โปรเสือหมอบมีรายได้เท่าไร...? – Pro Cyclist Salary....?
หนึ่งในเรื่องที่คนรักเสือหมอบอาจจะไม่ค่อยรู้คือค่าตัวนักปั่นจักรยานมืออาชีพครับ วันนี้เรามาดูกันว่าโปรจักรยานเขามีค่าตัวเท่าไรกันบ้าง ตั้งแต่ระดับโปรมือใหม่ไปจนถึงผู้ชนะรายการ Tour de France !
อันดับแรกต้องเข้าใจกันก่อนว่าโปรจักรยานนั้นมี 3 ระดับครับ แบ่งเป็น Pro Team, Pro Continental, และ Continental
1. Pro Teams
หมายถึงทีมที่แข่งในระดับดิวิชันสูงสุด (1) UCI World Tour ซึ่งบังคับให้ทีมในระดับนี้ต้องลงแข่งรายการใหญ่ๆ ประจำปีอย่าง Paris-Roubaix, Tour de France, Giro d’ Italia ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ UCI World Tour ก็คือ Premiere League ครับ เป็นลีกสูงสุดของการแข่งเสือหมอบ ทีมที่อยู่ในลีกนี้จะมีทั้งหมด 18 ทีม เช่น Team Sky, Garmin-Sharp, Saxo-Tinkoff, Astana, Cannondale เป็นต้น
ขนาดทีม: 25 คนเป็นอย่างน้อย, สูงสุดมไม่เกิน 30 คน
รายได้ขั้นต่ำ: 38,500 ยูโร (ประมาณ 1,500,000 บาท)
2. Pro Continental
อยู่ในดิวิชันรองลงมา (ก็ต้องแข่งในสนามที่เล็กลงมา ยกเว้นจะได้บัตรเชิญจากผู้จัดแข่งในสนาม UCI World Tour) ทีมในดิวิชันนี้ก็เช่น EuropCar, Cofidis, Saur-Sojasun, Rusvelo, IAM Cycling, Champion System
ขนาดทีม: 16 คนเป็นอย่างน้อย, สูงสุดไม่เกิน 25 คน
รายได้ขั้นต่ำ: 29,000 ยูโร (ประมาณ 1,100,000 บาท)
3. Continental
เป็นดิวิชันล่างสุด ส่วนใหญ่จะเป็นทีมที่เน้นแข่งในประเทศหรือภูมิภาคของตัวเอง เช่นทีม 3M, Bigmat, Rapha Condor-JLT นักกีฬาในทีมระดับนี้มีหลายรูปแบบ เป็นคนธรรมดาทำงานประจำอื่นๆ ก็มี
ขนาดทีม: 8 คนเป็นอย่างน้อย, สูงสุดไม่เกิน 16 คน
รายได้ขั้นต่ำ: ไม่มี ไม่ได้กำหนดไว้
พอจะเข้าใจโครงสร้างหลักของกีฬาเสือหมอบแล้ว ทีนี้มาดูว่านักปั่นส่วนใหญ่เขามีรายได้ต่อปีเท่าไรกันบ้างครับ อันดับแรกข้อพูดถึงนักปั่นในระดับ Pro Teams ดิวิชันสูงสุด รายได้ขั้นต่ำสุดอย่างที่บอกคือประมาณ 38,500 ยูโร (1.5 ล้านบาท)
ถ้าเป็นนักปั่นที่เคยชนะเสตจในรายการใหญ่ๆ อย่าง Giro หรือ Tour de France อาจจะต่อราคาค่าตัวได้
ประมาณ 150,000 ยูโร ประมาณ 6 ล้านบาทต่อปี
ถ้าเคยชนะรายการคลาสสิคอย่าง Amstel Gold, Paris-Roubaix อาจจะต่อรองได้สูง
ถึง 200,000 ยูโร (10 ล้านบาท)
ถ้าเก่งกว่านั้น ได้อันดับดีในรายการ grand tour และรายการใหญ่อื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ ก็อาจจะเรียกได้
300,000-600,000 ยูโร (15-30 ล้านบาท)
สำหรับดาราค้ำฟ้าที่เคยชนะรายการ grand tour หรืออยู่อันดับโพเดียมหลายครั้ง หรือชนะเสตจมากๆ อย่าง Cadel Evans, Gilbert, Schelck พวกนี้ค่าตัวอยู่ที่ปีละ 1-2 ล้านยูโร (ห้าสิบถึงร้อยล้านบาท) ส่วนคนที่ชนะ Grand Tour หลายครั้งอย่าง Contador
