คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
การศรัทธาในวิทยาศาสตร์กับ ศาสนามีบางอย่างที่คล้ายกันแม้จะไม่คล้ายซะทีเดียว
แต่ การเอาความยังไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มี มาprove ความจริงถือเป็นก้าวที่ผิดพลาดก้าวใหญ่ของ athesis
ถ้าจะคุยกับ athesis ต้องเริ่มที่คุยกันว่าจะ ตกลงกันเรื่อง สิ่งที่ยังไม่รุ้ยังไง
การพิสูจน์ได้จริงคือมี? การพิสูจน์ไม่ได้จริงคือไม่มี? หรือ การเปิดพื้นที่ให้กับสิ่งที่เรายังไม่รุ้
การเข้าใจว่ามุมมองต่อความจริงจริงคือสิ่งลวงตา และ เหตุผลของการไม่ใช้เหตุผลเป็นอีกเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ
การเอาวิทยาศาสตร์ไปผูกกับศาสนาของพุทธศาสนิก เป็นเคสตัวอย่างที่แสดงความผิดพลาดได้ดี
พุทธศาสนิกรุ่นเยาตามทะเบียนบ้าน มีแนวโน้นที่จะให้น้ำหนัก บูชาวิทย์มากกว่า ศาสนา อะไรที่ขัดกับวิทย์ถือว่า ละทิ้งทั้งหมดทันที
โดยลืมความจริงที่ว่า แม้แต่กฏในวิทย์เองก็มักจะถูกเปลี่ยนแปลงได้จากองค์ความรุ้ใหม่ๆ เสมอ วิทย์ไม่ใช่ของตายมากพอที่จะชี้ สัจธรรมเดียว
องค์ความรุ้ของมนุษย์ยังไม่ถึงขั้นนั้นวิทย์เองก็เป็น มุมมองต่อความจริงจากองค์ความรุ้ปัจจุบัน เด็กรุ่นปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ตามที่คุณสู่ฝันว่า ติดในตำราที่มนุษย์เขียนขึ้นมาโดยไม่เข้าใจขอบเขตของความเปลี่ยนแปลง เท่านั้น
และที่สำคัญ มุสลิมบางส่วนของโลกก็กำลังจะทำพลาดเช่นกัน ที่เริ่มเอาวิทยาศาสตร์ มายืนยันความมหัศจรรย์ให้อัลกรุอาน
เท่ากับเป็นการยอมรับโดยนัยว่า วิทยาศาสตร์น่าเชื่อถือกว่า ศาสนา
แต่ การเอาความยังไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มี มาprove ความจริงถือเป็นก้าวที่ผิดพลาดก้าวใหญ่ของ athesis
ถ้าจะคุยกับ athesis ต้องเริ่มที่คุยกันว่าจะ ตกลงกันเรื่อง สิ่งที่ยังไม่รุ้ยังไง
การพิสูจน์ได้จริงคือมี? การพิสูจน์ไม่ได้จริงคือไม่มี? หรือ การเปิดพื้นที่ให้กับสิ่งที่เรายังไม่รุ้
การเข้าใจว่ามุมมองต่อความจริงจริงคือสิ่งลวงตา และ เหตุผลของการไม่ใช้เหตุผลเป็นอีกเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ
การเอาวิทยาศาสตร์ไปผูกกับศาสนาของพุทธศาสนิก เป็นเคสตัวอย่างที่แสดงความผิดพลาดได้ดี
พุทธศาสนิกรุ่นเยาตามทะเบียนบ้าน มีแนวโน้นที่จะให้น้ำหนัก บูชาวิทย์มากกว่า ศาสนา อะไรที่ขัดกับวิทย์ถือว่า ละทิ้งทั้งหมดทันที
โดยลืมความจริงที่ว่า แม้แต่กฏในวิทย์เองก็มักจะถูกเปลี่ยนแปลงได้จากองค์ความรุ้ใหม่ๆ เสมอ วิทย์ไม่ใช่ของตายมากพอที่จะชี้ สัจธรรมเดียว
องค์ความรุ้ของมนุษย์ยังไม่ถึงขั้นนั้นวิทย์เองก็เป็น มุมมองต่อความจริงจากองค์ความรุ้ปัจจุบัน เด็กรุ่นปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ตามที่คุณสู่ฝันว่า ติดในตำราที่มนุษย์เขียนขึ้นมาโดยไม่เข้าใจขอบเขตของความเปลี่ยนแปลง เท่านั้น
และที่สำคัญ มุสลิมบางส่วนของโลกก็กำลังจะทำพลาดเช่นกัน ที่เริ่มเอาวิทยาศาสตร์ มายืนยันความมหัศจรรย์ให้อัลกรุอาน
เท่ากับเป็นการยอมรับโดยนัยว่า วิทยาศาสตร์น่าเชื่อถือกว่า ศาสนา
