ค.ศ. 1934-1935
มีการพบข้อผิดพลาดว่าเขตแดนในแผนที่ไม่ได้เป็นไปตามสัญญาเรื่องสันปันน้ำ จึงมีการทำพิมพ์แผนที่ขึ้นมาใหม่
ตรงตามสัญญา คือปราสาทอยู่ฝั่งไทย แต่ทางหน่วยงานราชการไทยยังคงใช้แผนที่ฉบับเก่าอยู่
ไม่รู้ทางกัมพูชาได้เปลี่ยนแผนที่หรือไม่ ซึ่งถือว่าไทยพลาดเอง
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยได้ดินแดนบางส่วนที่เสียไปคืนมา ตามอนุสัญญาโตเกียว พ.ศ. 2484
เป็นที่แน่นอนว่าปราสาทพระวิหารและพื้นที่ 4.6 ตร.กม. อยู่ในเขตไทย และมีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นโบราณสถานของชาติ
ต่อมาหลังสงครามโลกครั้งที่2 ก็ต้องคืนไปตามที่ฝรั่งเศสเรียกร้อง ตามข้อตกลงที่วอชิงตัน
เขตแดนให้ใช้ตามสถานภาพเดิมก่อนหน้าสัญญาโตเกียว
สนธิสัญญาเดิมปี1904 และ1907 ไม่ใช่แผนที่เดิม
ซึ่งระหว่างนี้ไทยก็มีการส่งทหารมารักษาชายแดนที่เขาพระวิหาร
ต่อมาไม่นานกัมพูชาได้เอกราชจากฝรั่งเศส
และมีการเรียกร้องปราสาทพระวิหารโดยอ้างแผนที่ผนวก1 ระวางดงรัก
ซึ่งถือว่ามีศักดิ์ต่ำกว่าสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
2505 ศาลโลกตัดสินว่าตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา
เพราะช่วงที่ได้แผนที่ ไทยไม่คัดค้าน และยังคงใช้ด้วย แม้จะไม่ได้รับรอง แต่ก็ถือว่ายอมรับโดยปริยาย
แม้ว่า ในช่วงตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่2 เป็นต้นมาจะมีการส่งทหารไปประจำ เพื่อแสดงอำนาจอธิปไตย
รัฐบาลไทยจึงล้อมรั้วกั้นตัวปราสาท ให้เป็นเขตกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก
ซึ่งไม่ได้มีการคัดค้านจากกัมพูชาจนมาถึงช่วงราวปี 2540
ผมไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินปี 2505 อยู่แล้ว
ทำไมศาลโลกไม่คำนึงถึงช่วงที่ไทยปฏิบัติตามสัญญาและมีทหารดูแลชายแดนล่ะ
แล้วทำไมไม่อ้างอิงแผนที่ฉบับอื่นที่แก้ไขให้เป็นไปตามสัญญาล่ะ
แล้วข้อตกลงที่วอชิงตัน ปี2489 ล่ะ ทำไมไม่มีการกล่าวถึง
แม้ตัวปราสาทถูกตัดสินไปแล้ว ก็ต้องยอมรับอำนาจศาลโลก
แต่พื้นที่4.6 ตร.กม.โดยรอบปราสาท ที่กำลังรอการตีความคำพิพากษานั้น
ผมคิดว่า การตีความ คำตัดสินปี 2505 ที่กัมพูชายื่นเรื่องนั้น
ถ้าศาลโลกยืนตามเดิม คือ ยึดตามแผนที่ผนวก1 ก็เท่ากับว่าเป็นของกัมพูชา ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุด
ชาวพันทิปมีความคิดเห็นต่อการตีความกันอย่างไรบ้างครับ
พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตร.กม. จะเป็นของใคร
มีการพบข้อผิดพลาดว่าเขตแดนในแผนที่ไม่ได้เป็นไปตามสัญญาเรื่องสันปันน้ำ จึงมีการทำพิมพ์แผนที่ขึ้นมาใหม่
ตรงตามสัญญา คือปราสาทอยู่ฝั่งไทย แต่ทางหน่วยงานราชการไทยยังคงใช้แผนที่ฉบับเก่าอยู่
ไม่รู้ทางกัมพูชาได้เปลี่ยนแผนที่หรือไม่ ซึ่งถือว่าไทยพลาดเอง
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยได้ดินแดนบางส่วนที่เสียไปคืนมา ตามอนุสัญญาโตเกียว พ.ศ. 2484
เป็นที่แน่นอนว่าปราสาทพระวิหารและพื้นที่ 4.6 ตร.กม. อยู่ในเขตไทย และมีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นโบราณสถานของชาติ
ต่อมาหลังสงครามโลกครั้งที่2 ก็ต้องคืนไปตามที่ฝรั่งเศสเรียกร้อง ตามข้อตกลงที่วอชิงตัน
เขตแดนให้ใช้ตามสถานภาพเดิมก่อนหน้าสัญญาโตเกียว
สนธิสัญญาเดิมปี1904 และ1907 ไม่ใช่แผนที่เดิม
ซึ่งระหว่างนี้ไทยก็มีการส่งทหารมารักษาชายแดนที่เขาพระวิหาร
ต่อมาไม่นานกัมพูชาได้เอกราชจากฝรั่งเศส
และมีการเรียกร้องปราสาทพระวิหารโดยอ้างแผนที่ผนวก1 ระวางดงรัก
ซึ่งถือว่ามีศักดิ์ต่ำกว่าสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
2505 ศาลโลกตัดสินว่าตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา
เพราะช่วงที่ได้แผนที่ ไทยไม่คัดค้าน และยังคงใช้ด้วย แม้จะไม่ได้รับรอง แต่ก็ถือว่ายอมรับโดยปริยาย
แม้ว่า ในช่วงตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่2 เป็นต้นมาจะมีการส่งทหารไปประจำ เพื่อแสดงอำนาจอธิปไตย
รัฐบาลไทยจึงล้อมรั้วกั้นตัวปราสาท ให้เป็นเขตกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก
ซึ่งไม่ได้มีการคัดค้านจากกัมพูชาจนมาถึงช่วงราวปี 2540
ผมไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินปี 2505 อยู่แล้ว
ทำไมศาลโลกไม่คำนึงถึงช่วงที่ไทยปฏิบัติตามสัญญาและมีทหารดูแลชายแดนล่ะ
แล้วทำไมไม่อ้างอิงแผนที่ฉบับอื่นที่แก้ไขให้เป็นไปตามสัญญาล่ะ
แล้วข้อตกลงที่วอชิงตัน ปี2489 ล่ะ ทำไมไม่มีการกล่าวถึง
แม้ตัวปราสาทถูกตัดสินไปแล้ว ก็ต้องยอมรับอำนาจศาลโลก
แต่พื้นที่4.6 ตร.กม.โดยรอบปราสาท ที่กำลังรอการตีความคำพิพากษานั้น
ผมคิดว่า การตีความ คำตัดสินปี 2505 ที่กัมพูชายื่นเรื่องนั้น
ถ้าศาลโลกยืนตามเดิม คือ ยึดตามแผนที่ผนวก1 ก็เท่ากับว่าเป็นของกัมพูชา ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุด
ชาวพันทิปมีความคิดเห็นต่อการตีความกันอย่างไรบ้างครับ