ผมมีเพื่อนฝูง ญาติมิตร คนรู้จักหลายคนที่มีความลังเลใจที่จะลงคะแนน
ให้คุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร วาระที่ 2 บางคน
ถึงกับประกาศจะไม่ลงคะแนนให้ หรือไม่ไปลงคะแนนเลย กลุ่มคนที่ผมรู้จัก
มักคุ้นนี้ คงจะสะท้อนความรู้สึกนึกคิดที่คล้ายคลึงกับของกลุ่มคนที่ผมไม่
รู้จักอีกจำนวนหนึ่งและคงไม่น้อย ก็น่าห่วงใยคนดีศรีอยุธยา หรือคนดีของ
กรุงรัตนโกสินทร์
ผมก็เคารพในสิทธิเสรีภาพในการคิดอ่านและตัดสินใจอย่างไรของแต่ละคน
ไม่ว่ากัน แต่จะเสียดายยิ่ง ถ้าเพื่อนชาวกรุงเทพฯเหล่านั้นไม่ได้ลุกขึ้นคิดอีก
สักทีสองที ก่อนไปหย่อนบัตรลงคะแนนในวันที่ 3 มีนาคมนี้ และนี่ยังมีเวลา
พอที่จะสนทนาเสริมสร้างความเข้าอกเข้าใจและร่วมมือกัน ก็ขอลองกล่าว
เชิญชวนกันอีกที
ผมพอจับความได้ว่า ที่จะไม่หย่อนบัตรให้คุณชายสุขุมพันธุ์
เพราะชอบลองของใหม่กัน
เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้ผู้ว่าฯไป 2 คนแล้ว คือคุณอภิรักษ์ และคุณชายสุขุมพันธุ์
รวมเวลา 8 ปี ก็รู้สึกเบื่อแล้ว ให้คนอื่น พรรคอื่นมาทำมั่ง
เพราะคุณชายสุขุมพันธุ์พูดไม่เก่ง และแถมยังไม่พีอาร์
เพราะคุณชายสุขุมพันธุ์ดูไม่มีผลงาน เป็นต้น
และที่จะลงคะแนนให้ตัวแทนจากพรรคอื่น เพราะหน้าใหม่ ดูหล่อดี แถมเต็มไป
ด้วยการให้ แจกจ่ายด้วยนโยบายประชานิยม แถมจะไร้รอยต่อกับฝ่ายรัฐบาลกลางด้วย
หรือไม่ก็จะลงคะแนนให้พวกผู้สมัครอิสระ เพราะเบื่อพรรคการเมือง เพราะอยาก
สั่งสอนพรรคการเมือง เพราะมันๆดี
ผมขอชวนถอยหลังมาสักหนึ่งก้าวตั้งสติหน่อย แล้วคิดอย่างนี้ว่า คุณชายสุขุมพันธุ์
มีผลงาน และประสบความสำเร็จ เช่น
-กรุงเทพฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ น่าท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ของโลก
-องค์การยูเนสโก ได้เลือกกรุงเทพฯ ให้เป็นเจ้าภาพเมืองหนังสือโลกปี 2558
-ทาง กทม.เองได้เปิดหลักสูตร“โตไปไม่โกง” ให้กับโรงเรียนในสังกัด กทม.
ทั้งหมดกว่า 400 โรงเรียน
-กรุงเทพฯ ได้รับการชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก ว่า สามารถป้องกัน
โรคระบาดในช่วงวิกฤติน้ำท่วมได้สำเร็จด้วยดี
คุณชายสุขุมพันธุ์สุภาพเรียบร้อย พูดจริงทำจริง ไม่คุยโว ไม่โอ้อวด ไม่หลอกลวง
คุณชายสุขุมพันธุ์แสนจะอดทนกับการถูกกลั่นแกล้ง ถูกตีกรอบ โดยเฉพาะ
จากกรณีน้ำท่วมใหญ่
คุณชายสุขุมพันธุ์ก็เป็นลูกผู้ชายหรือเป็นสุภาพบุรุษ คือ หนักเอา เบาสู้
ทนเอากับอกุศลบายต่างๆ เพื่อจักได้มุ่งหน้าทำงานรับใช้ชาว กทม.อย่างไม่ลดละ
คุณชายสุขุมพันธุ์มีการศึกษาดีเยี่ยมผ่านงานขีดเขียน งานอาจารย์
งานผู้แทนราษฎรงานรัฐมนตรี และเป็นผู้ว่าฯมา 4 ปี และงานส่วนตัวคือ
ดูแลมูลนิธิบริพัตร ซึ่งมีกิจการสำคัญต่อการทำนุบำรุงรักษาประวัติศาสตร์
และขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิตไทยคือ วังสวนผักกาด
ตรงถนนศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ประกอบด้วย เรือนไทย และ
โบราณวัตถุตั้งแต่สมัยบ้านเชียงของเรา
คุณชายสุขุมพันธุ์รู้ดีว่าต้องทำอะไรให้กับ กทม.ของเรา แล้วใครจะรู้เท่า
คุณชายสุขุมพันธุ์ คุณชายสุขุมพันธุ์ไม่ต้องเริ่มงานใหม่เลย คุณชายสุขุมพันธุ์
รู้ดีว่าจะต้องปรับปรุงอะไรบ้าง จะแก้ไขข้อบกพร่องอย่างใด และ
คุณชายสุขุมพันธุ์มีพรรคที่จะสนับสนุน พรรคที่คุ้นเคยกับ กทม.
คู่ต่อสู้ของคุณชายสุขุมพันธุ์ อยู่พรรคเดียวกับฝ่ายรัฐบาล ก็คุยโตไว้จะทำงาน
กันแบบไร้รอยต่อ ผมแปลวลีดังกล่าวนี้ว่า ต่อไปนี้ กทม.จะขึ้นกับรัฐบาลกลาง
เท่ากับท้องถิ่นอยู่ในอาณัติของรัฐบาลกลาง ก็ต้องถามว่า แล้วเรากระจาย
อำนาจกันทำไม
ผมไม่อยากเห็นผู้ว่าฯ กทม.เกาะชายกระโปรงนายกรัฐมนตรีหญิง ผมอยากให้
ผู้ว่าฯ กทม.มีศักดิ์ศรี มีความคิดของตนเอง และร่วมมือด้วยสติปัญญา ด้วยการ
รู้ซึ้งภาระหน้าที่ของกันและกัน มิใช่ฝ่ายหนึ่งขึ้นกับอีกฝ่ายหนึ่ง
ที่สำคัญ รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก็แสนจะประชานิยมที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
บ้านเมืองปั่นป่วนอยู่แล้ว แล้วยังจะให้ประชานิยมมาทำความล้มเหลวให้กับ
กทม.อีกหรือ ชาว กทม.เจ็บครั้งหนึ่งพอ ต้องไม่เจ็บปวดเป็นครั้งที่สอง
มองไปที่ตัวองค์บุคคล ก็เป็นนายตำรวจผมก็กลัวว่าประเทศไทยจะถูก
ปกครองด้วยตำรวจกันเต็มบ้านเต็มเมือง ตำรวจน่าทำงานตำรวจ และถ้า
เป็นตำรวจที่มีฝีมือเป็นที่เคารพนับถือเพราะคุณความดี และความ
สามารถก็ยังพอรับได้ แต่คู่แข่งหลักของคุณชายสุขุมพันธุ์คนนี้ ก็ไม่มีผลงาน
ที่เป็นงานตำรวจจริงจัง (ถ้ามีก็กรุณาสาธยายด้วย) ประวัติและประสบการณ์
ห่างไกลคุณชายสุขุมพันธุ์มากมาย
ข่าวฮือฮาไปทั่วโลกว่า ประเทศไทยมี 2 นายกรัฐมนตรีพร้อมๆ กัน และก็คง
จะสร้างความฮือฮาเป็นครั้งที่สอง ถ้าไทยเราจะมี 2 ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมๆ กัน
แถมมียศตำรวจทั้งคู่อีกด้วย นายกรัฐมนตรีตัวจริง และผู้ว่าฯ กทม.ตัวจริงรวม
เป็นหนึ่งเดียวนั้นก็อยู่ต่างประเทศ ส่วนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด 1 นาง
และผู้ว่าฯกทม.ตัวปลอม 1 นาย อยู่ที่ประเทศไทย สังคมไทยคงดูไม่จืดแน่
เราจะไร้สาระกันถึงขนาดนั้นหรือ
ส่วนผู้สมัครอิสระอื่นๆนั้น ไม่มีผลงาน หรือประสบการณ์การบริหารจัดการ
ที่เกี่ยวกับสังคมให้เป็นที่ประจักษ์
ชาว กทม.ร่วมกันปกป้อง กทม.ของเรา ก็เริ่มแรกเอาที่ธาตุแท้ของคนเป็นที่ตั้ง
เอาคนจริง เอาคนจริงจัง คนคนนั้นก็คือคุณชายสุขุมพันธุ์
มนุษย์เราไม่มีใครสมบูรณ์ ต่างก็มีข้อบกพร่อง และก็มีส่วนดีงาม
คุณชายสุขุมพันธุ์ ธาตุแท้เป็นคนดี มีฝีมือเหนือชั้นกว่าคู่ต่อสู้ทุกคน
พรรคประชาธิปัตย์ที่คุณชายสังกัดอยู่ ก็มีข้อบกพร่อง แต่ก็ต่อสู้
เพื่ออุดมการณ์เสรีนิยม เพื่อความเป็นประชาธิปไตย และต่อต้าน
เผด็จการทุกรูปแบบมาโดยตลอด นั่นคือธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์
ชาว กทม.เองก็ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้เพื่อความถูกต้องมาโดยตลอด
ขับไล่เผด็จการทุกยุคทุกสมัย ชาว กทม.ได้ร่วมสร้างชาติ เป็นหัวหอก
ของการเปลี่ยนแปลงที่ดีมาอย่างไม่ลดละ นั่นคือ ธาตุแท้ของชาว กทม.
ฉะนั้น กรุงเทพฯ ไม่มีที่ยืน ที่อยู่ ให้บรรดาโจรปล้นเมืองเผาบ้านเผาเมือง
ส่วนตัวคุณชายสุขุมพันธุ์เองก็เป็นหนึ่งเดียวกันกับชาว กทม.เพราะ
ธาตุแท้เดียวกัน
กษิต ภิรมย์
http://www.naewna.com/politic/columnist/5357
อ่านไปก็ดูจะคล้าย กับที่ "คุณห่านป่า" ชื่นชมคุณชายนะ ....
หาเสียงให้ "คุณชาย" ...ค่ะ
ถึงจะ "แก่กะโหลกกะลา" และ "กะเฬวกะราด" ก็มองรอบด้าน
เวทีอิสระ ....ชาว กทม. ดูที่ธาตุแท้ของคน : กษิต ภิรมย์ ...แนวหน้าออนไลน์
ให้คุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร วาระที่ 2 บางคน
ถึงกับประกาศจะไม่ลงคะแนนให้ หรือไม่ไปลงคะแนนเลย กลุ่มคนที่ผมรู้จัก
มักคุ้นนี้ คงจะสะท้อนความรู้สึกนึกคิดที่คล้ายคลึงกับของกลุ่มคนที่ผมไม่
รู้จักอีกจำนวนหนึ่งและคงไม่น้อย ก็น่าห่วงใยคนดีศรีอยุธยา หรือคนดีของ
กรุงรัตนโกสินทร์
ผมก็เคารพในสิทธิเสรีภาพในการคิดอ่านและตัดสินใจอย่างไรของแต่ละคน
ไม่ว่ากัน แต่จะเสียดายยิ่ง ถ้าเพื่อนชาวกรุงเทพฯเหล่านั้นไม่ได้ลุกขึ้นคิดอีก
สักทีสองที ก่อนไปหย่อนบัตรลงคะแนนในวันที่ 3 มีนาคมนี้ และนี่ยังมีเวลา
พอที่จะสนทนาเสริมสร้างความเข้าอกเข้าใจและร่วมมือกัน ก็ขอลองกล่าว
เชิญชวนกันอีกที
ผมพอจับความได้ว่า ที่จะไม่หย่อนบัตรให้คุณชายสุขุมพันธุ์
เพราะชอบลองของใหม่กัน
เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้ผู้ว่าฯไป 2 คนแล้ว คือคุณอภิรักษ์ และคุณชายสุขุมพันธุ์
รวมเวลา 8 ปี ก็รู้สึกเบื่อแล้ว ให้คนอื่น พรรคอื่นมาทำมั่ง
เพราะคุณชายสุขุมพันธุ์พูดไม่เก่ง และแถมยังไม่พีอาร์
เพราะคุณชายสุขุมพันธุ์ดูไม่มีผลงาน เป็นต้น
และที่จะลงคะแนนให้ตัวแทนจากพรรคอื่น เพราะหน้าใหม่ ดูหล่อดี แถมเต็มไป
ด้วยการให้ แจกจ่ายด้วยนโยบายประชานิยม แถมจะไร้รอยต่อกับฝ่ายรัฐบาลกลางด้วย
หรือไม่ก็จะลงคะแนนให้พวกผู้สมัครอิสระ เพราะเบื่อพรรคการเมือง เพราะอยาก
สั่งสอนพรรคการเมือง เพราะมันๆดี
ผมขอชวนถอยหลังมาสักหนึ่งก้าวตั้งสติหน่อย แล้วคิดอย่างนี้ว่า คุณชายสุขุมพันธุ์
มีผลงาน และประสบความสำเร็จ เช่น
-กรุงเทพฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ น่าท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ของโลก
-องค์การยูเนสโก ได้เลือกกรุงเทพฯ ให้เป็นเจ้าภาพเมืองหนังสือโลกปี 2558
-ทาง กทม.เองได้เปิดหลักสูตร“โตไปไม่โกง” ให้กับโรงเรียนในสังกัด กทม.