แสดงความคิดเห็น
คุยกับคนที่เป็น atheistsเรื่องพระเจ้า เเล้วไปไม่เป็นเลย เหมือนคลื่นจะจูนกันคนละภาษา+ ถามประสบการณ์ตรงเรื่องพระเจ้า
พอเราพูดเรื่องพระเจ้า ก็บอกว่า เเสดงหลักฐานสิ ถ้าไม่มีวิทยาศาสตร์ การทดลองมายอมรับไม่เชื่อ ทำไมมีคนบางคนที่พิสูจน์เเล้วไม่เจอ
พอเราเเสดงประจักพยาน ก็หนักกว่าเก่า เขาบอกว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นการที่สารเคมีอดีนารีนหลั่งในสมองเวลาที่มีอาการ relax มากๆ พอเราเเสดงประจักพยานที่เขาเถียงไม่ได้ ก็ดันย้อนถามคำถามที่เราตอบไม่ได้อีก เช่น วิวัตนาการ การสร้างโลก...เเล้วใครสร้างพระเจ้า ไดโนเสาร์ โนอากับครอบครัวผลิตลูกเยอะมากหลังจากการเกิดน้ำท่วมโลก เเละอีกมากมาย ตอนนี้เห็นถกกันเรื่องใน บทปฐมกาล อยู่
รู้สึกคุยเเล้วเหมือนว่าเรามาจากคนละโลกเลย TT^TT เลยขอยอมเเพ้ เเต่ไม่เป็นไรได้เเสดงประจักพยานในนั้นเเล้ว เเฮปปี้ละ (เเต่เเอบเซ็งนิดๆ ทีเราเเสดงประจักพยานนะไม่สน ที่ตั้งคำถามให้เราตอบนี้ใส่ใหญ่เลย ชิ)
ใครเคยคุยกับคนที่เป็น Anthesis บ้างไหม ได้ผลอย่างไรบ้างค่ะ ส่วนเราเป็นพวกเชื่อทั้งพระเจ้าทั้งวิทยาศาสต์เลยละค่ะ
ความเห็นส่วนตัวเลย ที่เชื่อในพระเจ้าพระเรามีประสบการณ์ตรงกับพระองค์ ที่เราก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น เราไม่ได้โกหกตัวเอง เเละ ที่เชื่อในวิทยาศาสตร์ก็เพราะว่ามันมีหลักฐาน มีข้อมูลมารองรับ
เราเชื่อว่า(ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดเหมือนกันไหม) ว่าเราไม่ได้รู้ทุกเรื่องของพระเจ้า(ถ้ารู้เราคงเป็นพระเจ้าเเล้ว) เเต่มากเท่าที่เรารู้...เรารู้ว่าพระองค์อยู่ตรงนั้นเเละรักเราทุกคน
ตอนนี้เราก็ไม่ได้คุยกับพวกเขาเเล้ว เเต่ก็อ่านอยู่เป็นระยะๆ เพราะเรื่องที่เขาเอามาถกกันก็น่าสนใจดี เเต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย >< เเต่ประโยชน์ที่ได้รับ คือ การที่เราค้นหาตัวเองกับพระเจ้า จากคำถามที่คนหนี่งในกลุ่มเกี่ยวกับประสบการณ์เเรกที่ทำให้เรามีศรัทธาในพระเจ้า...ประสบการณ์กับพระวิญญาณ Holy spirit ^^
พอดีตอนนี้กำลังอ่านหนังสือเรื่อง just walk across the room ของ Bill Hybels บาทหลวงจาก Willow Creek Community Church, illinois ยังอ่านไม่จบ เเต่รู้สึกว่าประสบการณ์ตรงที่เขาเจอพระเจ้าหนเเรก กับของเราคล้าย/เหมือนกันเลย ตอนอ่านเรื่องของเขาเเล้วเราน้ำตาซึม
คุณ Bill Hybels เจอพระเจ้า ตอนที่เขาอายุ 17 ปี ตอนที่กำลังเดินกลับจากห้องประชุม/ห้องพักรวม (เขาเขียนว่า a mess-hall gathering) ไปยังห้องพัก
ส่วนเราเจอพระเจ้า ตอนระหว่างยืนรอรถเมย์กลับบ้าน ในช่วงเดือนธันวาคมใกล้ๆคริสต์มาสที่ผ่านมานี่เอง (หลังจากบัตติศมาได้ 2 เดือน)
เพื่อนๆห้องสยามเจอพระเจ้าหนเเรกตอนไหนหรือค่ะ เอาเเบบที่รู้จริงๆโดยที่ไม่ได้มีครอบครัวมาบอก เอาเเบบที่ว่าค้นพบพระเจ้าด้วยตัวเองนะค่ะ ตอบได้เเบบไม่เกี่ยงศาสนา
ไม่ต้องบอกก็ได้นะว่าเจออย่างไร เพราะเราเองก็อธิบายความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกัน ><