สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ผมเพิ่งมาเล่นเนตบ้างอะไรบ้าง ช่วงปี 2546 นี่เอง เพราะ ตอนนั้นเรียนป.โทอยู่ เลยต้องอาศัยเนตในการสืบค้นข้อมูลต่างๆ
แรกๆผมเล่นบอร์ดกฏหมายครับ ไทยจัสติส และ สิงอยู่นั่นหลายปีทีเดียว
เน้นแต่เรื่อง ถาม-ตอบกฏหมายต่างๆ วิชาการทางกฏหมายบ้าง
บอร์ดการเมืองในสมัยนั้น พูดตรงๆว่า รู้จักแต่ ราชดำเนิน
แต่ก้ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก เพราะ คิดว่า การเมืองไม่สำคัญ ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตผม ใครมา-ไป จากรัฐบาล ก็ไม่ทำให้ผมเปลี่ยนสถานะภาพจากนี้ไปไม่ได้มากนักหรอก
พอมาช่วง ปี 2548-2549 เริ่มมีการตั้งม๊อบขับไล่คุณทักษิณ ผมก็แว่บมาดูพันทิพย์ราชดำเนินอยู่บ้างเหมือนกัน ก็มีการโจมตีกันไปๆมาๆทั้งสองฝั่ง
อืม...เชื่อไหม ตอนนั้น ผมเป็นคนหนึ่งที่ต่อต้านคุณทักษิณด้วยซ้ำ แปลกดี พวกนักกฏหมายด้วยกันส่วนใหญ่ต่อต้านคุณทักษิณทั้งนั้น อาจจะเพราะ...ในสมัยเรียนปริญญาโท อ.จรัญ มาสอนและท่านแสดงความเห็นหลายๆอย่างที่ตรงข้ามคุณทักษิณ รวมไปถึงนักวิชาการสายกฏหมายหลายๆคนในขณะนั้นก็โจมตีคุณทักษิณ และพูดตรงๆว่า ในตอนนั้นเหมือนว่าคุณทักษิณมีอำนาจมาก"เกินไป"องค์กรอิสระต่างๆก็ตรวจสอบท่านได้ลำบาก ผมก้เลยค่อนข้างออกไปในแนวต่อต้านคุณทักษิณไปด้วยครับ
แต่ ไม่คิดว่า เหตุการณ์จะบานปลายไปจนถึงกับต้อง รัฐประหาร จากที่เคยมีแนวคิดต่อต้านคุณทักษิณในช่วงนั้น เลยต้องถอยมาตั้งหลักและคิดตรึกตรองดูใหม่ หลังจากรัฐประหารแล้ว อะไรหลายๆอย่างมันทำให้ เห็นถึง "ความอยุติธรรม" ไม่ว่าการแบ่งสีแบ่งพรรค เลือกปฏิบัติกับสีหนึ่งอีกสีหนึ่งทำอีกแบบ ตุลาการภิวัฒน์ที่ถูกใครๆก็พูดถึงความสองมาตรฐาน รวมไปถึงการล้อมปราบประชาชนอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต เหตุผลของคณะรัฐประหารที่ว่า ทำเพราะบ้านเมืองแตกแยก กลายเป็นว่า หลังรัฐประหารแล้ว บ้านเมืองแตกแยกยิ่งกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่าๆ