ทั้งหมดกว่า 400 โรงเรียน
-กรุงเทพฯ ได้รับการชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก ว่า สามารถป้องกัน
โรคระบาดในช่วงวิกฤติน้ำท่วมได้สำเร็จด้วยดี
คุณชายสุขุมพันธุ์สุภาพเรียบร้อย พูดจริงทำจริง ไม่คุยโว ไม่โอ้อวด ไม่หลอกลวง
คุณชายสุขุมพันธุ์แสนจะอดทนกับการถูกกลั่นแกล้ง ถูกตีกรอบ โดยเฉพาะ
จากกรณีน้ำท่วมใหญ่
คุณชายสุขุมพันธุ์ก็เป็นลูกผู้ชายหรือเป็นสุภาพบุรุษ คือ หนักเอา เบาสู้
ทนเอากับอกุศลบายต่างๆ เพื่อจักได้มุ่งหน้าทำงานรับใช้ชาว กทม.อย่างไม่ลดละ
คุณชายสุขุมพันธุ์มีการศึกษาดีเยี่ยมผ่านงานขีดเขียน งานอาจารย์
งานผู้แทนราษฎรงานรัฐมนตรี และเป็นผู้ว่าฯมา 4 ปี และงานส่วนตัวคือ
ดูแลมูลนิธิบริพัตร ซึ่งมีกิจการสำคัญต่อการทำนุบำรุงรักษาประวัติศาสตร์
และขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิตไทยคือ วังสวนผักกาด
ตรงถนนศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ประกอบด้วย เรือนไทย และ
โบราณวัตถุตั้งแต่สมัยบ้านเชียงของเรา
คุณชายสุขุมพันธุ์รู้ดีว่าต้องทำอะไรให้กับ กทม.ของเรา แล้วใครจะรู้เท่า
คุณชายสุขุมพันธุ์ คุณชายสุขุมพันธุ์ไม่ต้องเริ่มงานใหม่เลย คุณชายสุขุมพันธุ์
รู้ดีว่าจะต้องปรับปรุงอะไรบ้าง จะแก้ไขข้อบกพร่องอย่างใด และ
คุณชายสุขุมพันธุ์มีพรรคที่จะสนับสนุน พรรคที่คุ้นเคยกับ กทม.
