1. พระเจ้าให้ทางเลือกแก่มนุษย์แล้วครับว่าจะเลือกเป็นสิ่งใด ถ้าเขาเลือกทางที่พินาศเขาก็พินาศ ถ้าเขาเลือกทางที่ถูก เขาก็จะประสบความสำเร็จ และอิสลามนั้น ได้เผยแผ่ไปทั่วโลกแล้วจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้หรอกครับ หรือจะว่าเสียเปรียบก็ไม่ได้ เพราะมุสลิมแต่เกิดก็มีสิทธิ์ตกศาสนาได้เช่นกัน ทุกคนได้รับหน้าที่ ภารกิจ การทดสอบ เช่นเดียวกัน แต่ต่างรูปแบบ และวาระครับ

" มนุษย์คิดหรือว่าพวกเขาจะถูกทอดทิ้งเพียงแต่กล่าวว่า เราศรัทธา และพวกเขาจะไม่ถูกทดสอบกระนั้นหรือ"

( อัลอังกะบู๊ต 29 / 2 )

ผู้ศรัทธาแล้ว หรือเกิดมาเป็นมุสลิมก็มีการทดสอบเช่นกัน ตัวอย่างที่เห็นๆ กันในห้องคือเรื่องดราม่ายอดนิยมเช่น การแต่งงานครับ จะเห็นได้ว่ามุสลิมก็ได้รับการทดสอบเรื่องนี้เช่นกันว่าจะเลือกศาสนาหรือว่าเลือกอารมณ์ส่วนตัว


2. ผู้ที่อัลลอฮฺทรงเปิดใจ นั่นย่อมแปลว่าเขาละทิ้งอารมณ์ส่วนตัว ความอวดดื้อถือดี และความหลงผิด เข้ามาสู่อิสลามครับ

'...แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของชนกลุ่มใด
จนกว่าพวกเขาจะได้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่ในตัว(จิตใจ)ของพวกเขาเองเสียก่อน...'

อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรเราะดฺ อายะฮฺที่ 11


ดังนั้นจึงไม่ใช่อภิสิทธิ์ แต่เขาเลือกที่จะมาหาสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงผ่านการทดสอบในระดับนึงครับ


3. เรื่องนี้เข้าใจผิดนะครับ อัลลอฮฺทรงมีเจตนาจะสร้างมนุษย์ครับ ถ้าพระองค์ไม่ประสงค์มนุษย์เกิดเองไม่ได้ครับ

             [2.30] จงรำลึกถึงเวลา ที่พระผู้อภิบาลของเจ้า ได้กล่าวกับมลาอิกะฮ์ว่า ฉันจะแต่งตั้งตัวแทนคนหนึ่ง ขึ้นบนหน้าแผ่นดิน บรรดามลาอิกะฮ์ทูลว่า พระองค์จะทรงตั้งผู้ที่จะก่อการเสียหาย และหลั่งเลือดกันในแผ่นดินกระนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่เรากล่าวสดุดี ด้วยการแซ่ซ้องสรรเสริญพระองค์ (และปฏิบัติ ตามคำบัญชาของพระองค์) และเทิดทูนความบริสุทธิ์ของพระองค์ พระองค์ได้ทรงตอบว่า แท้จริงฉันรู้ในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้
   
“และข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์มาเพื่ออื่นใดเว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า  

ข้าไม่ต้องการปัจจัยยังชีพจากพวกเขาและข้าก็ไม่ต้องการให้พวกเขาให้อาหารแก่ข้า”

(อัซซาซิยาต  51 : 56 – 57)

การที่อาดัม และฮาวา (หรืออีฟ) กินผลไม้ก็เป็นการทดสอบหนึ่งครับ แต่อย่างไรมนุษย์ก็ต้องเกิดมาอยู่ดี ตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น เมื่อเราทราบหน้าที่ของเราแล้ว เราจึงมีหน้าที่ทำตามที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสั่งใช้ครับ

4. พระองค์ทรงเมตตาอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้วครับ พระองค์ทรงให้โอกาสมนุษย์จวบจนวาระสุดท้ายของเขา มนุษย์เป็นพันๆ ล้าน ด่าทอพระเจ้า ทรยศพระองค์ พระองค์ก็ยังทรงให้อาหาร ให้น้ำ ให้ชีวิตเขาจนถึงวาระที่กำหนด จริงๆ มนุษย์ไม่ได้มีค่าอะไรเลย เกิดมาจากอสุจิที่ตัวเองยังรังเกียจ มนุษย์ก็ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับพระเจ้า แต่ยังต้องอาศัยปัจจัยยังชีพจากพระองค์อีก แถมยังด่าทอพระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ยังทรงให้โอกาสต่อ

นี่เป็นความกรุณาอย่างมากมายแล้วครับ

แต่พระองค์ทรงความยุติธรรมด้วย ดังนั้น เมื่อกำหนดแล้วว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ถ้ามีใครฝ่าฝืนพระองค์ก็จะลงโทษตามที่พระองค์สัญญาไว้ นั่นแหละครับ

5. ภรรยาท่านศาสนฑูตอายุ 9 ขวบ ตามที่บันทึกไว้นั่นแหละครับ และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆ เพราะเป็นการแต่งงานอย่างถูกต้องไม่ใช่ฉุด คร่า ขืนใจ หรือบังคับขู่เข็ญใดๆ ให้แต่งงานครับ อีกอย่างหนึ่งการแต่งงานกันดังกล่าวก็ไม่ได้ผิดหลักศาสนาไม่ว่าจะศาสนาใดด้วยครับ แต่ปัจจุบันมันแสดงท่าทีรับไม่ได้ ก็เพราะสังคมปัจจุบันหล่อหลอมมาอีกอย่างหนึ่งซึ่งค่านิยมปัจจุบันไม่ใช่มาตรวัดความถูกต้องที่สุดหรอกครับ

ดังนั้นจึงไม่ต้องตกใจสำหรับเรื่องนี้




สงสัยอะไรก็ถามมาต่อได้ครับ มุสลิมเรายินดีให้คำตอบ