"ความอยุติธรรม" ดังกล่าว ทำให้จากเดิมที่ผม เป็นคนเรื่อยๆ สุขนิยม ค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมด้วยซ้ำ กลับมาเห็นด้วยกับแนวทางที่ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองและต่อต้านการรัฐประหาร ถ้าจะว่า คนเสื้อแดงคือ แนวคิด ต่อต้านการรัฐประหาร ต้องการให้สังคมมีความเป็นธรรมและให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจในการปกครอง ผมก็คือ คนเสื้อแดงอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากนั้น ก็เริ่มท่องโลกออนไลด์แสดงความเห็นในทางการเมืองอยู่บ้าง แต่ ในพันทิพย์ ผมได้สมัคร"อมยิ้ม" ปี 2553 เขาปิดการโต้ตอบ รดน.พอดีเลย เลยเบนเข็มมาแสดงความเห็นทางการเมืองในที่นี่แทน แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ห้องการมุ้งมากกว่าตามประสาพวกสุขนิยม แต่ ช่วงไหนมีประเด็นน่าสนใจ ในส่วนองค์ความรู้ที่ผมมี ผมก็เข้ามาห้องการเมืองอยู่ประจำครับ
ในบอร์ดแห่งนี้ มีผู้รู้ในศาสตร์ต่างๆเก่งๆหลายท่าน ถึงแม้ผมอาจจะไม่มีความรู้-ประสบการณ์อะไรมากมายมาถ่ายทอดได้มากมายนัก แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ผมคิดว่าผมน่าจะมีไม่น้อยกว่าเพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆและสิ่งนั้นเองทำให้เราเป็นเพื่อนกันได้แม้จะไม่เคยพบหน้าค่าตากัน คือ จิตใจที่รักความเป็นธรรมครับ เหมือนคำพูดของ เชกูวารา ที่ว่า
“เมื่อใดเห็นความอยุติธรรมเกิดขึ้นต่อหน้าแล้วคุณตัวสั่นด้วยความโกรธ เมื่อนั้น เราก็เป็นเพื่อนกันได้ สิ่งนี้มีค่ายิ่งกว่าความเป็นญาติ”
ที่มา - คำแนะนำตัวของผมเองใน บอร์ดบ้านราษฎร์
แรกๆผมเล่นบอร์ดกฏหมายครับ ไทยจัสติส และ สิงอยู่นั่นหลายปีทีเดียว
เน้นแต่เรื่อง ถาม-ตอบกฏหมายต่างๆ วิชาการทางกฏหมายบ้าง
บอร์ดการเมืองในสมัยนั้น พูดตรงๆว่า รู้จักแต่ ราชดำเนิน
แต่ก้ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก เพราะ คิดว่า การเมืองไม่สำคัญ ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตผม ใครมา-ไป จากรัฐบาล ก็ไม่ทำให้ผมเปลี่ยนสถานะภาพจากนี้ไปไม่ได้มากนักหรอก
พอมาช่วง ปี 2548-2549 เริ่มมีการตั้งม๊อบขับไล่คุณทักษิณ ผมก็แว่บมาดูพันทิพย์ราชดำเนินอยู่บ้างเหมือนกัน ก็มีการโจมตีกันไปๆมาๆทั้งสองฝั่ง
อืม...เชื่อไหม ตอนนั้น ผมเป็นคนหนึ่งที่ต่อต้านคุณทักษิณด้วยซ้ำ แปลกดี พวกนักกฏหมายด้วยกันส่วนใหญ่ต่อต้านคุณทักษิณทั้งนั้น อาจจะเพราะ...ในสมัยเรียนปริญญาโท อ.จรัญ มาสอนและท่านแสดงความเห็นหลายๆอย่างที่ตรงข้ามคุณทักษิณ รวมไปถึงนักวิชาการสายกฏหมายหลายๆคนในขณะนั้นก็โจมตีคุณทักษิณ และพูดตรงๆว่า ในตอนนั้นเหมือนว่าคุณทักษิณมีอำนาจมาก"เกินไป"องค์กรอิสระต่างๆก็ตรวจสอบท่านได้ลำบาก ผมก้เลยค่อนข้างออกไปในแนวต่อต้านคุณทักษิณไปด้วยครับ
แต่ ไม่คิดว่า เหตุการณ์จะบานปลายไปจนถึงกับต้อง รัฐประหาร จากที่เคยมีแนวคิดต่อต้านคุณทักษิณในช่วงนั้น เลยต้องถอยมาตั้งหลักและคิดตรึกตรองดูใหม่ หลังจากรัฐประหารแล้ว อะไรหลายๆอย่างมันทำให้ เห็นถึง "ความอยุติธรรม" ไม่ว่าการแบ่งสีแบ่งพรรค เลือกปฏิบัติกับสีหนึ่งอีกสีหนึ่งทำอีกแบบ ตุลาการภิวัฒน์ที่ถูกใครๆก็พูดถึงความสองมาตรฐาน รวมไปถึงการล้อมปราบประชาชนอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต เหตุผลของคณะรัฐประหารที่ว่า ทำเพราะบ้านเมืองแตกแยก กลายเป็นว่า หลังรัฐประหารแล้ว บ้านเมืองแตกแยกยิ่งกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่าๆ
"ความอยุติธรรม" ดังกล่าว ทำให้จากเดิมที่ผม เป็นคนเรื่อยๆ สุขนิยม ค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมด้วยซ้ำ กลับมาเห็นด้วยกับแนวทางที่ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองและต่อต้านการรัฐประหาร ถ้าจะว่า คนเสื้อแดงคือ แนวคิด ต่อต้านการรัฐประหาร ต้องการให้สังคมมีความเป็นธรรมและให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจในการปกครอง ผมก็คือ คนเสื้อแดงอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากนั้น ก็เริ่มท่องโลกออนไลด์แสดงความเห็นในทางการเมืองอยู่บ้าง แต่ ในพันทิพย์ ผมได้สมัคร"อมยิ้ม" ปี 2553 เขาปิดการโต้ตอบ รดน.พอดีเลย เลยเบนเข็มมาแสดงความเห็นทางการเมืองในที่นี่แทน แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ห้องการมุ้งมากกว่าตามประสาพวกสุขนิยม แต่ ช่วงไหนมีประเด็นน่าสนใจ ในส่วนองค์ความรู้ที่ผมมี ผมก็เข้ามาห้องการเมืองอยู่ประจำครับ
ในบอร์ดแห่งนี้ มีผู้รู้ในศาสตร์ต่างๆเก่งๆหลายท่าน ถึงแม้ผมอาจจะไม่มีความรู้-ประสบการณ์อะไรมากมายมาถ่ายทอดได้มากมายนัก แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ผมคิดว่าผมน่าจะมีไม่น้อยกว่าเพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆและสิ่งนั้นเองทำให้เราเป็นเพื่อนกันได้แม้จะไม่เคยพบหน้าค่าตากัน คือ จิตใจที่รักความเป็นธรรมครับ เหมือนคำพูดของ เชกูวารา ที่ว่า
“เมื่อใดเห็นความอยุติธรรมเกิดขึ้นต่อหน้าแล้วคุณตัวสั่นด้วยความโกรธ เมื่อนั้น เราก็เป็นเพื่อนกันได้ สิ่งนี้มีค่ายิ่งกว่าความเป็นญาติ”
