมานซุคิซของบาเยิน เล่นในลักษณะพักบอล จึงใกล้เคียงเบิร์กแคมป์มากกว่าครับ )
ถามว่าอาเซน่อลทำได้มั้ย
ไอ้นี่แหละครับที่แฟนน่อลคงขำไม่ออก เพราะจังหวะครึ่งแรก น่อลมีโอกาสเหมือนกันครับ จากวัลคอตวิ่งสวนมาเตรียมทำเร็ว ปรากฏว่า กลับทำไม่ได้อย่างบาเยิน เพราะคนอื่นๆ วิ่งเติมกันได้ช้าโคตรๆ ทั้งซานย่า แรมซี่ กานซอล่า ทุกคนใช้เวลาในการเติมนานมาก หากเทียบกับลูกแรกที่บาเยินทำได้ จนคนเขารุมกินโต๊ะวัลคอต และสร้างโซนคุมเรียบร้อย ซานย่ากับแรมซี่เพิ่งจะโผล่มารับบอลจากวัลคอตได้ สุดท้ายก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งที่อดีต น่อลนี่แหละคือทีมที่สร้างรูปเกมนี้จนได้แชมป์ แต่ปัจจุบัน ทีมของตัวเองกลับไม่สามารถเล่นได้ใกล้เคียงกับยุคไร้พ่าย เกมนี้ไม่มีทั้งข้ออ้างความล้า(พักตัวผุ้เล่นเยอะกว่า) แรงจูงใจแก้ตัว(แพ้ขายหน้าในเอฟเอบวกเหลือลุ้นถ้วยสุดท้าย) มันแสดงให้เห้นชัดว่า นัดนี้ น่อลต้องเอาจริงสุดชีวิตเพื่อยื้อถ้วยสุดท้ายของฤดูกาลนี้
ฉะนั้นเกมนี้แหละ ทีผมคิดว่าเป็นเกมที่จะได้เห็น พลังของอาเซน่อลที่แท้จริง
แต่จากการเข้าทำ และรูปเกมที่แสดงออกในครึ่งแรกบอกได้ว่า น่อลตอนนี้ อาการหนักมากๆครับ แถมมาโดนลูกสองในเวลาแค่ยี่สิบนาที บรรลัยสุดๆ แต่ก็หวังว่า น่อลจะโชว์ศักยภาพให้เห็นมากกว่านี้ จากความฟิต และแรงจุงใจที่มากกว่า
แต่..
ครึ่งแรกเล่นจนจบ มานั่งดูสถิติหลังเกมพบว่ามีดีที่ครองบอลได้(บ้าง) แต่ถามว่า สูสีมั้ย ผมคิดว่า
เกมที่ไม่เห็นผู้รักษาประตูอีกฝั่ง บินปัดลูกบอลที่มาจากการเข้าทำของฝ่ายตรงข้ามแม้แต่ครั้งเดียว คงเรียกว่า สูสี ไม่ได้แน่นอน
จบครึ่งแรก ผมคิดในใจว่า ถ้าเวนเกอร์ไม่แก้เกมตั้งแต่ตอนนี้ มีหวังโดนเพิ่มแน่นอน จะส่งกลางรับมาเพิ่มเพื่อช่วยไล่บอล หรือจะส่งตัวรุกมาช่วยก็ควรจะทำอะไรสักอย่างครับ เพราะครึ่งแรกนี่หมดสภาพ ทั้งรูปเกม การเข้าทำ แทคติก
แต่...
