คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ขออนุญาตวิเคราะห์ด้วยความรู้แบบงูๆ ปลาๆ ของเรานะคะ เรามองว่าตลาดหุ้นตก เป็นไปได้ 2-3 แบบ คือ
1. แบบปรับฐาน/พักฐาน อันนี้เป็นทุกตลาด ทุกประเทศนะคะ ลงทุนกองทุนมาเกือบ 11 ปี ก็เห็นมัน
เป็นอย่างนี้มาตลอด เดี๋ยวขึ้นๆๆๆๆ เดี๋ยวลงๆๆๆๆ แล้วก็ซึมๆ แล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นใหม่ อย่างที่เขาแซวกันว่า
ปู่เซ็ทเวลาขึ้น ขึ้นกระได เวลาลง ลงลิฟท์ พอจะนึกภาพออกไหม อันนี้คือไม่น่ากลัวมาก
(แต่คนไม่เคยเจอก็กลัวแหละ) สุดท้ายมันก็กลับมาใกล้ๆ เดิม เพียงแต่ใช้เวลา 2-3 ปี
แบบที่สองคือ เจอวิกฤตศก. โดยเฉพาะวิกฤตทางการเงินของประเทศนั้นๆ จะลงหนักมากและน่ากลัวมากๆค่ะ
แล้วก็ฟื้นยากด้วย อย่างไทยเราปี 40 เจอวิกฤตต้มยำกุ้ง ดัชนีลงจาก 1700 ลงมาเหลือ 200 น่ากลัวไหม
กองทุนหุ้นทุกกองราคาตก แบบเหลือ 2-3 บาทก็มี รับกันไหวไหม ทำใจได้ไหม และนี่เวลาผ่านมา 17 ปีแล้ว
ดัชนียังไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิม แช่อยู่ที่ 1000 นึงเป็นนานสองนาน ปี 55-56 วิ่งขึ้นมาเป็น 1550 ขนาด
ขึ้นดุแบบนี้ ยังไม่สามารถขึ้นมาเท่าเดิมนะ
แบบที่สามคือ ต่างชาติย้ายฐานการลงทุน ปีที่ผ่านมาบอกว่าหุ้นไทยผลตอบแทนดีที่สุดในโลก ถ้ามันดีเพราะศก.
ไทยดีจริงๆ ก็น่าดีใจ แต่เปล่าเลยมันเพราะการเข้ามาเก็งกำไรของต่างชาติด้วยนะ ดังนั้นถ้าประเทศไทย
ผลตอบแทนเริ่มอิ่มตัว เหมือนงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ อาหารดีๆ เริ่มหมด เครื่องดื่มเริ่มไม่เย็น ใกล้หมดแระ ใครจะ
เข้างานล่ะตอนนี้ เขาก็หนีไปกินเลี้ยงที่อื่น คนที่ลุกช้าจ่ายรอบวงนะจ๊ะ อันนี้ก็น่ากลัวแม้ว่าจะไม่เท่าแบบสอง
แต่ก็อาจปรับลงไปเหลือ 1000-1200 แล้วแต่ความจริง พวกเซียนเขาก็รู้กันแต่ไม่มีใครพูด บางคนล้างพอร์ตใหญ่
ไปแล้ว เหลือแต่พอร์ตเล็กไว้เก็งกำไร ตลาดแบบนี้เก็งเป็นก็รวยได้ แต่เราทำไม่เป็นนั่นเอง
ในความเห็นส่วนตัว แบบสองไม่ใช่แน่ๆ เพราะศก.ไทยยังดีอยู่ ภาคเอกชนระมัดระวัง ธนาคารระมัดระวังการปล่อยกู้
ดังนั้นวิกฤตหนักแบบต้มยำกุ้งไม่น่าเกิดง่ายๆ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ 2-3 ปีนี้ ส่วนแบบ 1 อันนี้เป็นธรรมชาติของตลาดหุ้นค่ะ
มีขึ้นมีลง เราเองลงทุนกองต่างประเทศอยู่มันก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน ขึ้นแล้วไม่ลงเลยนี่สิน่ากลัว เร็วนี้ก็จีนไง
ดัชนีเซี่ยงไฮ้ขึ้นตลอดจนถึง 6xxx ใครๆ ก็ว่าจะไปถึง 10000 ตอนนั้นเรากลัวมาก เพราะถ้าจีนพังพาบ ยิ่งกว่าเขื่อนแตก
ขนาดไทยประเทศเล็ก เกิดต้มยำกุ้งยังสะเทือนทั่วโลกเหมือนกัน แต่รัฐบาลเขาก็ออกมาตรการต่างๆ มาสกัดเพื่อลด
ความร้อนแรง ดัชนีลงมาเหลือ 1900 มันเป็นอย่างนี้แหละ นี่ขนาด Soft landing นะ
โอ๊ย พิมพ์ยาวๆ แล้วเหนื่อยค่ะ อย่ากลัว แต่ก็อย่ากล้าจะเกินไปนะคะ
1. แบบปรับฐาน/พักฐาน อันนี้เป็นทุกตลาด ทุกประเทศนะคะ ลงทุนกองทุนมาเกือบ 11 ปี ก็เห็นมัน