ที่มา - คำแนะนำตัวของผมเองใน บอร์ดบ้านราษฎร์
ความคิดเห็นที่ 9
ไม่เอา "การกล่าวหาใส่ร้าย" ป้ายสีกันไป-มา
ไม่เอา "การสร้างความเกลียดชัง" แบ่งฝักฝ่าย มีแต่ความแตกแยก
ไม่เอา "พวกดีแต่พูด" ทำงานไม่เป็น
ไม่เอา "พวกไม่รู้จักรับผิดชอบ" ทำผิดไม่เคย "ขอโทษ"
ไม่เอา "พวกมีนโยบาย" ที่ขายฝัน ไม่เคยทำได้จริง
ไม่เอา "การเมืองแบบเก่าๆ" พวกคนอื่นนั้น "ชั่วช้า" พวกตนสิ "ดีเลิศประเสริฐศรี"
ไม่เอา "นักการเมือง" ที่ไม่ "สร้างสรรค์" ไม่เป็น "สุภาพบุรุษ"
ไม่เอา "นักการเมือง" ที่โกงกิน แล้วทำ "มึน" บอก พวกข้า "ไม่ผิด" แล้วตรวจสอบไม่ได้
ไม่เอา "นักการเมือง" ที่วิ่งราว "ประชาธิปไตย" เพราะ ไม่เคย "เลือกตั้งชนะ"
ไม่เอา "นักการเมือง" ที่จมกับอดีตชอบ "ขุดของเก่าเน่าๆ" มาหากินให้ประชาชน "กลัว"
วันที่ 3 มีนาคม 2556 จะไปกา "เบอร์ 9" เพื่อ "สั่งสอน" นักการเมืองพวกนั้นให้ "รู้จักสำนึก"
"ไม่ให้ "คนดี" เหล่านี้ มีที่ "ยืน" ในสังคม !!! แล้วจะได้บอกเขาเหล่านั้นว่า
อะไร ๆ ที่เคยสัญญาว่าจะทำให้ "ประชาชน" แล้ว "ทำไม่ได้" - "ทำไม่เสร็จ"
ต่อ ๆ ไป ก็อย่าได้ให้ "โอกาส" พวกเขากลับมาทำงานอีกเพราะ "รับผิดชอบ!!!" ไม่เป็น
ไม่เอา "การสร้างความเกลียดชัง" แบ่งฝักฝ่าย มีแต่ความแตกแยก
ไม่เอา "พวกดีแต่พูด" ทำงานไม่เป็น
ไม่เอา "พวกไม่รู้จักรับผิดชอบ" ทำผิดไม่เคย "ขอโทษ"
ไม่เอา "พวกมีนโยบาย" ที่ขายฝัน ไม่เคยทำได้จริง
ไม่เอา "การเมืองแบบเก่าๆ" พวกคนอื่นนั้น "ชั่วช้า" พวกตนสิ "ดีเลิศประเสริฐศรี"
ไม่เอา "นักการเมือง" ที่ไม่ "สร้างสรรค์" ไม่เป็น "สุภาพบุรุษ"
ไม่เอา "นักการเมือง" ที่โกงกิน แล้วทำ "มึน" บอก พวกข้า "ไม่ผิด" แล้วตรวจสอบไม่ได้
ไม่เอา "นักการเมือง" ที่วิ่งราว "ประชาธิปไตย" เพราะ ไม่เคย "เลือกตั้งชนะ"
ไม่เอา "นักการเมือง" ที่จมกับอดีตชอบ "ขุดของเก่าเน่าๆ" มาหากินให้ประชาชน "กลัว"
วันที่ 3 มีนาคม 2556 จะไปกา "เบอร์ 9" เพื่อ "สั่งสอน" นักการเมืองพวกนั้นให้ "รู้จักสำนึก"
"ไม่ให้ "คนดี" เหล่านี้ มีที่ "ยืน" ในสังคม !!! แล้วจะได้บอกเขาเหล่านั้นว่า
อะไร ๆ ที่เคยสัญญาว่าจะทำให้ "ประชาชน" แล้ว "ทำไม่ได้" - "ทำไม่เสร็จ"
ต่อ ๆ ไป ก็อย่าได้ให้ "โอกาส" พวกเขากลับมาทำงานอีกเพราะ "รับผิดชอบ!!!" ไม่เป็น
ความคิดเห็นที่ 23
สมัยก่อนหน้าปี๔๗-๔๘ ผมไม่สนใจการเมืองเลย เลือกทักษิณเข้ามาครั้งแรก เพราะเป็นคนเหนือเหมือนกัน แต่เข้ามาแล้วเขาทำงานเป็น สมัยที่สองเลยกาให้ด้วยความเต็มใจ
หลังมา สนธิเป่าหูเยอะ ความที่ไม่ได้เข้ามาหาข้อมูลอะไรในเนทนอกจากเรื่องรถยนต์ ทำให้หลงเชื่อแปีะไปเหมือนกัน ยิ่งตอนเลือกตั้งเมษาที่ ปชป บอยคอต ผมก็มองว่าทักษิณเอาเปรียบเพราะกำหนดให้ ๓๐ วันก็เลือกตั้งใหม่ ถือว่าไม่ให้โอกาศพรรคอื่นหาเสียง ตอนหลังก็พึ่งรู้ว่า กฏหมายกำหนดให้ทำได้อยู่แล้ว
จนทักษิณโดนปฏิวัติ ผมก็เฉยๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาปฏิวัติกันจนเป็นเรื่องปกติ เฉลี่ย๔ปีต่อครั้ง
หลังจากทักษิณโดนปฏิวัติแล้ว การกระทำของ คมช ทำให้ผมเกิดข้อสงสัย ทำไม ปล้นเขาแล้ว จึงเอาคนที่เป็นอริกับเขา มาทำคดี มาสืบสวน มาส่งฟ้อง มาตัดสิน เรื่องแบบนี้ถ้าไม่โง่ดักดาน ย่อมต้องรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติสามัญที่ อารยชน ปัญญาชนเขายอมรับ
แต่ก็แปลกดีที่คนที่เรียกตนว่า เป็นคนดี กลับยอมรับกระบวนการยุติธรรมอันบิดเบี้ยวนี้ ว่าถูกต้องแล้ว สมควรแล้ว ชอบธรรมแล้ว
ถ้าเป็นคนดีแล้วประพฤติตนเยี่ยงนั้น ผมขอเป็นคนไม่ดีที่มีใจยุติธรรมดีกว่า
คนเราถ้าไม่มีใจเป็นธรรม ย่อมไม่อาจถือว่าเป็นคนดี
หลังมา สนธิเป่าหูเยอะ ความที่ไม่ได้เข้ามาหาข้อมูลอะไรในเนทนอกจากเรื่องรถยนต์ ทำให้หลงเชื่อแปีะไปเหมือนกัน ยิ่งตอนเลือกตั้งเมษาที่ ปชป บอยคอต ผมก็มองว่าทักษิณเอาเปรียบเพราะกำหนดให้ ๓๐ วันก็เลือกตั้งใหม่ ถือว่าไม่ให้โอกาศพรรคอื่นหาเสียง ตอนหลังก็พึ่งรู้ว่า กฏหมายกำหนดให้ทำได้อยู่แล้ว
จนทักษิณโดนปฏิวัติ ผมก็เฉยๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาปฏิวัติกันจนเป็นเรื่องปกติ เฉลี่ย๔ปีต่อครั้ง
หลังจากทักษิณโดนปฏิวัติแล้ว การกระทำของ คมช ทำให้ผมเกิดข้อสงสัย ทำไม ปล้นเขาแล้ว จึงเอาคนที่เป็นอริกับเขา มาทำคดี มาสืบสวน มาส่งฟ้อง มาตัดสิน เรื่องแบบนี้ถ้าไม่โง่ดักดาน ย่อมต้องรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติสามัญที่ อารยชน ปัญญาชนเขายอมรับ
แต่ก็แปลกดีที่คนที่เรียกตนว่า เป็นคนดี กลับยอมรับกระบวนการยุติธรรมอันบิดเบี้ยวนี้ ว่าถูกต้องแล้ว สมควรแล้ว ชอบธรรมแล้ว
ถ้าเป็นคนดีแล้วประพฤติตนเยี่ยงนั้น ผมขอเป็นคนไม่ดีที่มีใจยุติธรรมดีกว่า
คนเราถ้าไม่มีใจเป็นธรรม ย่อมไม่อาจถือว่าเป็นคนดี
แสดงความคิดเห็น
