เนื่องจากเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2555 เริ่มมีสิวอักเสบบริเวณใต้แก้มฝั่งขวามือนะค่ะ แต่ก็ไม่ได้ไปรักษามันก็หายไปเอง แต่หายไปได้ไม่นานก็มักจะกลับมาเป็นจุดเดิมอีกค่ะเป็นๆ หายๆ อยู่อย่างนั้นหลายครั้ง สุดท้าย 1 มกราคม 2556 ที่ผ่านมาทนไม่ไหวเลยไปหาหมอผิวหนังที่ รพ รักษาจนรอยอักเสบตัวนั้นหายไป แต่ส่วนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นสิวตั้งแต่แรก ก็มีสิวเม็ดเล็กๆสีแดงขึ้นมาเกือบเต็มหน้าเลยค่ะ ตรงแก้มทั้งซ้ายและขวาทั้งบนและล่าง เป็นรอยแดงเม็ดเล็กๆเหมือนหัวสิวไม่โผล่ขึ้นมา และตรงหน้าผากเป็นเม็ดแต่จะนูนขึ้นมาไม่แดงเหมือนที่แก้ม และใต้คางเม็ดใหญ่มีหัวสิวสีขาวๆด้วย
ซึ่งระหว่างการรักษาหมอห้ามใส่ครีมและแป้งทุกชนิด หมอรักษาด้วยการให้ยาแก้อักเสบไปกิน เช้า เย็น ทุกวัน และยาแก้แพ้ เช้า และก่อนนอนทุกวัน และให้ยาฆ่าเชื้อทาก่อนนอนทุกวัน กับยาแต้มสิวไว้ใส่หัวสิว
1 สัปดาห์ผ่านไป สิวที่อักเสบหายไป ไม่คันแล้ว แต่ยังมีรอยแดง หมอจึงให้กินยาต่อ แต่ครั้งนี้ลดยาแก้แพ้กินแค่ก่อนนอน
1 สัปดาห์ผ่านไป รอยแดงก็ยังไม่หาย และมีอาการคันที่หน้า แต่สัปดาห์นี้เริ่มมีเม็ดเล็กเหมือนสิวโผล่ขึ้นมาตรงหน้าผากแต่ยังไม่ผุดขึ้นมา หมอเลยให้กลับมากินย้าแก้แพ้ เช้า และกอ่นนอนเหมือนเดิม และยังคงกินยาแก้อักเสบ เช้า เย็น ต่อเหมือนเดิม และให้ยาทาตัวเดิม
2 สัปดาห์ผ่านไป รอยแดงก็ยังไม่หาย แต่ตรงหน้าผากที่ครั้งสุดท้ายที่เจอหมอเป็นเม็ดเล็กๆยังไม่ผุด รอบนี้กลายเป็นเม็ดใหญ่ขึ้นโผล่มาเต็มหน้าผาก รอบนี้หมอเลยให้กินยาเหมือนเดิม แก้อักเสบเช้า เย็น แก้แพ้ เช้า ก่อนนอน แต่รอบนี้หมอไม่ได้จัดยาให้ครบ 2 สัปดาห์ให้พอดีที่นัดหมออีกรอบ ยาแก้แพ้หมอจัดให้ 1 สัปดาห์ซึ่งตอนนี้หมดแล้ว และยาแก้อักเสบ หมอจัดให้ 10 วัน ซึ่งยาแก้อักเสบหมดไปเมื่อวานนี้
แล้วสัปดาห์นี้หมอเปลี่ยนยาที่ทาก่อนนอนเป็นอีกตัวซึ่งอ่อนกว่าให้ และตัวแต้มสิวก็เปลี่ยนเป็นตัวที่อ่อนกว่าให้แทนตัวเก่า สรุปยาทาเปลี่ยนทั้งสองตัว
แล้วตอนนี้จะครบกำหนดนัดหมออีกทีคือวันเสาร์ที่จะถึงนี้อีก 3 วัน นี้
แล้วตั้งแต่ยาแก้อักเสบหมด ก็มีอาการอื่นๆ แทรกไม่แน่ใจว่าเป็นผลข้างเคืองของยาแก้อักเสบหรือเปล่านะค่ะ คือจะคันบริเวณใบหน้าและใต้ลำคอ (เพิ่งเป็นวันนี้) และคันบริเวณผิวหนังอื่นๆ และมีอาการตกขาวที่เป็นสีขาวเหมือนแป้งและมีกลิ่นเหมือนนมบูด (เพิ่งเป็นได้สองวันที่ผ่านมา) แต่คืนที่ผ่านมาตื่นมาตอนดึกประมาณตี3 เพราะมีอาการคันหยุบหยิบบริเวณปากช่องคลอด จนนอนไม่ได้ค่ะ ทั้งๆที่ก่อนนอนไม่มีอาการนะค่ะ และเมื่อวานที่ผ่านมาที่เพิ่งมีตกขาวสีขาวขุ่นครั้งแรกก็ไม่มีอาการคันนะค่ะ