เริ่มครึ่งหลัง เวนเกอร์ ไม่ได้แก้แทคติกการเล่นเลย แต่
แก้จิตใจนักเตะแทน เห็นได้ชัดว่า
แฟมาเล่นที่โดนบาเยินเจาะสนุกในครึ่งแรก จาก "คนเหวอ" กลับมาเป็น "คนเหล็ก" เหมือนเดิม หลายลูกที่สกัด บอกชัดว่า พักครึ่ง เวนเกอร์คงปลุกใจลูกทีมได้ดีมากพอ แสดงว่า สกิลด้านนี้แกยังพอไหว
แต่ด้านแทคติกรูปเกม ยังคงเป็นคำถามนะครับ เพราะว่า มันไม่ต่างอะไรกับรีรันครึ่งแรกเลย แถมลูกที่ยิงตีไข่แตก อันนี้ผมแอบแปลกใจว่า คนที่โพสในเว็บ ss คาดว่า คงมีหลายคนที่ไม่ได้ดูเกมนี้แน่แต่ใช้วิธีอ่านรายละเอียดการแข่งจากเว็บแปลให้เลย เพราะโพสเหมือนประมาณว่า น่อลใช้ความสามารถการแก้เกมจากเวนเกอร์ถึงกลับมาได้ประตูตีไข่แตก แต่จริงๆมันเป็นลูกทีได้จากความผิดพลาดของกรรมการ ที่ให้ลูกยิงไกลของกานซอล่าที่แฉลบโพดอสกี้แต่ดันได้เตะมุมแทน และก็เป็นโพโดลสกี้ที่สังหารไม่พลาด
หากมองจากมุมมองผม ผมคิดว่า
ผู้เล่นน่อลทุ่มเทจน "คว้าโอกาสได้จากความผิดพลาด" มากกว่าจะบอกว่า เวนเกอร์ "เปลี่ยนแทคติก" ครับ
เพราะผมมองว่า แทคติกเพิ่งเปลี่ยนตอนนาทีเจ็ดสิบชนิดแฟนบอลก็เดาออก ในขณะที่คู่แข่งเขาเริ่มทำตั้งแต่รู้ว่าทีมกำลังเสียขบวนแล้วครับ
จบเกม แพ้สามหนึ่ง ต้องบอกว่าในแง่ร้ายๆ ก็ยังมีแง่ดีให้เลือกบ้าง
อย่างน้อยหากอยากกลับไปเล่นเร็วเหมือนยุคเก่า สิ่งที่น่อลขาดตอนนี้ ก็คือ "แบ้ค" กับ "ปีก"
แบ้คนี่ บอกตรงๆ สมควรหาใหม่แทนซานย่าครับ มีอย่างที่ไหน แบ้คทีมคู่แข่งวิ่งมาช่วยทำเกมรุกลูกที่สามได้ ทั้งที่เขาควรจะล้ากว่าเราเพราะเล่นเก้าสิบนาทีเกมก่อนหน้า แต่แบ้คทีมน่อล ที่หนุ่มและฟิตกว่า ดันวิ่งขึ้นลงทำเกมต้วมเตี้ยมกว่า แถมยังเปิดบอลห่วยบรมอีก
ส่วนปีก ยังพอถูไถแรมซี่ได้ เพราะครอสแม่นกว่า อ้อกเหล็กกับแซวินโย่ครับ ความเร็ว ความฟิตก็สูงกว่าโรซิคกี อย่างน้อยถ้ากวดขันเรื่องไลน์การวิ่งให้เน้นเติมเกมด้านปีก ไม่ต้องออกกลาง ก็น่าจะพอไหวแล้วครับ
ก็จบวิเคราะห์คร่าวๆเท่านี้ครับ แต่ก่อนไปขอทิ้งท้ายว่า ถ้าน่อลเป็นแบบนี้ต่อไป
"นับจากนัดนี้และยังไม่เปลี่ยนแปลง" ผมกลัวเวนเกอร์ "ออก"ครับ เพราะถ้าไม่ออก ผมก็อุ่นใจว่า ทีมลุ้นแชมป์หายไปละหนึ่งทีม เห็นๆอยู่จุดอ่อนเพียบ ทั้งนักเตะ กุนซือ เป้าหมายบอร์ด บอกชัดเจน "มาแข่งเพื่ออันดับสี่" สำหรับผมที่ต้องการให้ทีมลุ้นแชมป์ คงไม่อยากได้ "คู่แข่ง" มีเยอะนัก เดี๋ยวอดแชมป์ครับ สารภาพตรงๆงี้แหละ