++++++++++ ผ ม เ ชื่ อ ว่ า คุ ณ ๆ ทั้ ง ห ล า ย มี เ ห ตุ ผ ล ที่ เ ลื อ ก เ ป็ น แ บ บ นั้ น +++++++++๑
แต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันไปตาม "ปัจจัย" ที่ไม่เหมือนกัน
ผมเองก็เป็นแดง
ที่ไม่ได้สนใจเลยว่าพรรคเพื่อไทยจะมีใครเป็นหัวหน้าพรรค
ตราบใดที่นโยบายของเพื่อไทยมันถูกจริตผม และ นโยบายของคู่แข่งไม่ได้ดูดีกว่า
ผมไม่สนว่า ธิดา ,ขวัญชัย, เหวง,จตุพร, ณัฐวุฒิ จะทะเลาะกันแค่ไหน
ต่อให้มันทะเลาะกันจนแตกหัก ผมก็ไม่สนใจหรอก เพราะมันก็แค่กะพี้
แต่ "แก่น" ของความเป็นแดงต่างหาก ที่สำคัญ
"แก่น" ของผมคือการเมืองตามปกติในระบอบประชาธิปไตย
ที่มีการเลือกตั้ง มีรัฐบาล มีฝ่ายค้าน มีองค์กรอิสระ มีการตรวจสอบ มีการคานอำนาจทั้งจากฝ่ายนิติบัญญัติ และ ตุลาการ
ไม่ใช่การเมืองแบบปลุกม๊อบ
ไม่ใช่การเมืองแบบเอารถถังออกมายึดอำนาจ
ไม่ใช่การเมืองแบบประกาศบอยคอตการเลือกตั้ง
ไม่ใช่การเมืองแบบที่ไม่พอใจนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วใช้วิธีจะไปขอพระราชทานนายกฯมาตรา 7
ผมไม่ได้ยึดติดที่ตัว "แม้ว"
เพราะตอนที่เลือกแม้วในปี 44
ผมก็เลือกเพราะ "นโยบาย" ที่แม้วมันคิดออกมา
เนื่องจากก่อนหน้านี้ย้อนหลังไปตั้งแต่ยุคหลัง รสช.พรรคการเมืองทุกพรรคมันมีแต่ "สำนวนโวหาร"
โดยที่ไม่ได้มีการทำการบ้านเพื่อเสนอ "นโยบาย" กันแบบเป็นเรื่องเป็นราวเลย
พอแม้วมันมาในรูปแบบสากล
ที่มีการทำโพลเพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชน
มีการทำ SWOT ทางการเมืองในแบบที่อารยะประเทศเขาทำกัน
และนำมาสรุปเพื่อหาผลลัพธ์ว่าคนส่วนใหญ่ต้องการอะไรจากนักการเมือง
ก่อนที่จะเขียนออกมาเป็นนโยบาย เพื่อนำมาใช้เป็นจุดขาย ในแบบที่พรรคการเมืองยุคเก่าๆไม่ทำกันนั้น
มันเลยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพรรคการเมืองไทย
เพราะพรรคที่ทำงานแบบข้าราชการประจำ พรรคที่ตกยุคตกสมัย พรรคที่เป็นไดโนเสาร์ ก็จะไม่มีที่ยืน
การเมืองสมัยใหม่ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้วมันเป็นคนจุดประกายนั้น
มันืพรรคการเมืองต่างๆต้อง "ปรับตัว" กันขนานใหญ่ ในการหานโยบายมา "ขาย"
เพราะมันหมดยุคที่จะใช้สำนวนโวหารหากิน หมดยุคที่เปิดเวทีปราศัยแบบ "เอาฮา"
แต่มันคือการเข้าสู่ยุคที่พรรคการเมืองต้องสู้กันด้วยนโยบาย และ ต้องทำงานแบบเอกชนที่เป็นมืออาขีพมากขึ้น
ผมเฉยๆกับแม้วครับ