วันนี้เลยไปหาหมอสูติ กะบอกอาการแล้วหมอคงให้ยามากิน แต่หมอ สูติ บอกต้องตรวจช่องคลอด ไม่งั้นวินิยฉัย โรคไม่ได้ แต่หมอถามว่าเคยมีเพศสัมพันธ์ไหม ถ้าไม่เคยก็ไม่น่าจะติดโรคอะไร แล้วตอนหมอใส่เครื่องมือจะเจ็บนะถ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน เราเลยบอกงั้นขอกลับไปคิดดูก่อนค่ะว่าจะตรวจหรือไม่ เพราะอายหมอบวกกับกลัวเจ็บด้วยค่ะ หลังจากกลับมาจาก รพ เลยมาค้นหาสาเหตุของอาการตกขาว ลักษณะที่เราเป็น พบบทความหนึ่งว่าการกินยา ซึ่งมีเนื้อหาตามนี้ค่ะ
"เราค้นในเว็บไซตืเจอบทความนี้
ตกขาวมีสาเหตุจากเชื้อรา
เชื้อ ราในช่องคลอดมักทำให้เกิดอาการตกขาวสีขาว มีลักษณะเป็นก้อนเล็ก ๆ คล้ายนมที่ทารกแหวะออกมา และมีอาการคันช่องคลอด การตกขาวชนิดนี้มักไม่ได้เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ น้ำยาสวนล้างช่องคลอดที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ หรือในกรณีที่ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยกำลังใช้ยาที่มีฤทธิ์กดภูมิต้านทาน"
แต่ก็ไม่แน่ใจว่ายาแก้อักเสบกับยาแก้แพ้ที่หมอให้กินมันเป็นยาปฏิชีวนะหรือเปล่า แต่สำหรับยาแก้อักเสบ จนท.ที่จ่ายยาจะแจ้งว่าต้องกินติดต่อกันให้หมด แต่ของแก้แพ้ไม่ได้แจ้งไว้นะค่ะ (ยาแก้อักเสบกินติดต่อกันมา 1 มค - 19 กพ , ยาแก้แพ้กินต่อต่อกันมาตั้งแต่ 1 มค -16 กพ)
ตอนนี้เลยลังเลจะเอายังไงดีกับสิวที่หน้า? กับตกขาวที่เกิดนะค่ะ ที่คิดไว้
1. เสาร์นี้ไปหาหมอสิวตามนั้นอีกครั้ง แต่ขอหยุดยากินทุกอย่าง ส่วนยาทาจะถามหมออีกทีเนื่องจากระหว่างที่รักษาหน้าจะคล้ำลงไปมากเลยค่ะและรอยสิวก็เต็มหน้า แล้วถามว่ายาแก้อักเสบกับยาแก้แพ้ที่หมอให้กินจะมีผลข้างเคืองอันไหนเกิดขึ้นกับเราบ้าง
2. ไม่ไปหาหมอสิวตามนัด แล้วหยุดยาทุกอย่าง รวมถึงยาทาด้วย เน้นออกกำลังกายกับดูแลเรื่องการกินมากขึ้นแทน และจะกลับมาใส่ครีมใส่แป้งเหมือนเดิมแล้ว เนื่องจากช่วงที่หยุดทุกอย่างหน้ามันมาก และหน้าคล้ำดำไปเยอะเลยค่ะ
3. ไม่ไปหาหมอสิวตามนัด แล้วลองไปรักษากับวุฒิศักดิ์คลินิคต่อเลย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะให้ยากินอีกไหม ไม่อยากรักษาแบบกินยาแล้วนะค่ะ
ถ้าเลือกข้อ 1 ก็ต้องมาช่างใจอีกทีว่าจะหยุดไม่รักษาดูสภาพหน้าตัวเองอีกสัก 2 สัปดาห์ หรือว่าจะลองเปลี่ยนมารักษากับวุฒิศักด์ดูนะค่ะ
หรือถ้ามีคำแนะนำอื่นๆ เสนอมาได้นะค่ะ จะขอเก็บไปคิดอีก 3 วันก่อนถึงเวลาหมดนัดเสาร์นี้ค่ะ
