สวัสดีครับ มาถึงพาทที่ 6 กันแล้ว วันนี้ เราจะบินลัดฟ้า ไป ฮ็อกไกโด มุ่งหน้าสู่คลองโอตารุกัน
เริ่มจากที่ ตอนแรก ผมกะว่า จะประหยัดเงิน เที่ยวแค่ในโตเกียวก็พอละ ตลอด 5 วันนี้
เพราะลำพังแค่ค่ารถไฟ ในโตเกียว ก็ทำเราเซแล้ว
แล้วนับประสาอะไรกับ ขึ้นชินคังเซนไปฮ็อกไกโด คงจะใช้เงินมหาศาล แน่ๆ
แต่มีอยู่วันหนึ่ง นึกสนุก ลองไปเปิด เว็บจองตั๋วของ AirAsia เข้า
จาก นาริตะ ไป นิว ชิโตเสะ ไป-กลับ ค่าตั๋ว ประมาณ 3,700 – บาท/คน
เฮ้ย!!!!!! นี่เรื่องจริงหรือเรื่องจริงกันแน่นะ
ทันใดนั้นมโนภาพของหิมะ หนานุ่มขอบชีสก็เข้ามาในหัว
จากที่อ่านและเสียงร่ำลือ ทำให้แววตาเริ่มส่องประกายวิ้งๆเป็นแฉกๆ
ไม่ต่างอะไรกับถ่ายไฟแล้วเปิดรูรับแสงที่ F22 (เกี่ยวมะ 555)
จองเลย !!!!
เลยเป็นที่มาของทริปนี้ ที่จะได้กระโดด ขึ้นเหนือไปยลหิมะแจแปน แบบเต็มๆ
วันนี้ เครื่องออก 11 โมง เราก็มาถึงที่สนามบินก่อนเวลา พอสมควร ตอนแรกไม่ได้หาข้อมูล การนั่งรถไฟไป สนามบินนาริตะเลย
เลยตัดปัญหา นั่ง รถบัสสนามบินละกัน 900 กว่าไทย ยอม!!!
พอมาถึงก็เดินหา Gate ของ AirAsia ใหญ่เลย แต่ก็หาไม่เจอ
สรุป !! สุดท้ายก็ต้องถามด้วยภาษาอังกฤษ งูๆปลาๆ ได้ใจความมาว่า อยู่ชั้นล่างจ่ะ
พอเจอGate ให้อุ่นใจแล้ว ก็ไม่รีบละ เพราะเรา Check-in + ปริ้น Boarding Pass มาแล้ว
เลยกลับขึ้นไปชั้นบนเพื่อเดินดู หาของกิน
ก็ได้เจอกับ นี่ KitKat ชาเขียวและอีกสองรสชาติ เลยลองซื้อมาชิมก่อน อย่างละ 2 กล่อง
ว่าอร่อยจริงรึเปล่า เพราะ มีในออเดอร์ ที่ฝากซื้อด้วย เดี๋ยวขากลับค่อยมาเหมา (เหมา 2 แพ๊ค เยอะมาก 555)
และก็ขาดไม่ได้ ข้าวกล่อง ร้านสะดวกซื้อ กินกันหิว
เริ่มออกเดินทางกันเล้ยยยยยยยย
ขึ้นรถบัส ออกไป ขึ้นเครื่องอีกที
พร้อมแล้ว บินเล้ยยยย
ไม่ถึง 2 ชม. ก็ถูกปลุกให้ตื่น ด้วยกลิ่นหิมะ (เว่อร์มะ) จริงๆแล้วหลับๆตื่นๆ เพราะแอร์เดินเอาของมาขายตลอด
พอลงเครื่องได้ก็รีบจัดแจง แต่งตัว แต่ระหว่างนั้น เจอฝรั่งเยอะมาก อารมณ์ประมาณมาเล่นสกี/สโนวบอร์ แน่นอน เพราะแต่ละคน
เดินลาก กระเป๋าใบยาววววววววว มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์เลย น่าสนุกจริงๆ
จากนั้นก็ลงไปขึ้นรถไฟ ไปโอตารุกัน
วันนี้+คืนนี้เราจะไปนอนที่โอตารุก่อนหนึ่งคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมานอนซัปโปโร
เพราะได้อ่านมาเยอะว่า โอตารุ เมืองโรแมนติก …อุ๊ย!! จริงเหรอ
เลยต้องพิสูจน์ ลองพักที่นี่สักคืน
เดี๋ยวเรานั่งตามสายสีชมพูกันเลย สุดทางที่ สถานี โอตารุกันเลย
ก่อนขึ้นรถ อย่าลืมซื้อของมาขบเคี้ยว นะ เพราะนั่งไป ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง
พอรถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากสถานีมาได้สักหน่อยก็เริ่ม เห็นทุ่งหิมะกว้างๆกันแล้ว
หูย!!! ตื่นเต้นอ่ะ ออกหน้าออกตาเลย
เพราะขนาดที่ ไปสกีรีสอร์ท เกาหลี ยังรู้สึกว่ามันไม่อลังการณ์เท่านี้เลย
พอไกล้ๆจะถึง โอตารุ มองออกไปนอกหน้าต่าง ก็สงสัยว่าทำไม แถวนี้หิมะมันไม่ค่อยขาวเลย
พอแนบหน้าไปดูไกล้ๆหน้าต่าง อ้าว!!!!!! นี่มันทะเลนิ
รถไฟที่ญี่ปุ่นนี่ อะไรๆก็ดีนะ เสียอย่างเดี๋ยว กระจกไม่ใสเลย ดูได้จากภาพ อิอิ
และแล้วก็มาถึงที่สถานีจนได้
เป็นโถงกว้างๆโล่งๆ มีห้อง Information อยู่ข้างๆ
เราเลยเข้าไปถามหา โรงแรมที่พักของเรา
ได้คำตอบมาว่า ต้องเดินไปประมาณ 15 นาที หรือไม่ก็แท๊กซี่ หรือรถบัสที่มาเป็นเวลาเท่านั้น
ซึ่ง เดิน 15 นาทีไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว แต่มองออกไปข้างนอกนี่สิ หิมะกำลังตกเลย หูยยยยยยยย(อีกแล้ว ตื่นเต้นไรนักหนา)
เราจะเดินไปได้มั๊ย จะหนาวมั๊ย
แต่ยืนดูสักพัก เอ๊า!! เค้าก็เดินกันนิ ไม่เห็นมีใครสะทกสะท้านว่าหิมะตกเลย
ก็เลย ป่ะ…เดินก็เดิน ชิวๆๆเมืองโรแมนติก ต้องเดินสำรวจเยอะๆ
ระหว่างเดินไปก็ตื่นเต้นไปตลอดทางอ่ะ แหม่!! ก็ที่บ้านไม่มี
อิตู้นี่ น่าจะเป็น ไม่ตู้ไฟ ก็เป็นชุมสายอะไรสักอย่างแหละ แต่ มันจะมิดแล้วนะ
ทางเดินริมถนนหลัก หิมะก็จะละลายสงสัยมีฮีทเตอร์ แต่ในตรอก ซอก ซอย ก็ เต็มๆหนาๆ
แหม่ วิ่งมาปาดหน้าเหมือนรู้ว่าเรากำลังจะหลงทาง
หลังจากมุ่งหน้าสู่แยกใหญ่ ตามแผนที่ แล้วเลี้ยวขวา เลียบคลองโอตารุไป ก็จะเจอที่พักของเราที่จองผ่าน Booking.com
และก็ มาจ่ายเงินที่นี่ เช่นเคย
แผนที่น่ารักเนอะ
ลองหันไปมองทางที่เราเดินผ่านมา
พอเจอแยกใหญ่ ก็เลี้ยวขวาอีกที เจอแล้ววววว ที่พักคืนนี้
เช็คอินเลย พนักงานไม่ค่อยอยู่หรอก แอบหลับอยู่ในห้อง ต้องกด กริ่ง แล้วจะเดินหน้าตาปรือๆออกมา
จ่ายตัง เรียบร้อย 1,850 กว่าบาท โรงแรมมีลิฟท์ นะ
สภาพห้อง
ตอนเห็นแว๊บแรก ก็คิดนะ ตกดึกๆจะมีใครมานั่งอยู่ข้างบนป่าวหว่า???
