สวัสดีครับ มาอ่านกันต่อกับการ เก็บเงินอดออมไปญี่ปุ่นของผมนะครับ
มาถึง Part 4 กันแว้วววว

หลังจากเมื่อคืนเรานอนพักค้างอ้างแรม ที่บ้านพักของรุ่นน้องที่ญี่ปุ่น (หลังจากบินต่อไฟล์ มาจากกัวลาฯอีกต่อ)

เริ่มที่ ออกจากบ้านพัก มาตั้งใจว่า จะไปขึ้นรถบัส ที่ชินจูกุ สักเที่ยงๆ
ก็เลยออกมาเดินเล่นหาของกินกันสักหน่อย เดินไปเดินมา ก็เจอะกับร้านน่ากิน (ไกล้ร้านที่กินเมื่อคืน)



เข้าไป ก็ เปิดเมนู สั่งเลย ชุดใหญ่ (แต่ร้านนี้ไม่มีตู้กดแบบเมื่อคืนนะ)


กินกันอิ่มหนำ ก็เดินต่อ เลาะๆๆๆฟุตพาทไปเรื่อยๆ
แต่กว่าจะถึงท่ารถบัส ต้องประสบปัญหา อย่างมาก
กับสิ่งยั่วยวน ตลอดสองฝั่งข้างทาง ร้านแล้ว ร้านเล่า

ดังเช่น ร้านของกิน


แวะซื้อหน่อยเนอะ เผื่อขึ้นรถแล้วหิว อุ๊ย!!! กล่องนี้น่ากินจัง อิอิอิ (ทั้งๆที่เพิ่งกินมาเมื่อกี้)



ขนมด้วยมะ เผื่อนั่งรถนาน เค้าชอบอันนี้ ซื้อนะๆๆๆ


โดยเฉพาะอุปสรรคใหญ่หลวง อย่าง ร้านแบรนด์เนมมือสอง ที่มีอยู่ เรื่อยตลอดทางที่ไป (จากโอคุโบ ไป ชินจูกุ)

แต่ก็นะ ก็บอกแล้วว่า ไม่รีบ ไปเรื่อยๆ

เดินผ่านมาได้ 2 แยกไฟแดง ก็เริ่มเห็นตึกสูงๆ คนเยอะๆ



แสดงว่าเราคงมาถูกทางละ ใช่มะ
และแล้วก็ได้มาเจอกับ  หิมะกองแรกกกกกกกกกกกกกกก ในญี่ปุ่นของเรา เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ งดงามตราตรึงใจสุดๆ


หลังจากตื่นเต้นกับกองหิมะ กองแรกในโตเกียวกันแล้ว ก็เดินต่อไปเจอร้านขายของมากมาย ตะโกนกันลั่นไปหมด
ดังเช่นน้องคนนี้



น้องเค้าพูดไรก็ไม่รู้ แต่ยืนดู เค้าพูดอยู่พักใหญ่อ่ะ (แหม่ก็มองน้องเค้าแล้วมันเพลินอ่ะ อิอิอิ)



จนเดินมาถึง สถานี Shinjuku จะเห็น ห้องขายตั๋ว รถบัส ทางด่วน ของ Keio

เข้าไปด้านใน ดูตารางเวลา ที่รถออก    แล้วซื้อตั๋ว



(ตารางเวลาเอามาจากเว็บนะ อาจจะมีที่อัพเดทกว่านี้)

สรุป รถเที่ยวบ่ายสองโมง รถยังไม่มาจอดเทียบท่า


ก็เลยทำให้เราได้โอกาสเดินเล่นดู ของในตึก yodobashi ฝั่งตรงข้าม

ในนี้ส่วนใหญ่ก็ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ตามที่รีวิวส่วนใหญ่ พูดถึงกัน
ทั้งกล้อง โทรศัพท์ ไอแพด แทบเล็ท ฯลฯ มากมาย
แต่ไปถูกใจ กับ Nexus 7 wifi อยู่ตัวนึง โอยอย่ากได้มากกกกก ประมาณ 6900 บาท

เดินวนอยู่สัก 3-4 รอบ ตัดสินใจ ไม่เอาดีกว่า  ขี้เกียจกลับไปนั่งใช้หนี้ 5555

ก็เลยเดินไปเรื่อยๆ หาอะไรแปลกดูดีกว่า อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว
ก็เลยไปเจอกับตู้ ปริ้นรูป น่าสนนะ