ค่าตัวปีละ 5 ล้านยูโร (200 ล้านบาท)
สำหรับดิวิชันรองลงมาอย่าง Pro Contiental จะมีนักปั่นแค่คนหรือสองคนในทีมที่อาจจะรายได้ดีหน่อยแต่ก็ไม่เกิน 150,000 ยูโร คนอื่นๆ ได้ไม่เกินเกณฑ์ขั้นต่ำสักเท่าไร (ล้านกว่าบาท) ซึ่งก็ถือว่าน้อยพอสมควรเทียบกับนักกีฬาอาชีพอื่นๆ
รายได้อื่นๆ
นอกจากค่าตัวต่อปีแล้ว นักปั่นที่มีชื่อเสียงอาจจะได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้สินค้าจักรยานหลายๆ แบบ ไม่ว่าจะเป็นเฟรม รองเท้า หมวก ซึ่งค่าตอบแทนก็ต่างกันไปขึ้นอยู่กับความดังของนักปั่นและประเภทสินค้า แต่ส่วนใหญ่ก็หลักแสนถึงล้าน (บาท)
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการชนะการแข่งขัน กีฬาจักรยานแข่งกันเป็นทีม ถ้าทีมไหนชนะรายได้จากการแข่งขันส่วนใหญ่ทีมจะแบ่งถัวเฉลี่ยให้นักปั่นที่เข้าแข่งในรายการนั้นๆ ครับอย่างใน Tour de France ผู้ชนะเสตจในแต่ละวัน
จะได้รางวัล 8000 ยูโร (สามแสนกว่าบาท) ทีมที่ลูกทีมตัวเองชนะเสตจส่วนใหญ่จะเอาเงินเข้ากองกลางแล้วหารกันทีเดียวหลังแข่งเสร็จครับ
เปรียบเทียบกับกีฬาอื่นๆ
เวลาเราเห็นนักปั่นอย่างคอนทาดอร์ได้เงินปีละ 200 ล้านบาทอาจจะตกใจว่าทำไมเยอะจัง แต่อยากให้เข้าใจว่าการเป็นโปรจักรยานนั้นรายได้จัดว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับโปรกีฬาอื่นๆ โดยเฉลี่ยรวมๆ โปรเสือหมอบในดิวิชันสูงสุดได้ค่าตัวประมาณ 5-7 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าตัว “ขั้นต่ำ” ของนักบาส NBA อยู่ที่ 13-15 ล้านบาท ถ้ามีประสบการณ์เยอะอาจจะได้มากถึง 30-50 ล้านบาท มากกว่านักปั่นมากประสบการ์ณเกือบสิบเท่า ท่าจะเทียบกันตาม “ความหนัก” ของงานที่ทำแล้ว ค่าตัวโปรเสือหมอบจัดว่า “ถูกมากๆ” ครับ นี่ยังไม่ได้เทียบกับนักฟุตบอลอย่างโรนัลโด้ที่ค่าตัว “อาทิตย์” ละ 5 ล้านกว่าบาท
เป็นกีฬาที่ถ้าไม่รักจริง และหวังจะร่ำรวย ไปทำอาชีพอื่นยังง่ายกว่าเยอะครับ ผมลยชื่นชอบและชื่นชมนักกีฬาโปรเสือหมอบแทบจะทุกคน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่อย่าง Taylor Phinney, Joe Dombrowski, Peter Sagan ที่อาจจะหาเลี้ยงตัวเองได้ในสายอาชีพอื่นๆ และพวกโปรรุ่นเก๋าที่เป็น Domestique ตัวช่วยหัวหน้าทีม ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีหน้าตา ไม่ได้ชนะการแข่งมากมายอะไร รายได้ก็พออยู่พอกิน แต่ก็ปั่นจนอายุ 40 ต้องรักจริงถึงทำได้ครับ น่านับถือ
หน้าตาคนมีรายได้ปีละ 200 ล้านบาท อัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์
ที่มา :
http://www.duckingtiger.com/
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
ไปครับพี่ๆ.........วันจันทร์หน้า........พร้อมใจกันไปยื่นใบลาออกกันเหอะ..........