เมื่อเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อย ก็ออกมาเดินเล่นกันเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
เพราะรู้สึกเหมือนร้านแถวนี้จะปิดประมาณ 6 โมงครึ่ง
เริ่มที่จุดแรกเลย อยู่ตรงข้ามถนน กับโรงแรมเอง คลองโอตารุไง
เช่นเคย มุมมหาชน
พวกที่จ้องจะถ่ายก็ถ่ายยยกันไป (รวมทั้งเราด้วย)
ส่วนคู่นี้ จริงจังนะ หรือไม่ก็คงเป็นพวกทำสกูป ข่าว
ส่วนคนที่คอยอำนวยความสะดวก ก็เร่งทำกันไป
ยืนถ่ายอยู่ได้สักพัก คนเริ่มเยอะขึ้นๆๆ เดี๋ยวลองไปเดินดูร้านค้าแถวนี้มั่งดีกว่า
ก่อนไป อีกสักรูป
เดินข้ามถนนมาหน่อยเดียว ทั้งที่เป็นคลองเดียวกัน แต่ถัดจากมุมมหาชนมา สภาพต่างกันสิ้นเชิง
เจอป้าย การ์ตูนนี่ ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่เห็นมีขายเยอะเหมือนกัน จุดสนใจคือเป้า ชี้ไปทางร้านขายของที่ระลึกถัดไป
เจอพี่คนนี้ ยืนก่อเตาย่างอะไรอยู่ กลางหิมะโปรยๆ
หน้าร้านนี้มี รถที่พาทัวร์ต่างๆมาจอด หลายคัน ทั้ง นักท่องเที่ยว ทั้ง นักเรียน
พอเข้าไปดูในร้าน ก็มีทั้งช็อคโกแลต ขนม นม เนย ของฝากมากมาย แต่ไปสะดุดตากับ อาหารกระป๋องอยู่อย่างนึง
ซึ่งก่อนมาเคยได้ดูคลิป พี่เร แม๊ค พามาดูซัปโปโร แล้วแนะนำแกงกะหรี่แมวน้ำ
ดีใจมากที่หาเจอ ได้ของฝากแล้ววววววววววว
ช็อคโกแลตมันธรรมดาไป อย่างเราจะซื้อทั้งทีต้องนี่….แกงกะหรี่แมวน้ำ
(ตอนซื้อคนขายมากันทั้งร้านเลย เพื่อหาคำตอบให้เราว่ามันคืออะไร
เค้าพยายามอธิบายอย่างมาก จนสุดท้าย ทำท่าและร้องเสียงแบบแมวน้ำให้เราดู ทำให้รู้สึกว่า เค้าน่ารักมากๆ )
ขอบคุณ แกงกะหรี่แมวน้ำที่ทำให้รู้สึกดีกับคนที่นี่
[CR] Japan January Part 6 (Otaru ขอบคุณแกงกะหรี่แมวน้ำ)
เริ่มจากที่ ตอนแรก ผมกะว่า จะประหยัดเงิน เที่ยวแค่ในโตเกียวก็พอละ ตลอด 5 วันนี้
เพราะลำพังแค่ค่ารถไฟ ในโตเกียว ก็ทำเราเซแล้ว
แล้วนับประสาอะไรกับ ขึ้นชินคังเซนไปฮ็อกไกโด คงจะใช้เงินมหาศาล แน่ๆ
แต่มีอยู่วันหนึ่ง นึกสนุก ลองไปเปิด เว็บจองตั๋วของ AirAsia เข้า
จาก นาริตะ ไป นิว ชิโตเสะ ไป-กลับ ค่าตั๋ว ประมาณ 3,700 – บาท/คน
เฮ้ย!!!!!! นี่เรื่องจริงหรือเรื่องจริงกันแน่นะ
ทันใดนั้นมโนภาพของหิมะ หนานุ่มขอบชีสก็เข้ามาในหัว
จากที่อ่านและเสียงร่ำลือ ทำให้แววตาเริ่มส่องประกายวิ้งๆเป็นแฉกๆ
ไม่ต่างอะไรกับถ่ายไฟแล้วเปิดรูรับแสงที่ F22 (เกี่ยวมะ 555)
จองเลย !!!!
เลยเป็นที่มาของทริปนี้ ที่จะได้กระโดด ขึ้นเหนือไปยลหิมะแจแปน แบบเต็มๆ
วันนี้ เครื่องออก 11 โมง เราก็มาถึงที่สนามบินก่อนเวลา พอสมควร ตอนแรกไม่ได้หาข้อมูล การนั่งรถไฟไป สนามบินนาริตะเลย
เลยตัดปัญหา นั่ง รถบัสสนามบินละกัน 900 กว่าไทย ยอม!!!
