เมื่อวานเราไปดูแฟนมีทแจจุงกับน้องสาวค่ะ ตอนนั่งบีทีเอสกลับมาจากบางนามาหมอชิตก็ยืนคุยกันตรงเสาใกล้ๆทางออก
แต่เรายืนเข้าไปตรงกลางโบกี้กว่านี้ไม่ได้เพราะว่าเราเตี้ยอ่ะค่ะ เราโหนแล้วมันปวดแขนอ่ะ เราเลยต้องยืนเกาะเสากะน้อง
ทีนี้มีผู้ชายคนนึงท้วมๆ แต่งตัวดีๆหน่อยค่ะ ก็เดินเข้ามาในโบกี้นี้แล้วมันคนเยอะมากกกก ฮีก็ทำหน้าไม่พอใจที่เราไม่เข้าไปกว่านี้
เราก็ยิ้มให้และผายมือให้เขาเข้าไปด้านในแทนค่ะ เค้าก็สีหน้าดีขึ้นอ่ะ แล้วก็ไม่ได้เดินเข้ามา
ก็ยืนตรงนั้นแต่จ้องหน้าเราหลายสถานีเหมือนกัน
จนอนุสาวรีย์มีคนลุกสองคน เราก็เลยนั่งค่ะ ทีนี้พี่เค้าก็เดินมายืนตรงหน้าเราแล้วก็จ้อง เราก็รู้ค่ะ ก็ทำเป็นคุยกะน้องไปเรื่อยๆ
ทีนี้เค้าก็ชวนเราคุยอ่ะค่ะ แล้วเรารู้สึกว่าคนในโบกี้เค้าแอบฟังอยู่ เรา็ไม่อยากให้พี่เค้าเสียหน้า เค้าถามมาเราก็ตอบๆ
แต่หลังๆเราลำบากใจอ่ะ แบบเค้าถามลึกไป เช่น เรียนที่ไหน ปีอะไร มหาลัยอะไร แล้วสุดท้ายเค้าคงเห็นว่าเราลำบากใจแล้ว เค้าเลยยื่นนามบัตรให้เราแทนอ่ะค่ะ
เราก็เริ่มกลัวแล้วอ่ะ แล้วพี่เค้าก็ลงในสถานีถัดไปค่ะ
ทีนี้น้องสาวเราก็หันมาบอกว่าเราอ่ะ คุยกะคนง่ายไปนะ
เพิ่งเจอทำไมคุยได้เยอะจัง เราก็ว่าเราไม่กล้าตัดการสนทนาอ่ะ สงสารเค้า
คุยไปก็ทำไรไม่ได้หรอกมั้ง บนรถไฟฟ้านะ
สิ่งหนึ่งที่เราได้ิยินจากพี่เขาแล้วทำให้เราไม่กล้าตัดรอนการสนทนาคือ พี่เค้าบอกว่าเค้าขึ้นบีทีเอสทุกวัน แต่ไม่เคยมีใครยิ้มให้เค้า
หรือมีน้ำใจให้กันเลย พอเราทำแบบนี้แล้ว เค้าเลยคิดว่าเราเป็นคนเกาหลีอ่ะค่ะ เพราะคนไทยไม่ทำงี้
เราก็ไม่ได้อยู่กทม.หลายเดือนแล้ว เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงไหม แต่เราก็ดีใจนะที่ทำให้เย็นวันเลิกงานของหนุ่มออฟฟิศเหี่ยวๆคนนึงสดใสได้มั่ง 55555555
(เล่าสู่กันฟัง) เพิ่งเคยโดนจีบบนรถไฟฟ้าค่าาา
แต่เรายืนเข้าไปตรงกลางโบกี้กว่านี้ไม่ได้เพราะว่าเราเตี้ยอ่ะค่ะ เราโหนแล้วมันปวดแขนอ่ะ เราเลยต้องยืนเกาะเสากะน้อง
ทีนี้มีผู้ชายคนนึงท้วมๆ แต่งตัวดีๆหน่อยค่ะ ก็เดินเข้ามาในโบกี้นี้แล้วมันคนเยอะมากกกก ฮีก็ทำหน้าไม่พอใจที่เราไม่เข้าไปกว่านี้
เราก็ยิ้มให้และผายมือให้เขาเข้าไปด้านในแทนค่ะ เค้าก็สีหน้าดีขึ้นอ่ะ แล้วก็ไม่ได้เดินเข้ามา
ก็ยืนตรงนั้นแต่จ้องหน้าเราหลายสถานีเหมือนกัน
จนอนุสาวรีย์มีคนลุกสองคน เราก็เลยนั่งค่ะ ทีนี้พี่เค้าก็เดินมายืนตรงหน้าเราแล้วก็จ้อง เราก็รู้ค่ะ ก็ทำเป็นคุยกะน้องไปเรื่อยๆ
ทีนี้เค้าก็ชวนเราคุยอ่ะค่ะ แล้วเรารู้สึกว่าคนในโบกี้เค้าแอบฟังอยู่ เรา็ไม่อยากให้พี่เค้าเสียหน้า เค้าถามมาเราก็ตอบๆ
แต่หลังๆเราลำบากใจอ่ะ แบบเค้าถามลึกไป เช่น เรียนที่ไหน ปีอะไร มหาลัยอะไร แล้วสุดท้ายเค้าคงเห็นว่าเราลำบากใจแล้ว เค้าเลยยื่นนามบัตรให้เราแทนอ่ะค่ะ
เราก็เริ่มกลัวแล้วอ่ะ แล้วพี่เค้าก็ลงในสถานีถัดไปค่ะ
ทีนี้น้องสาวเราก็หันมาบอกว่าเราอ่ะ คุยกะคนง่ายไปนะ
เพิ่งเจอทำไมคุยได้เยอะจัง เราก็ว่าเราไม่กล้าตัดการสนทนาอ่ะ สงสารเค้า
คุยไปก็ทำไรไม่ได้หรอกมั้ง บนรถไฟฟ้านะ
สิ่งหนึ่งที่เราได้ิยินจากพี่เขาแล้วทำให้เราไม่กล้าตัดรอนการสนทนาคือ พี่เค้าบอกว่าเค้าขึ้นบีทีเอสทุกวัน แต่ไม่เคยมีใครยิ้มให้เค้า
หรือมีน้ำใจให้กันเลย พอเราทำแบบนี้แล้ว เค้าเลยคิดว่าเราเป็นคนเกาหลีอ่ะค่ะ เพราะคนไทยไม่ทำงี้
เราก็ไม่ได้อยู่กทม.หลายเดือนแล้ว เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงไหม แต่เราก็ดีใจนะที่ทำให้เย็นวันเลิกงานของหนุ่มออฟฟิศเหี่ยวๆคนนึงสดใสได้มั่ง 55555555