ลาออกจากงานประจำ...ที่แสนจะน่าเบื่อ.........แล้วเราไปซ้อมจักรยานให้ได้อยู่ Pro Team กันเถอะ.........
หนึ่งในเรื่องที่คนรักเสือหมอบอาจจะไม่ค่อยรู้คือค่าตัวนักปั่นจักรยานมืออาชีพครับ วันนี้เรามาดูกันว่าโปรจักรยานเขามีค่าตัวเท่าไรกันบ้าง ตั้งแต่ระดับโปรมือใหม่ไปจนถึงผู้ชนะรายการ Tour de France !
อันดับแรกต้องเข้าใจกันก่อนว่าโปรจักรยานนั้นมี 3 ระดับครับ แบ่งเป็น Pro Team, Pro Continental, และ Continental
1. Pro Teams
หมายถึงทีมที่แข่งในระดับดิวิชันสูงสุด (1) UCI World Tour ซึ่งบังคับให้ทีมในระดับนี้ต้องลงแข่งรายการใหญ่ๆ ประจำปีอย่าง Paris-Roubaix, Tour de France, Giro d’ Italia ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ UCI World Tour ก็คือ Premiere League ครับ เป็นลีกสูงสุดของการแข่งเสือหมอบ ทีมที่อยู่ในลีกนี้จะมีทั้งหมด 18 ทีม เช่น Team Sky, Garmin-Sharp, Saxo-Tinkoff, Astana, Cannondale เป็นต้น
ขนาดทีม: 25 คนเป็นอย่างน้อย, สูงสุดมไม่เกิน 30 คน
รายได้ขั้นต่ำ: 38,500 ยูโร (ประมาณ 1,500,000 บาท)
2. Pro Continental
อยู่ในดิวิชันรองลงมา (ก็ต้องแข่งในสนามที่เล็กลงมา ยกเว้นจะได้บัตรเชิญจากผู้จัดแข่งในสนาม UCI World Tour) ทีมในดิวิชันนี้ก็เช่น EuropCar, Cofidis, Saur-Sojasun, Rusvelo, IAM Cycling, Champion System
ขนาดทีม: 16 คนเป็นอย่างน้อย, สูงสุดไม่เกิน 25 คน
รายได้ขั้นต่ำ: 29,000 ยูโร (ประมาณ 1,100,000 บาท)
3. Continental
เป็นดิวิชันล่างสุด ส่วนใหญ่จะเป็นทีมที่เน้นแข่งในประเทศหรือภูมิภาคของตัวเอง เช่นทีม 3M, Bigmat, Rapha Condor-JLT นักกีฬาในทีมระดับนี้มีหลายรูปแบบ เป็นคนธรรมดาทำงานประจำอื่นๆ ก็มี
ขนาดทีม: 8 คนเป็นอย่างน้อย, สูงสุดไม่เกิน 16 คน
รายได้ขั้นต่ำ: ไม่มี ไม่ได้กำหนดไว้
พอจะเข้าใจโครงสร้างหลักของกีฬาเสือหมอบแล้ว ทีนี้มาดูว่านักปั่นส่วนใหญ่เขามีรายได้ต่อปีเท่าไรกันบ้างครับ อันดับแรกข้อพูดถึงนักปั่นในระดับ Pro Teams ดิวิชันสูงสุด รายได้ขั้นต่ำสุดอย่างที่บอกคือประมาณ 38,500 ยูโร (1.5 ล้านบาท)
ถ้าเป็นนักปั่นที่เคยชนะเสตจในรายการใหญ่ๆ อย่าง Giro หรือ Tour de France อาจจะต่อราคาค่าตัวได้ ประมาณ 150,000 ยูโร ประมาณ 6 ล้านบาทต่อปี
ถ้าเคยชนะรายการคลาสสิคอย่าง Amstel Gold, Paris-Roubaix อาจจะต่อรองได้สูงถึง 200,000 ยูโร (10 ล้านบาท)
ถ้าเก่งกว่านั้น ได้อันดับดีในรายการ grand tour และรายการใหญ่อื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ ก็อาจจะเรียกได้ 300,000-600,000 ยูโร (15-30 ล้านบาท)
สำหรับดาราค้ำฟ้าที่เคยชนะรายการ grand tour หรืออยู่อันดับโพเดียมหลายครั้ง หรือชนะเสตจมากๆ อย่าง Cadel Evans, Gilbert, Schelck พวกนี้ค่าตัวอยู่ที่ปีละ 1-2 ล้านยูโร (ห้าสิบถึงร้อยล้านบาท) ส่วนคนที่ชนะ Grand Tour หลายครั้งอย่าง Contador ค่าตัวปีละ 5 ล้านยูโร (200 ล้านบาท)