พอมาถึงก็เดินหา Gate ของ AirAsia ใหญ่เลย แต่ก็หาไม่เจอ
สรุป !! สุดท้ายก็ต้องถามด้วยภาษาอังกฤษ งูๆปลาๆ ได้ใจความมาว่า อยู่ชั้นล่างจ่ะ
พอเจอGate ให้อุ่นใจแล้ว ก็ไม่รีบละ เพราะเรา Check-in + ปริ้น Boarding Pass มาแล้ว
เลยกลับขึ้นไปชั้นบนเพื่อเดินดู หาของกิน
ก็ได้เจอกับ นี่ KitKat ชาเขียวและอีกสองรสชาติ เลยลองซื้อมาชิมก่อน อย่างละ 2 กล่อง
ว่าอร่อยจริงรึเปล่า เพราะ มีในออเดอร์ ที่ฝากซื้อด้วย เดี๋ยวขากลับค่อยมาเหมา (เหมา 2 แพ๊ค เยอะมาก 555)
และก็ขาดไม่ได้ ข้าวกล่อง ร้านสะดวกซื้อ กินกันหิว
เริ่มออกเดินทางกันเล้ยยยยยยยย
ขึ้นรถบัส ออกไป ขึ้นเครื่องอีกที
พร้อมแล้ว บินเล้ยยยย
ไม่ถึง 2 ชม. ก็ถูกปลุกให้ตื่น ด้วยกลิ่นหิมะ (เว่อร์มะ) จริงๆแล้วหลับๆตื่นๆ เพราะแอร์เดินเอาของมาขายตลอด
พอลงเครื่องได้ก็รีบจัดแจง แต่งตัว แต่ระหว่างนั้น เจอฝรั่งเยอะมาก อารมณ์ประมาณมาเล่นสกี/สโนวบอร์ แน่นอน เพราะแต่ละคน
เดินลาก กระเป๋าใบยาววววววววว มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์เลย น่าสนุกจริงๆ
จากนั้นก็ลงไปขึ้นรถไฟ ไปโอตารุกัน
วันนี้+คืนนี้เราจะไปนอนที่โอตารุก่อนหนึ่งคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมานอนซัปโปโร
เพราะได้อ่านมาเยอะว่า โอตารุ เมืองโรแมนติก …อุ๊ย!! จริงเหรอ
เลยต้องพิสูจน์ ลองพักที่นี่สักคืน
เดี๋ยวเรานั่งตามสายสีชมพูกันเลย สุดทางที่ สถานี โอตารุกันเลย
ก่อนขึ้นรถ อย่าลืมซื้อของมาขบเคี้ยว นะ เพราะนั่งไป ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง
พอรถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากสถานีมาได้สักหน่อยก็เริ่ม เห็นทุ่งหิมะกว้างๆกันแล้ว
หูย!!! ตื่นเต้นอ่ะ ออกหน้าออกตาเลย
เพราะขนาดที่ ไปสกีรีสอร์ท เกาหลี ยังรู้สึกว่ามันไม่อลังการณ์เท่านี้เลย
พอไกล้ๆจะถึง โอตารุ มองออกไปนอกหน้าต่าง ก็สงสัยว่าทำไม แถวนี้หิมะมันไม่ค่อยขาวเลย
พอแนบหน้าไปดูไกล้ๆหน้าต่าง อ้าว!!!!!! นี่มันทะเลนิ
รถไฟที่ญี่ปุ่นนี่ อะไรๆก็ดีนะ เสียอย่างเดี๋ยว กระจกไม่ใสเลย ดูได้จากภาพ อิอิ
และแล้วก็มาถึงที่สถานีจนได้
เป็นโถงกว้างๆโล่งๆ มีห้อง Information อยู่ข้างๆ
เราเลยเข้าไปถามหา โรงแรมที่พักของเรา
ได้คำตอบมาว่า ต้องเดินไปประมาณ 15 นาที หรือไม่ก็แท๊กซี่ หรือรถบัสที่มาเป็นเวลาเท่านั้น
ซึ่ง เดิน 15 นาทีไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว แต่มองออกไปข้างนอกนี่สิ หิมะกำลังตกเลย หูยยยยยยยย(อีกแล้ว ตื่นเต้นไรนักหนา)
เราจะเดินไปได้มั๊ย จะหนาวมั๊ย
แต่ยืนดูสักพัก เอ๊า!! เค้าก็เดินกันนิ ไม่เห็นมีใครสะทกสะท้านว่าหิมะตกเลย