ส่วนเรื่องตกขาวว่าจะรอดูอาการอีก 2-3 วันเพราะยาที่หมอให้กินมาหมดแล้วถ้าเป็นผลมาจากยามันคงจะหายเอง แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจะยอมตรวจภายในแต่คงเลือกหมอผู้หญิงเอานะค่ะ
ขอคำแนะนำเรื่องสิวด้วยค่ะว่าเลือกวิธีไหนดีค่ะ 1 ,2 หรือ 3
ปรึกษาค่ะ จะรักษาสิวที่ รพ กับหมอเดิม หรือหยุดรักษาทุกอย่างก่อน หรือเปลี่ยนไปลองรักษากับวุฒิศักดิ์คลินิก ดีค่ะ
ซึ่งระหว่างการรักษาหมอห้ามใส่ครีมและแป้งทุกชนิด หมอรักษาด้วยการให้ยาแก้อักเสบไปกิน เช้า เย็น ทุกวัน และยาแก้แพ้ เช้า และก่อนนอนทุกวัน และให้ยาฆ่าเชื้อทาก่อนนอนทุกวัน กับยาแต้มสิวไว้ใส่หัวสิว
1 สัปดาห์ผ่านไป สิวที่อักเสบหายไป ไม่คันแล้ว แต่ยังมีรอยแดง หมอจึงให้กินยาต่อ แต่ครั้งนี้ลดยาแก้แพ้กินแค่ก่อนนอน
1 สัปดาห์ผ่านไป รอยแดงก็ยังไม่หาย และมีอาการคันที่หน้า แต่สัปดาห์นี้เริ่มมีเม็ดเล็กเหมือนสิวโผล่ขึ้นมาตรงหน้าผากแต่ยังไม่ผุดขึ้นมา หมอเลยให้กลับมากินย้าแก้แพ้ เช้า และกอ่นนอนเหมือนเดิม และยังคงกินยาแก้อักเสบ เช้า เย็น ต่อเหมือนเดิม และให้ยาทาตัวเดิม
2 สัปดาห์ผ่านไป รอยแดงก็ยังไม่หาย แต่ตรงหน้าผากที่ครั้งสุดท้ายที่เจอหมอเป็นเม็ดเล็กๆยังไม่ผุด รอบนี้กลายเป็นเม็ดใหญ่ขึ้นโผล่มาเต็มหน้าผาก รอบนี้หมอเลยให้กินยาเหมือนเดิม แก้อักเสบเช้า เย็น แก้แพ้ เช้า ก่อนนอน แต่รอบนี้หมอไม่ได้จัดยาให้ครบ 2 สัปดาห์ให้พอดีที่นัดหมออีกรอบ ยาแก้แพ้หมอจัดให้ 1 สัปดาห์ซึ่งตอนนี้หมดแล้ว และยาแก้อักเสบ หมอจัดให้ 10 วัน ซึ่งยาแก้อักเสบหมดไปเมื่อวานนี้
แล้วสัปดาห์นี้หมอเปลี่ยนยาที่ทาก่อนนอนเป็นอีกตัวซึ่งอ่อนกว่าให้ และตัวแต้มสิวก็เปลี่ยนเป็นตัวที่อ่อนกว่าให้แทนตัวเก่า สรุปยาทาเปลี่ยนทั้งสองตัว
แล้วตอนนี้จะครบกำหนดนัดหมออีกทีคือวันเสาร์ที่จะถึงนี้อีก 3 วัน นี้
แล้วตั้งแต่ยาแก้อักเสบหมด ก็มีอาการอื่นๆ แทรกไม่แน่ใจว่าเป็นผลข้างเคืองของยาแก้อักเสบหรือเปล่านะค่ะ คือจะคันบริเวณใบหน้าและใต้ลำคอ (เพิ่งเป็นวันนี้) และคันบริเวณผิวหนังอื่นๆ และมีอาการตกขาวที่เป็นสีขาวเหมือนแป้งและมีกลิ่นเหมือนนมบูด (เพิ่งเป็นได้สองวันที่ผ่านมา) แต่คืนที่ผ่านมาตื่นมาตอนดึกประมาณตี3 เพราะมีอาการคันหยุบหยิบบริเวณปากช่องคลอด จนนอนไม่ได้ค่ะ ทั้งๆที่ก่อนนอนไม่มีอาการนะค่ะ และเมื่อวานที่ผ่านมาที่เพิ่งมีตกขาวสีขาวขุ่นครั้งแรกก็ไม่มีอาการคันนะค่ะ