สำหรับดิวิชันรองลงมาอย่าง Pro Contiental จะมีนักปั่นแค่คนหรือสองคนในทีมที่อาจจะรายได้ดีหน่อยแต่ก็ไม่เกิน 150,000 ยูโร คนอื่นๆ ได้ไม่เกินเกณฑ์ขั้นต่ำสักเท่าไร (ล้านกว่าบาท) ซึ่งก็ถือว่าน้อยพอสมควรเทียบกับนักกีฬาอาชีพอื่นๆ
รายได้อื่นๆ
นอกจากค่าตัวต่อปีแล้ว นักปั่นที่มีชื่อเสียงอาจจะได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้สินค้าจักรยานหลายๆ แบบ ไม่ว่าจะเป็นเฟรม รองเท้า หมวก ซึ่งค่าตอบแทนก็ต่างกันไปขึ้นอยู่กับความดังของนักปั่นและประเภทสินค้า แต่ส่วนใหญ่ก็หลักแสนถึงล้าน (บาท)
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการชนะการแข่งขัน กีฬาจักรยานแข่งกันเป็นทีม ถ้าทีมไหนชนะรายได้จากการแข่งขันส่วนใหญ่ทีมจะแบ่งถัวเฉลี่ยให้นักปั่นที่เข้าแข่งในรายการนั้นๆ ครับอย่างใน Tour de France ผู้ชนะเสตจในแต่ละวันจะได้รางวัล 8000 ยูโร (สามแสนกว่าบาท) ทีมที่ลูกทีมตัวเองชนะเสตจส่วนใหญ่จะเอาเงินเข้ากองกลางแล้วหารกันทีเดียวหลังแข่งเสร็จครับ
เปรียบเทียบกับกีฬาอื่นๆ
เวลาเราเห็นนักปั่นอย่างคอนทาดอร์ได้เงินปีละ 200 ล้านบาทอาจจะตกใจว่าทำไมเยอะจัง แต่อยากให้เข้าใจว่าการเป็นโปรจักรยานนั้นรายได้จัดว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับโปรกีฬาอื่นๆ โดยเฉลี่ยรวมๆ โปรเสือหมอบในดิวิชันสูงสุดได้ค่าตัวประมาณ 5-7 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าตัว “ขั้นต่ำ” ของนักบาส NBA อยู่ที่ 13-15 ล้านบาท ถ้ามีประสบการณ์เยอะอาจจะได้มากถึง 30-50 ล้านบาท มากกว่านักปั่นมากประสบการ์ณเกือบสิบเท่า ท่าจะเทียบกันตาม “ความหนัก” ของงานที่ทำแล้ว ค่าตัวโปรเสือหมอบจัดว่า “ถูกมากๆ” ครับ นี่ยังไม่ได้เทียบกับนักฟุตบอลอย่างโรนัลโด้ที่ค่าตัว “อาทิตย์” ละ 5 ล้านกว่าบาท
เป็นกีฬาที่ถ้าไม่รักจริง และหวังจะร่ำรวย ไปทำอาชีพอื่นยังง่ายกว่าเยอะครับ ผมลยชื่นชอบและชื่นชมนักกีฬาโปรเสือหมอบแทบจะทุกคน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่อย่าง Taylor Phinney, Joe Dombrowski, Peter Sagan ที่อาจจะหาเลี้ยงตัวเองได้ในสายอาชีพอื่นๆ และพวกโปรรุ่นเก๋าที่เป็น Domestique ตัวช่วยหัวหน้าทีม ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีหน้าตา ไม่ได้ชนะการแข่งมากมายอะไร รายได้ก็พออยู่พอกิน แต่ก็ปั่นจนอายุ 40 ต้องรักจริงถึงทำได้ครับ น่านับถือ
หน้าตาคนมีรายได้ปีละ 200 ล้านบาท อัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์
ที่มา : http://www.duckingtiger.com/
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
ไปครับพี่ๆ.........วันจันทร์หน้า........พร้อมใจกันไปยื่นใบลาออกกันเหอะ..........