คู่ต่อสู้ของคุณชายสุขุมพันธุ์ อยู่พรรคเดียวกับฝ่ายรัฐบาล ก็คุยโตไว้จะทำงาน
กันแบบไร้รอยต่อ ผมแปลวลีดังกล่าวนี้ว่า ต่อไปนี้ กทม.จะขึ้นกับรัฐบาลกลาง
เท่ากับท้องถิ่นอยู่ในอาณัติของรัฐบาลกลาง ก็ต้องถามว่า แล้วเรากระจาย
อำนาจกันทำไม
ผมไม่อยากเห็นผู้ว่าฯ กทม.เกาะชายกระโปรงนายกรัฐมนตรีหญิง ผมอยากให้
ผู้ว่าฯ กทม.มีศักดิ์ศรี มีความคิดของตนเอง และร่วมมือด้วยสติปัญญา ด้วยการ
รู้ซึ้งภาระหน้าที่ของกันและกัน มิใช่ฝ่ายหนึ่งขึ้นกับอีกฝ่ายหนึ่ง
ที่สำคัญ รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก็แสนจะประชานิยมที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
บ้านเมืองปั่นป่วนอยู่แล้ว แล้วยังจะให้ประชานิยมมาทำความล้มเหลวให้กับ
กทม.อีกหรือ ชาว กทม.เจ็บครั้งหนึ่งพอ ต้องไม่เจ็บปวดเป็นครั้งที่สอง
มองไปที่ตัวองค์บุคคล ก็เป็นนายตำรวจผมก็กลัวว่าประเทศไทยจะถูก
ปกครองด้วยตำรวจกันเต็มบ้านเต็มเมือง ตำรวจน่าทำงานตำรวจ และถ้า
เป็นตำรวจที่มีฝีมือเป็นที่เคารพนับถือเพราะคุณความดี และความ
สามารถก็ยังพอรับได้ แต่คู่แข่งหลักของคุณชายสุขุมพันธุ์คนนี้ ก็ไม่มีผลงาน
ที่เป็นงานตำรวจจริงจัง (ถ้ามีก็กรุณาสาธยายด้วย) ประวัติและประสบการณ์
ห่างไกลคุณชายสุขุมพันธุ์มากมาย
ข่าวฮือฮาไปทั่วโลกว่า ประเทศไทยมี 2 นายกรัฐมนตรีพร้อมๆ กัน และก็คง
จะสร้างความฮือฮาเป็นครั้งที่สอง ถ้าไทยเราจะมี 2 ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมๆ กัน
แถมมียศตำรวจทั้งคู่อีกด้วย นายกรัฐมนตรีตัวจริง และผู้ว่าฯ กทม.ตัวจริงรวม
เป็นหนึ่งเดียวนั้นก็อยู่ต่างประเทศ ส่วนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด 1 นาง
และผู้ว่าฯกทม.ตัวปลอม 1 นาย อยู่ที่ประเทศไทย สังคมไทยคงดูไม่จืดแน่
เราจะไร้สาระกันถึงขนาดนั้นหรือ
ส่วนผู้สมัครอิสระอื่นๆนั้น ไม่มีผลงาน หรือประสบการณ์การบริหารจัดการ
ที่เกี่ยวกับสังคมให้เป็นที่ประจักษ์
ชาว กทม.ร่วมกันปกป้อง กทม.ของเรา ก็เริ่มแรกเอาที่ธาตุแท้ของคนเป็นที่ตั้ง
เอาคนจริง เอาคนจริงจัง คนคนนั้นก็คือคุณชายสุขุมพันธุ์
มนุษย์เราไม่มีใครสมบูรณ์ ต่างก็มีข้อบกพร่อง และก็มีส่วนดีงาม
คุณชายสุขุมพันธุ์ ธาตุแท้เป็นคนดี มีฝีมือเหนือชั้นกว่าคู่ต่อสู้ทุกคน
พรรคประชาธิปัตย์ที่คุณชายสังกัดอยู่ ก็มีข้อบกพร่อง แต่ก็ต่อสู้
เพื่ออุดมการณ์เสรีนิยม เพื่อความเป็นประชาธิปไตย และต่อต้าน
เผด็จการทุกรูปแบบมาโดยตลอด นั่นคือธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์
ชาว กทม.เองก็ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้เพื่อความถูกต้องมาโดยตลอด
ขับไล่เผด็จการทุกยุคทุกสมัย ชาว กทม.ได้ร่วมสร้างชาติ เป็นหัวหอก
ของการเปลี่ยนแปลงที่ดีมาอย่างไม่ลดละ นั่นคือ ธาตุแท้ของชาว กทม.
ฉะนั้น กรุงเทพฯ ไม่มีที่ยืน ที่อยู่ ให้บรรดาโจรปล้นเมืองเผาบ้านเผาเมือง
ส่วนตัวคุณชายสุขุมพันธุ์เองก็เป็นหนึ่งเดียวกันกับชาว กทม.เพราะ
ธาตุแท้เดียวกัน
กษิต ภิรมย์
http://www.naewna.com/politic/columnist/5357
อ่านไปก็ดูจะคล้าย กับที่ "คุณห่านป่า" ชื่นชมคุณชายนะ ....
หาเสียงให้ "คุณชาย" ...ค่ะ
ถึงจะ "แก่กะโหลกกะลา" และ "กะเฬวกะราด" ก็มองรอบด้าน