แต่ถ้าเวนเกอร์ "ออก" ผมกลัวเพราะเดาไม่ออกว่า ทีมที่มีสถานะการเงินหนาพร้อมรับกฏการเงิน นักเตะฝีเท้าดีอนาคตไกล ถ้าแก้จุดอ่อน เสริมจุดแข็งจริงจังด้วย "พลังเงิน" มันคงบอกยากว่า กุนซือคนใหม่ที่เข้ามา จะมาเพื่อ "เอาอันดับสี่" หรือมา "เอาอันดับหนึ่ง "ครับ
แต่เอาเข้าจริงนะ เรื่อง"พลังเงิน" ผมว่าจริงๆไม่ต้องทุ่มมากก็ได้ คอนเนคชั่นฝรั่งเศสของน่อลออกจะเยอะ ถ้าแมวมองตัวเองหลังๆมันห่วยนัก ผมว่าน่อลไปทุ่มเงินคูณสอง เกทับ นักเตะที่นิวคาสเซิลหรือเอฟเวอตันซื้อมาทุกคนเวลาเปิดฤดูกาลหรือซื้อขายปีใหม่ ขาดทุนไม่เกินสามสิบล้าน ป่านนี้มีซิสโซโก ช่วยทีมสบายใจเฉิบแล้วครับ
วิเคราะห์ปืนใหญ่โดยแฟนบอลทีมคู่แข่ง
ปล. การวิเคราะห์มาจากมุมมอง ไม่ได้มาเพื่อฟันธงอวดอ้างว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก หากมีคำพูดใดในบทความแสดงถึงการดูหมิ่นการเชียร์ ขอบอกว่าไม่ความตั้งใจในแง่นั้นแม้แต่น้อยและขออภัยอย่างสุดซึ้ง หากท่านใดมีข้อวิเคราะห์หรือความเห็นน่าสนใจก็เปิดวงสนทนาได้ครับ
ก็วิเคราะห์เรื่อยเปื่อยระหว่างรอแมนซิเตะกะเชลซีครับ ผมไม่ค่อยมีส่วนได้ส่วนเสียกับทีมปืนใหญ่ แต่พอดีว่าเพื่อนที่เป็นแฟนพันธ์แท้อาเซน่อลไปเรียนต่อญี่ปุ่น ไม่มีเวลาดูบอลเลยฝากให้ผมดูแล้วเล่าให้ฟัง ไหนๆก็คิดว่าเล่าเยอะมันยาวเลยเขียนเป็นกระทู้วิเคราะห์ไปเลย เพื่อนได้อ่าน คนอื่นได้อ่านตามไปด้วย เผื่อมีใครสนใจแลกเปลี่ยนความเห็นครับ
สิบเอ็ดตัวจริงแรกของอาเซน่อล หากเทียบกับนัดเจอแบล้คเบิร์น ต้องบอกว่า จัดเต็มพิกัดครับ เบ็ดเสร็จเปลี่ยนจากนัดเจอแบล้คเบินถึงเจ็ดคนด้วยกัน โกเกอแลง มอนเรอัล โรซิคกี้ ดิยาบี้ ออกเหล็ก ชิรู แซวินโย่ นัดที่แล้วโดนเปลี่ยนเป็นแก๊งตัวจริง จากหน้าเสื่อสิบเอ็ดตัวจริง ในสายตาผมคาดการณ์ว่า ความฟิตของทีมน่อลต้องฟิตเปรี๊ยะแน่นอน และบวกกับเล่นในบ้านยังไง บาเยินคงสู้ยากแน่ เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูการเล่นนัดล่าสุดเจอโวฟบวกตามลิงค์
http://www.soccerway.com/matches/2013/02/15/germany/bundesliga/vfl-wolfsburg/fc-bayern-munchen/1300963/
คุณจะพบว่า ชุดที่บาเยินชนะโวฟบวกกับชุดล่าสุดต่างกันแค่สามคน ฉะนั้นความฟิตของบาเยินเสียเปรียบแน่นอน แถมต้องเดินทางไกลจากเยอรมันมาอังกฤษ ก็ควรจะมีปัญหากับการปรับตัว และเป็นบอลยุโรป ความกดดันก็ควรจะมากกว่าที่เล่นในลีกแน่นอน
แต่...