ก็เลย ป่ะ…เดินก็เดิน ชิวๆๆเมืองโรแมนติก ต้องเดินสำรวจเยอะๆ
ระหว่างเดินไปก็ตื่นเต้นไปตลอดทางอ่ะ แหม่!! ก็ที่บ้านไม่มี
อิตู้นี่ น่าจะเป็น ไม่ตู้ไฟ ก็เป็นชุมสายอะไรสักอย่างแหละ แต่ มันจะมิดแล้วนะ
ทางเดินริมถนนหลัก หิมะก็จะละลายสงสัยมีฮีทเตอร์ แต่ในตรอก ซอก ซอย ก็ เต็มๆหนาๆ
แหม่ วิ่งมาปาดหน้าเหมือนรู้ว่าเรากำลังจะหลงทาง
หลังจากมุ่งหน้าสู่แยกใหญ่ ตามแผนที่ แล้วเลี้ยวขวา เลียบคลองโอตารุไป ก็จะเจอที่พักของเราที่จองผ่าน Booking.com
และก็ มาจ่ายเงินที่นี่ เช่นเคย
แผนที่น่ารักเนอะ
ลองหันไปมองทางที่เราเดินผ่านมา
พอเจอแยกใหญ่ ก็เลี้ยวขวาอีกที เจอแล้ววววว ที่พักคืนนี้
เช็คอินเลย พนักงานไม่ค่อยอยู่หรอก แอบหลับอยู่ในห้อง ต้องกด กริ่ง แล้วจะเดินหน้าตาปรือๆออกมา
จ่ายตัง เรียบร้อย 1,850 กว่าบาท โรงแรมมีลิฟท์ นะ
สภาพห้อง
ตอนเห็นแว๊บแรก ก็คิดนะ ตกดึกๆจะมีใครมานั่งอยู่ข้างบนป่าวหว่า???
เมื่อเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อย ก็ออกมาเดินเล่นกันเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
เพราะรู้สึกเหมือนร้านแถวนี้จะปิดประมาณ 6 โมงครึ่ง
เริ่มที่จุดแรกเลย อยู่ตรงข้ามถนน กับโรงแรมเอง คลองโอตารุไง
เช่นเคย มุมมหาชน
พวกที่จ้องจะถ่ายก็ถ่ายยยกันไป (รวมทั้งเราด้วย)
ส่วนคู่นี้ จริงจังนะ หรือไม่ก็คงเป็นพวกทำสกูป ข่าว
ส่วนคนที่คอยอำนวยความสะดวก ก็เร่งทำกันไป
ยืนถ่ายอยู่ได้สักพัก คนเริ่มเยอะขึ้นๆๆ เดี๋ยวลองไปเดินดูร้านค้าแถวนี้มั่งดีกว่า
ก่อนไป อีกสักรูป
เดินข้ามถนนมาหน่อยเดียว ทั้งที่เป็นคลองเดียวกัน แต่ถัดจากมุมมหาชนมา สภาพต่างกันสิ้นเชิง
เจอป้าย การ์ตูนนี่ ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่เห็นมีขายเยอะเหมือนกัน จุดสนใจคือเป้า ชี้ไปทางร้านขายของที่ระลึกถัดไป
เจอพี่คนนี้ ยืนก่อเตาย่างอะไรอยู่ กลางหิมะโปรยๆ
หน้าร้านนี้มี รถที่พาทัวร์ต่างๆมาจอด หลายคัน ทั้ง นักท่องเที่ยว ทั้ง นักเรียน
พอเข้าไปดูในร้าน ก็มีทั้งช็อคโกแลต ขนม นม เนย ของฝากมากมาย แต่ไปสะดุดตากับ อาหารกระป๋องอยู่อย่างนึง
ซึ่งก่อนมาเคยได้ดูคลิป พี่เร แม๊ค พามาดูซัปโปโร แล้วแนะนำแกงกะหรี่แมวน้ำ
ดีใจมากที่หาเจอ ได้ของฝากแล้ววววววววววว
ช็อคโกแลตมันธรรมดาไป อย่างเราจะซื้อทั้งทีต้องนี่….แกงกะหรี่แมวน้ำ
(ตอนซื้อคนขายมากันทั้งร้านเลย เพื่อหาคำตอบให้เราว่ามันคืออะไร
เค้าพยายามอธิบายอย่างมาก จนสุดท้าย ทำท่าและร้องเสียงแบบแมวน้ำให้เราดู ทำให้รู้สึกว่า เค้าน่ารักมากๆ )
ขอบคุณ แกงกะหรี่แมวน้ำที่ทำให้รู้สึกดีกับคนที่นี่