วันนี้เลยไปหาหมอสูติ กะบอกอาการแล้วหมอคงให้ยามากิน แต่หมอ สูติ บอกต้องตรวจช่องคลอด ไม่งั้นวินิยฉัย โรคไม่ได้ แต่หมอถามว่าเคยมีเพศสัมพันธ์ไหม ถ้าไม่เคยก็ไม่น่าจะติดโรคอะไร แล้วตอนหมอใส่เครื่องมือจะเจ็บนะถ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน เราเลยบอกงั้นขอกลับไปคิดดูก่อนค่ะว่าจะตรวจหรือไม่ เพราะอายหมอบวกกับกลัวเจ็บด้วยค่ะ หลังจากกลับมาจาก รพ เลยมาค้นหาสาเหตุของอาการตกขาว ลักษณะที่เราเป็น พบบทความหนึ่งว่าการกินยา ซึ่งมีเนื้อหาตามนี้ค่ะ
"เราค้นในเว็บไซตืเจอบทความนี้
ตกขาวมีสาเหตุจากเชื้อรา
เชื้อ ราในช่องคลอดมักทำให้เกิดอาการตกขาวสีขาว มีลักษณะเป็นก้อนเล็ก ๆ คล้ายนมที่ทารกแหวะออกมา และมีอาการคันช่องคลอด การตกขาวชนิดนี้มักไม่ได้เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ น้ำยาสวนล้างช่องคลอดที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ หรือในกรณีที่ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยกำลังใช้ยาที่มีฤทธิ์กดภูมิต้านทาน"
แต่ก็ไม่แน่ใจว่ายาแก้อักเสบกับยาแก้แพ้ที่หมอให้กินมันเป็นยาปฏิชีวนะหรือเปล่า แต่สำหรับยาแก้อักเสบ จนท.ที่จ่ายยาจะแจ้งว่าต้องกินติดต่อกันให้หมด แต่ของแก้แพ้ไม่ได้แจ้งไว้นะค่ะ (ยาแก้อักเสบกินติดต่อกันมา 1 มค - 19 กพ , ยาแก้แพ้กินต่อต่อกันมาตั้งแต่ 1 มค -16 กพ)
ตอนนี้เลยลังเลจะเอายังไงดีกับสิวที่หน้า? กับตกขาวที่เกิดนะค่ะ ที่คิดไว้
1. เสาร์นี้ไปหาหมอสิวตามนั้นอีกครั้ง แต่ขอหยุดยากินทุกอย่าง ส่วนยาทาจะถามหมออีกทีเนื่องจากระหว่างที่รักษาหน้าจะคล้ำลงไปมากเลยค่ะและรอยสิวก็เต็มหน้า แล้วถามว่ายาแก้อักเสบกับยาแก้แพ้ที่หมอให้กินจะมีผลข้างเคืองอันไหนเกิดขึ้นกับเราบ้าง
2. ไม่ไปหาหมอสิวตามนัด แล้วหยุดยาทุกอย่าง รวมถึงยาทาด้วย เน้นออกกำลังกายกับดูแลเรื่องการกินมากขึ้นแทน และจะกลับมาใส่ครีมใส่แป้งเหมือนเดิมแล้ว เนื่องจากช่วงที่หยุดทุกอย่างหน้ามันมาก และหน้าคล้ำดำไปเยอะเลยค่ะ
3. ไม่ไปหาหมอสิวตามนัด แล้วลองไปรักษากับวุฒิศักดิ์คลินิคต่อเลย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะให้ยากินอีกไหม ไม่อยากรักษาแบบกินยาแล้วนะค่ะ
ถ้าเลือกข้อ 1 ก็ต้องมาช่างใจอีกทีว่าจะหยุดไม่รักษาดูสภาพหน้าตัวเองอีกสัก 2 สัปดาห์ หรือว่าจะลองเปลี่ยนมารักษากับวุฒิศักด์ดูนะค่ะ
หรือถ้ามีคำแนะนำอื่นๆ เสนอมาได้นะค่ะ จะขอเก็บไปคิดอีก 3 วันก่อนถึงเวลาหมดนัดเสาร์นี้ค่ะ
ส่วนเรื่องตกขาวว่าจะรอดูอาการอีก 2-3 วันเพราะยาที่หมอให้กินมาหมดแล้วถ้าเป็นผลมาจากยามันคงจะหายเอง แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจะยอมตรวจภายในแต่คงเลือกหมอผู้หญิงเอานะค่ะ
ขอคำแนะนำเรื่องสิวด้วยค่ะว่าเลือกวิธีไหนดีค่ะ 1 ,2 หรือ 3