รูปเกมครึ่งแรก แฟนน่อลคงมีคำถามต้องทบทวนแล้วครับว่า เกิดอะไรขึ้นกับทีมตัวเองกันแน่
ถ้าเอาคนที่รู้เรื่องฟุตบอลคร่าวๆมานั่งดูเกมนี้ เชื่อว่า ร้อยละร้อย คงบอกว่านัดนี้เหมือนบาเยินเล่นเป็นเจ้าบ้าน เพราะธรรมชาติฟุตบอลในการเล่นเป็นเจ้าบ้าน
-หากเป็นทีมระดับสูสี ทีมเจ้าบ้านจะกดดันทีมเยือนได้มากกว่า
-ทีมที่ความฟิตน้อยกว่าย่อมโดนทีมที่มีความฟิตมากกว่าเล่นเพรสซิ่ง
-เสียงเชียร์
-การเข้าทำที่ต้องอาศัยความเคยชินของหญ้าในสนาม (สปีดส่งบอลต่างตามความยาวหญ้านะครับ)
ไอ้สี่อย่างที่ว่ามาเนี่ย บาเยินทำได้หมดเลยทั้งที่เล่นในเอมิเรต สเตเดี้ยม ฉะนั้นข้ออ้างเรื่องล้า นี่ตัดได้เลยครับ แพ้นัดนี้ผมว่าเป็นการแพ้ที่ต้องบอกว่า ชำแหละอาเซน่อลถึงกึ๋นเลยทีเดียว ถ้าบอกตัวผู้เล่นด้อยกว่า อันนี้ ต้องถามว่า ด้อยกว่าเท่า "อาเซน่อล เจอ แบร้ดฟอร์ด" รึเปล่า ทำไม ความใจสู้ ความมุ่งมั่น กลับเทียบไม่ได้ทั้งที่ถ้วยนี้เป็นถ้วยสุดท้ายด้วยซ้ำ
มาว่ารูปเกมซะหหน่อย
ครึ่งแรก ต้องบอกเลยว่า ไฮเกสแกทำการบ้านมาดี วางแทคติกชนะขาดลอยสุดๆ โดยเฉพาะการเลือกเจาะด้านซ้ายทางแฟมาเล่นตลอด
อะไรก็ไม่น่าเจ็บใจคือรูปเกมเข้าทำเหมือนเป็นการตบหน้าอาเซน่อลฉาดใหญ่ทีเดียว ผมเคยดูวีซีดีชุดน่อลไร้พ่าย กล้าพูดว่า รูปเกมการเข้าทำลูกแรกและลูกสามของบาเยิน แม่มอย่างกะ น่อลชุดไร้พ่ายทำเปี๊ยบ จังหวะสวนทำกันรวดเร็ว วิ่งมากันแค่สามคน คนหนึ่งเจาะทางปีก อีกสองคนวิ่งหาตำแหน่ง พวกกองหลังทีมคู่แข่ง เกิดอาการละล้าละลัง ถอยกันเป็นพรวนไปอยู่กรอบเขตโทษ พอสบช่องก็ปาดเข้ากลาง ซัดเปรี้ยยง ตูมมมมม จัดไปหนึ่งประตู โอโห ภาพในหัวย้อนอดีตเลย เอตาเม่ ปิแรส ลุงเบิร์ก เบิรกแค้มชัดๆ(ไม่ใช่อองรี เพราะมานซุคิซของบาเยิน เล่นในลักษณะพักบอล จึงใกล้เคียงเบิร์กแคมป์มากกว่าครับ )
ถามว่าอาเซน่อลทำได้มั้ย
ไอ้นี่แหละครับที่แฟนน่อลคงขำไม่ออก เพราะจังหวะครึ่งแรก น่อลมีโอกาสเหมือนกันครับ จากวัลคอตวิ่งสวนมาเตรียมทำเร็ว ปรากฏว่า กลับทำไม่ได้อย่างบาเยิน เพราะคนอื่นๆ วิ่งเติมกันได้ช้าโคตรๆ ทั้งซานย่า แรมซี่ กานซอล่า ทุกคนใช้เวลาในการเติมนานมาก หากเทียบกับลูกแรกที่บาเยินทำได้ จนคนเขารุมกินโต๊ะวัลคอต และสร้างโซนคุมเรียบร้อย ซานย่ากับแรมซี่เพิ่งจะโผล่มารับบอลจากวัลคอตได้ สุดท้ายก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งที่อดีต น่อลนี่แหละคือทีมที่สร้างรูปเกมนี้จนได้แชมป์ แต่ปัจจุบัน ทีมของตัวเองกลับไม่สามารถเล่นได้ใกล้เคียงกับยุคไร้พ่าย เกมนี้ไม่มีทั้งข้ออ้างความล้า(พักตัวผุ้เล่นเยอะกว่า) แรงจูงใจแก้ตัว(แพ้ขายหน้าในเอฟเอบวกเหลือลุ้นถ้วยสุดท้าย) มันแสดงให้เห้นชัดว่า นัดนี้ น่อลต้องเอาจริงสุดชีวิตเพื่อยื้อถ้วยสุดท้ายของฤดูกาลนี้ ฉะนั้นเกมนี้แหละ ทีผมคิดว่าเป็นเกมที่จะได้เห็น พลังของอาเซน่อลที่แท้จริง
แต่จากการเข้าทำ และรูปเกมที่แสดงออกในครึ่งแรกบอกได้ว่า น่อลตอนนี้ อาการหนักมากๆครับ แถมมาโดนลูกสองในเวลาแค่ยี่สิบนาที บรรลัยสุดๆ แต่ก็หวังว่า น่อลจะโชว์ศักยภาพให้เห็นมากกว่านี้ จากความฟิต และแรงจุงใจที่มากกว่า
แต่..
ครึ่งแรกเล่นจนจบ มานั่งดูสถิติหลังเกมพบว่ามีดีที่ครองบอลได้(บ้าง) แต่ถามว่า สูสีมั้ย ผมคิดว่า เกมที่ไม่เห็นผู้รักษาประตูอีกฝั่ง บินปัดลูกบอลที่มาจากการเข้าทำของฝ่ายตรงข้ามแม้แต่ครั้งเดียว คงเรียกว่า สูสี ไม่ได้แน่นอน
จบครึ่งแรก ผมคิดในใจว่า ถ้าเวนเกอร์ไม่แก้เกมตั้งแต่ตอนนี้ มีหวังโดนเพิ่มแน่นอน จะส่งกลางรับมาเพิ่มเพื่อช่วยไล่บอล หรือจะส่งตัวรุกมาช่วยก็ควรจะทำอะไรสักอย่างครับ เพราะครึ่งแรกนี่หมดสภาพ ทั้งรูปเกม การเข้าทำ แทคติก
แต่...
เริ่มครึ่งหลัง เวนเกอร์ ไม่ได้แก้แทคติกการเล่นเลย แต่ แก้จิตใจนักเตะแทน เห็นได้ชัดว่า แฟมาเล่นที่โดนบาเยินเจาะสนุกในครึ่งแรก จาก "คนเหวอ" กลับมาเป็น "คนเหล็ก" เหมือนเดิม หลายลูกที่สกัด บอกชัดว่า พักครึ่ง เวนเกอร์คงปลุกใจลูกทีมได้ดีมากพอ แสดงว่า สกิลด้านนี้แกยังพอไหว
แต่ด้านแทคติกรูปเกม ยังคงเป็นคำถามนะครับ เพราะว่า มันไม่ต่างอะไรกับรีรันครึ่งแรกเลย แถมลูกที่ยิงตีไข่แตก อันนี้ผมแอบแปลกใจว่า คนที่โพสในเว็บ ss คาดว่า คงมีหลายคนที่ไม่ได้ดูเกมนี้แน่แต่ใช้วิธีอ่านรายละเอียดการแข่งจากเว็บแปลให้เลย เพราะโพสเหมือนประมาณว่า น่อลใช้ความสามารถการแก้เกมจากเวนเกอร์ถึงกลับมาได้ประตูตีไข่แตก แต่จริงๆมันเป็นลูกทีได้จากความผิดพลาดของกรรมการ ที่ให้ลูกยิงไกลของกานซอล่าที่แฉลบโพดอสกี้แต่ดันได้เตะมุมแทน และก็เป็นโพโดลสกี้ที่สังหารไม่พลาด