เพราะผมไม่ได้ยึดติดกับ "ตัวตน" ของแม้ว
แต่ผมชอบแม้วจากตัว "นโยบาย"
เมื่อผมเลือกแม้ว
ผมก็ย่อมอยากให้แม้วมันทำงานตามนโยบายที่ "ขาย" เอาไว้
และเมื่อเกิดการยึดอำนาจ
แน่นอนว่าผมย่อมต้องตัดสินใจเป็นแดงแน่ๆ
เพราะผมต่อต้านการยึดอำนาจ ต่อต้านการมาลิดรอนสิทธิ๋ในการเลือกตั้งของผมที่กาบัตรเลือกแม้วมาทำงาน
หากแม้วมันโกง ก็ใช้กลไกรัฐจัดการมันซะ
ไม่ใช่มายึดอำนาจ โดยบอกว่าแม้วโกง แท้วทุจริต
แต่ผ่านมาจนทุกวันนี้นอกจากคดีที่ดินรัชดาแล้ว (ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการโกงเลย)
ผมยังไม่เห็นคดีไหนอีกเลย ที่ว่าด้วยแม้วโกงและถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ก่อนที่ผมจะออกไปใช้สิทธิ์ในคูหา
ผมไตร่ตรองแล้วเป็นอย่างดีครับ
กับนโยบายระหว่างแม้ว และ มาร์ค
ผมเคยให้โอกาสพรรคมาร์ค
ที่ตอนนั้นนำทัพโดย ชวน หลีกภัย
ทดลองทำงานรับใช้ผมมาแล้วถึง 2 ครั้ง
แต่พรรคของมาร์คทำให้ผมผิดหวังทั้ง 2 ครั้ง
ที่หนักหนาที่สุดก็คงเป็นเรื่อง สปก.4-01
ที่เอาที่ดินที่ควรให้คนจน ไปให้กับคนรวย
แถมยังมีนโยบายเศรษฐที่พิสูจน์แล้วว่าผิดพลาด
จนตอนนั้นเล่นเอามองหน้ากันแทบไม่ติดภายในพรรค
จำได้มั๊ยครับว่า "ธารินทร์" กับ "ศุภชัย" งัดกันแค่ไหน จนศุภชัยต้องล่าถอยจากพรรคไป
พอพรรคของมาร์คทำงานไม่เข้าตาผม
เมื่อผมมีทางเลือกใหม่ ที่มีนโยบายที่ (ผมว่า) เป็นรูปธรรมกว่า
ผมก็ตัดสินใจใช้สิทธิ์แห่งคะแนนเสียงของผมเลือกแม้ว
เพราะผมหวังจะให้แม้วมาทำงานรับใช้ผม... และแน่นอนว่าต้องทำให้ดีสมราคาคุยด้วย
แม้วรับใช้ผมมาแล้ว 1 สมัย
ซึ่งผมก็รู้สึกพอใจในการทำงานของแม้ว
จวบจนสมัยที่ 2 ที่เกิดเรื่องวุ่นวาย ที่ทำให้แม้วต้องเว้นวรรคทางการเมือง
และตามมาด้วยการปฏิวัติ 19 กย.49 ที่ไม่นึกถึงคะแนนเสียงของผมที่ไปเลือกแม้วมั่งเลย
กลับกัน
หากตอนนั้นมาร์คชนะเลือกตั้ง และ เป็นรัฐบาล
หากเกิดการยึดอำนาจขึ้นมา คนที่ไปลงคะแนนเลือกมาร์คก็ย่อมไม่พอใจเช่นกัน
เพราะคนที่เลือกมาร์ค ก็ย่อมต้องอยากให้มาร์คได้แสดงฝีมือทำงานให้ครบเทอม
ดังนั้นการที่ผมชอบพรรคแม้ว และ เป็นเสื้อแดง
ไม่ใช่เพราะตัวตนของแม้วครับ หากแต่เป็นเพราะการทำงานและนโยบาย
ที่ผม......ในฐานะหนึ่งในคนที่เลือกแม้ว ก็ย่อมต้องอยากใช้สิทธิ์ในการเลือกแม้วให้สุดทางครบ 4 ปี
และเมื่อเกิดการยึดอำนาจ ผมก็ย่อมต้องเป็นเสื้อแดงไปโดยปริยาย เพราะไอ้คนที่ผมเลือกถูกกีะทำโดยอำนาจนอกระบบ
มันไม่ใช่จู่ๆผมอยากจะมาเป็นเสื้อแดง
หรือเห็นแม้วเป็นพ่อแบบที่เสื้อเหลืองกระแนะกระแหน
เพราะผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับตัวตนของแม้วในสิ่งที่แม้วเป็น
เนื่องจากแม้วมันก็แค่มนุษย์ธรรมดาที่มีทั้งดีและแย่ในตัวตน
แต่ผมชอบในสิ่งที่แม้วมันทำไว้ตลอดเวลาแห่งการรับใช้ผม
ผมออกไปใช้สิทธิ์ในการไปเลือกพรรคของแม้ว
ซึ่งทำให้แม้วมันได้ "เสียงข้างมาก"กว่า 14 ล้านเสียง
ผมจึงอยากให้แม้วทำงานให้ผมจนหมดสมัย หมดอายุรัฐบาล
หากถึงตอนนั้นแล้ว แม้วทำงานแย่ลง ไม่เป็นเหมือนราคาคุย
รับรองว่าผมเปลี่ยนทางเลือกไปเลือกมาร์คแน่ๆ
เพราะในบ้านเรามันมีแค่ 2 พรรคที่ดูดี มีราคาที่สุด
แต่ไม่ใช่เล่นวิธีใต้ดิน
ทั้งปฏิวัติ ทั้งตั้งองค์กรอิสระมาเช็คบิล
ทั้งตั้งรัฐบาลแบบพิลึกกึกกือ กอดกันกลมที่ รร.สยามซิตี้
ผมใช้สิทธิ์ในคะแนนเสียง 1 เสียงของผม
ร่วมกับคนส่วนใหญ่อีก 14 ล้านคนที่เลือกแม้ว
ด้วยการยืนเคียงข้างคนที่เราเลือกเพื่อมาทำงานรับใช้เรา
แต่ผมถูกคนบางส่วนใช้ "กฏหมู่"
ปลุกม๊อบออกมายึดโน่น ยึดนี่ และมาปล้นเอาคะแนนเสียงผมไป
แบบนี้จะมีเลือกตั้งกันไปทำไมละครับ ??
เลือกตั้งแพ้ก็ปลุกม๊อบมากดดัน
แทนที่จะหาทางเอาชนะการเลือกตั้ง
ด้วยการคิดนโยบายที่ดีกว่าเขา และ "ขาย" ว่ามันดีกว่ายังไงเพื่อจูงใจให้คนเขาไปเลือก
แต่นี่เล่นใช้วิธี "การเมืองข้างถนน"
ทั้งๆที่พยายามชูจุดขายมาตลอดว่าพรรคของตัวเองสนับสนุน "การเมืองในระบอบรัฐสภา"
หากอยากจะเอาชนะคนที่ฝักไฝ่เพื่อไทยก็ไม่ยากนี่ครับ
คนที่ "เกลียดแม้ว" ก็แค่ไปทำอย่างไรก็ได้ ที่จะหาคนไปลงคะแนนเลือกตั้ง
จนพรรคของมาร์คได้เสียงข้างมากเป็นรัฐบาล...เท่านั้นเอง..
ผมชอบเพื่อไทย
เพราะชอบในการทำงานของปู ที่สานต่อนโยบายของแม้ว
หาใช่ชอบที่ตัวตนของปู หรือ แม้ว ครับ
ว่าแต่พรรคมาร์คเถอะ
มีนโยบายอะไรมาอวดมั่งละ ???????
ไม่ว่าคุณจะเป็นเหลือง เป็นแดง
เป็นฟ้า เป็นสลิ่ม เป็นไพร่ หรือ เป็นอำมาตย์
เราต่่างมี 1 เสียงเท่าๆกันตามสิทธิ์ที่รัฐธรรมนูญมอบให้
เราทุกคนมีอำนาจในมือครับ
หากเห็นว่านักการเมืองคนไหนมันห่วย
เราลงโทษเขาได้ในทุกๆ 4 ปี โดยที่ไม่ต้องปลุกม๊อบ หรือ เอารถถังมายึดอำนาจครับ !!!!!!!!!!!!!
คุณๆทั้งหลายละครับ
ทำไมถึงเลือกเป็นเหลือง เป็นแดง เป็นสลิ่ม หรือ แม้กระทั่งเป็นกลาง (ถ้ามันมีอยู่จริง) ?????????