เป็นอย่างนี้มาตลอด เดี๋ยวขึ้นๆๆๆๆ เดี๋ยวลงๆๆๆๆ แล้วก็ซึมๆ แล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นใหม่ อย่างที่เขาแซวกันว่า
ปู่เซ็ทเวลาขึ้น ขึ้นกระได เวลาลง ลงลิฟท์ พอจะนึกภาพออกไหม อันนี้คือไม่น่ากลัวมาก
(แต่คนไม่เคยเจอก็กลัวแหละ) สุดท้ายมันก็กลับมาใกล้ๆ เดิม เพียงแต่ใช้เวลา 2-3 ปี
แบบที่สองคือ เจอวิกฤตศก. โดยเฉพาะวิกฤตทางการเงินของประเทศนั้นๆ จะลงหนักมากและน่ากลัวมากๆค่ะ
แล้วก็ฟื้นยากด้วย อย่างไทยเราปี 40 เจอวิกฤตต้มยำกุ้ง ดัชนีลงจาก 1700 ลงมาเหลือ 200 น่ากลัวไหม
กองทุนหุ้นทุกกองราคาตก แบบเหลือ 2-3 บาทก็มี รับกันไหวไหม ทำใจได้ไหม และนี่เวลาผ่านมา 17 ปีแล้ว
ดัชนียังไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิม แช่อยู่ที่ 1000 นึงเป็นนานสองนาน ปี 55-56 วิ่งขึ้นมาเป็น 1550 ขนาด
ขึ้นดุแบบนี้ ยังไม่สามารถขึ้นมาเท่าเดิมนะ
แบบที่สามคือ ต่างชาติย้ายฐานการลงทุน ปีที่ผ่านมาบอกว่าหุ้นไทยผลตอบแทนดีที่สุดในโลก ถ้ามันดีเพราะศก.
ไทยดีจริงๆ ก็น่าดีใจ แต่เปล่าเลยมันเพราะการเข้ามาเก็งกำไรของต่างชาติด้วยนะ ดังนั้นถ้าประเทศไทย
ผลตอบแทนเริ่มอิ่มตัว เหมือนงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ อาหารดีๆ เริ่มหมด เครื่องดื่มเริ่มไม่เย็น ใกล้หมดแระ ใครจะ
เข้างานล่ะตอนนี้ เขาก็หนีไปกินเลี้ยงที่อื่น คนที่ลุกช้าจ่ายรอบวงนะจ๊ะ อันนี้ก็น่ากลัวแม้ว่าจะไม่เท่าแบบสอง
แต่ก็อาจปรับลงไปเหลือ 1000-1200 แล้วแต่ความจริง พวกเซียนเขาก็รู้กันแต่ไม่มีใครพูด บางคนล้างพอร์ตใหญ่
ไปแล้ว เหลือแต่พอร์ตเล็กไว้เก็งกำไร ตลาดแบบนี้เก็งเป็นก็รวยได้ แต่เราทำไม่เป็นนั่นเอง
ในความเห็นส่วนตัว แบบสองไม่ใช่แน่ๆ เพราะศก.ไทยยังดีอยู่ ภาคเอกชนระมัดระวัง ธนาคารระมัดระวังการปล่อยกู้
ดังนั้นวิกฤตหนักแบบต้มยำกุ้งไม่น่าเกิดง่ายๆ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ 2-3 ปีนี้ ส่วนแบบ 1 อันนี้เป็นธรรมชาติของตลาดหุ้นค่ะ
มีขึ้นมีลง เราเองลงทุนกองต่างประเทศอยู่มันก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน ขึ้นแล้วไม่ลงเลยนี่สิน่ากลัว เร็วนี้ก็จีนไง
ดัชนีเซี่ยงไฮ้ขึ้นตลอดจนถึง 6xxx ใครๆ ก็ว่าจะไปถึง 10000 ตอนนั้นเรากลัวมาก เพราะถ้าจีนพังพาบ ยิ่งกว่าเขื่อนแตก
ขนาดไทยประเทศเล็ก เกิดต้มยำกุ้งยังสะเทือนทั่วโลกเหมือนกัน แต่รัฐบาลเขาก็ออกมาตรการต่างๆ มาสกัดเพื่อลด
ความร้อนแรง ดัชนีลงมาเหลือ 1900 มันเป็นอย่างนี้แหละ นี่ขนาด Soft landing นะ
โอ๊ย พิมพ์ยาวๆ แล้วเหนื่อยค่ะ อย่ากลัว แต่ก็อย่ากล้าจะเกินไปนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ตอนวิกฤตปี 40 พวกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น (MMF) ได้รับผลกระทบด้วยหรือเปล่าคะ
กองทุนตราสารหนี้ MMF เช่น BTNTV KFCash KTSV (กองพวกนี้น่าพึ่งตั้งไม่นานแฮะ) หรือกองอื่นๆที่มีในสมัยนั้น
ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจด้วยหรือเปล่าคะ