หากมองจากมุมมองผม ผมคิดว่า ผู้เล่นน่อลทุ่มเทจน "คว้าโอกาสได้จากความผิดพลาด" มากกว่าจะบอกว่า เวนเกอร์ "เปลี่ยนแทคติก" ครับ
เพราะผมมองว่า แทคติกเพิ่งเปลี่ยนตอนนาทีเจ็ดสิบชนิดแฟนบอลก็เดาออก ในขณะที่คู่แข่งเขาเริ่มทำตั้งแต่รู้ว่าทีมกำลังเสียขบวนแล้วครับ
จบเกม แพ้สามหนึ่ง ต้องบอกว่าในแง่ร้ายๆ ก็ยังมีแง่ดีให้เลือกบ้าง
อย่างน้อยหากอยากกลับไปเล่นเร็วเหมือนยุคเก่า สิ่งที่น่อลขาดตอนนี้ ก็คือ "แบ้ค" กับ "ปีก"
แบ้คนี่ บอกตรงๆ สมควรหาใหม่แทนซานย่าครับ มีอย่างที่ไหน แบ้คทีมคู่แข่งวิ่งมาช่วยทำเกมรุกลูกที่สามได้ ทั้งที่เขาควรจะล้ากว่าเราเพราะเล่นเก้าสิบนาทีเกมก่อนหน้า แต่แบ้คทีมน่อล ที่หนุ่มและฟิตกว่า ดันวิ่งขึ้นลงทำเกมต้วมเตี้ยมกว่า แถมยังเปิดบอลห่วยบรมอีก
ส่วนปีก ยังพอถูไถแรมซี่ได้ เพราะครอสแม่นกว่า อ้อกเหล็กกับแซวินโย่ครับ ความเร็ว ความฟิตก็สูงกว่าโรซิคกี อย่างน้อยถ้ากวดขันเรื่องไลน์การวิ่งให้เน้นเติมเกมด้านปีก ไม่ต้องออกกลาง ก็น่าจะพอไหวแล้วครับ
ก็จบวิเคราะห์คร่าวๆเท่านี้ครับ แต่ก่อนไปขอทิ้งท้ายว่า ถ้าน่อลเป็นแบบนี้ต่อไป "นับจากนัดนี้และยังไม่เปลี่ยนแปลง" ผมกลัวเวนเกอร์ "ออก"ครับ เพราะถ้าไม่ออก ผมก็อุ่นใจว่า ทีมลุ้นแชมป์หายไปละหนึ่งทีม เห็นๆอยู่จุดอ่อนเพียบ ทั้งนักเตะ กุนซือ เป้าหมายบอร์ด บอกชัดเจน "มาแข่งเพื่ออันดับสี่" สำหรับผมที่ต้องการให้ทีมลุ้นแชมป์ คงไม่อยากได้ "คู่แข่ง" มีเยอะนัก เดี๋ยวอดแชมป์ครับ สารภาพตรงๆงี้แหละ
แต่ถ้าเวนเกอร์ "ออก" ผมกลัวเพราะเดาไม่ออกว่า ทีมที่มีสถานะการเงินหนาพร้อมรับกฏการเงิน นักเตะฝีเท้าดีอนาคตไกล ถ้าแก้จุดอ่อน เสริมจุดแข็งจริงจังด้วย "พลังเงิน" มันคงบอกยากว่า กุนซือคนใหม่ที่เข้ามา จะมาเพื่อ "เอาอันดับสี่" หรือมา "เอาอันดับหนึ่ง "ครับ
แต่เอาเข้าจริงนะ เรื่อง"พลังเงิน" ผมว่าจริงๆไม่ต้องทุ่มมากก็ได้ คอนเนคชั่นฝรั่งเศสของน่อลออกจะเยอะ ถ้าแมวมองตัวเองหลังๆมันห่วยนัก ผมว่าน่อลไปทุ่มเงินคูณสอง เกทับ นักเตะที่นิวคาสเซิลหรือเอฟเวอตันซื้อมาทุกคนเวลาเปิดฤดูกาลหรือซื้อขายปีใหม่ ขาดทุนไม่เกินสามสิบล้าน ป่านนี้มีซิสโซโก ช่วยทีมสบายใจเฉิบแล้วครับ