และแล้วก็ได้เวลารถบัสมา จอดที่จุดเป๊ะ...
รถออกแล่นผ่านเมืองไปเรื่อยๆ เราก็นั่งมองวิวไปตลอดทางงงงง วิ้วๆๆๆๆๆๆๆ
จนรถเริ่มขึ้นทางด่วน


และระหว่างทาง จริงๆด้วย เริ่มหิวอีกแล้ว
ข้าวกล่องและ อาหาร ที่ซื้อมาเริ่มมีประโยชน์



          
พอเริ่มเข้าไกล้จุดหมาย คาวากุชิโกะ ก็เริ่มเห็น  วิวสวยๆหิมะแบบพรั่งพรู.....ว้าววววววว ตื่นตาตื่นใจมว๊ากกกกกก



และแล้วก็มาถึงจนได้
รถบัสจอดที่ สถานีรถไฟ Kawaguchiko เลย


ต่อไป เราต้องมุ่งหน้าหา ที่พักกัน
เริ่มจาก สงสัยว่าจะหาไม่เจอและหลงทิศ มองซ้าย มองขวา information ละกันนะ อยู่ทางขวามือสุดของสถานี (หันหน้าออกถนน)

ที่พักของเราคือ Hotel Kawaguchiko จองผ่าน Booking.com ไม่ตัดบัตรเครดิต ไปจ่ายเงินสดเอาที่นั่น เพราะเรากันเงินจาก 20,000 ที่แลกไปแล้ว
จากสถานี หันหน้าออกถนน มองไปทางขวา จะเจอตึกสัก 2-3 ชั้น อยู่ไกล้ๆสี่แยกไฟแดง นั่นละ เดินไปที่สี่แยกไฟแกงเลย---
เมื่อถึงสี่แยกไฟแดง แล้ว มองไป ถ้าเลี้ยวซ้าย จะไปทะเลสาบคาวากูชิโกะ (เดี๋ยวตกเย็นจะเดินไป) แต่เราเลี้ยวขวามาเลย เดินมาเรื่อยๆจะเจอกับ 7-11 ร้านใหญ่ๆ
เดินเลยไปเรื่อย ๆก็จะเห็น ตึกสีน้ำตาล สูงๆหน่อย แล้วจะเจอโรงแรมที่พักของเรา

เมื่อจ่ายตัง เข้าห้องพัก เรียบร้อย ไม่อยากอวดเลยว่า เปิดม่านมาจะเจอวิวนี้ ว้าวววววววววว



ยิ่งไกล้พระอาทิตย์จะตกดิน ยิ่งสวย
ตอนแรกว่าจะ รีบเดินไปดู วิวทะเลสาบ แต่ตัดสินใจ เดินไปคงไม่ทัน เลยอยู่รอแสงทไวไล ที่นี่ดีกว่า



หลังจากนั้น ก็เริ่มหิว (อีกแล้ว)

เลยเดินย้อนกลับมา แวะ 7-11 ที่ผ่านมาตอนแรก หาไรรองท้องก่อน


เดินไป กินไป ซึ่ง คนส่วนใหญ่เค้าไม่ทำกัน มันดูเสียมารยาท ผิดจริต 555
จนเดินฝ่าความหนาวเย็น มาถึงจนได้ ทะเลสาบ แต่ว่ามันมืดจนไม่เห้นวิวอะไรแล้ว เห็นก็แต่แสงไฟจากโรงแรมรอบๆนี้
ก็เลยกำลังจะกลับแต่ทันใดนั้น เสียงพลุก็ดังขึ้น  มีการจุดพลุชุดใหญ่ สวยมากแต่ถ่ายมาได้แค่นี้ (ขออภัยมือสั่น)



จากนั้น เราก็เริ่มรู้สึกว่าอากาศมันเริ่มเย็นลงๆ ทุกที เลยตัดสินใจกลับที่พักดีกว่า

แต่เดินไปเดินมา เอ๊ะ กลับมาโผล่ที่สถานีรถไฟได้ไง แป่วววว
แต่ก็ดี จะได้เดินกลับง่ายขึ้น ไฟสว่าง เพราะทางที่มาตอนแรกค่อนค่างมืด


กลับที่พักละ พรุ่งนี้เช้าเราจะ ไปนั่งรถคุณปู่ เที่ยวรอบๆ ทะเลสาบกัน

ขอบคุณที่ แวะมาอ่านนะครับ