ต่อจากรีวิวภาคแรกเกี่ยวกับ hardware
http://ppantip.com/topic/30136863 นะครับ
รอบนี้ ผมจะมาต่อภาคจบของการใช้งาน tablet สไตล์ประกอบร่าง ซึ่งจะ concept คล้ายกับ asus transformer หลังจากนั่งใช้งานแบบจริงๆจังๆนะครับ ทำให้ผมได้ข้อสรุปดังต่อไปนี้ครับ
1. ด้านความเร็ว ความคล่องตัว
แม้ว่าจะเป็น intel atom ด้วยความเร็ว 1.8 GHz หากไปเทียบกับ notebook ก็แหงล่ะครับว่าช้ากว่าแน่ แต่ถ้ามองในเชิงของ tablet ผมว่าอยู่ในมาตรฐานนะครับ
- ผมลองจับเวลาในการเปิดเครื่องนับตั้งแต่กดปุ่ม จนถึงแสดงหน้าจอ metro UI (พร้อมใช้งาน) ใช้เวลาประมาณ 25 วินาที ไม่ได้ลองกับ OS อื่นนะครับ แต่เดาว่าก็น่าจะใกล้เคียงกัน
- ถ้าเป็น metro UI (หน้าจอแบบ windows phone) ผมว่าไหลลื่นดีมากครับ ไม่มีสะดุดติดขัดแต่อย่างใด แม้แต่เล่นวิดีโอ หรือ เพลงผ่านโปรแกรมของ metro UI เอง ก็เล่นได้ลื่นดี เวลาจะปิดโปรแกรมก็แค่ลากจากขอบบนของจอลงล่าง ก็จะปิดโปรแกรมไปเลย ช่วยลดปัญหาโปรแกรมเปิดค้าง สามารถดูโปรแกรมที่เปิดค้างโดยลากจากขอบด้านซ้ายของจอเข้ามา อีกทั้งยังสามารถแบ่งหน้าจอได้ 2 หน้าจอ แต่จะแบ่งในอัตราส่วน 70:30 นะครับ จะไม่ได้เป็น 50:50 แบบแอนดรอยด์ แต่ที่เหนือกว่าแอนดรอยด์ คือ ไม่จำกัดโปรแกรม สามารถเปิดใช้ได้ทุกโปรแกรมครับ
มีข้อดี คือ คล่องตัว ในการใช้งาน ปุ่มที่ทำมาใน UI แบบนี้ จะค่อนข้างใหญ่ จิ้มง่าย ดูง่าย
ข้อเสีย คือ ดูไม่ค่อยสวยงามนัก ในความรู้สึกของผมนะครับ เพราะใน 1 หน้าจอ มีแค่ปุ่มเรียงกันบนพื้นหลัง เหมือนกระเบื้องปูพื้น แม้จะมีออพชั่นให้เปลี่ยนลวดลายบนพื้นหลังได้ แต่ก็เป็นลวดลายเห่ยๆ (สำหรับผมนะครับ) แต่ถ้าบางคนชอบแนววินเถจ หรือ แนวดอกม้งดอกไม้เลื้อยไปมา ก็อาจจะชอบก็ได้
ลองชมการใช้งานดูนะครับ
- ถ้าเข้าโหมด desktop (หน้าจอแบบ windows 8 ในคอม หรือ โน้ตบุ๊ค) มันก็ดีในแง่ของความคุ้นเคย ยิ่งเราใช้ windows 7 ด้วยยิ่งเหมือนกันเด๊ะเลยครับ แต่ติดขัดตรงที่ ไม่มี start menu ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเอาออก แต่ก็ดีที่ทางซัมซุงให้เป็นโปรแกรม quick starter มาซึ่งก็ใช้งานได้คล้ายกับ windows 7 เลยครับ เพียงแต่บังคับให้อยู่ตรงกลางขอบบน หรือ ล่าง เท่านั้น รวมทั้งก็มี freeware ให้โหลดใช้งานหน้าตาที่คุ้นเคยอีกด้วยครับ

นี่เป็น start menu จาก quick starter

นี่เป็น start menu จาก vistart (freeware)
ข้อดีของ desktop mode คือ เป็นที่คุ้นเคยกันมานาน ไม่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มมากนัก (แต่อาจต้องเพิ่มในคนที่เคยใช้แต่ winXP) สามารถเปิดโฟลเดอร์หลายๆโฟลเดอร์เหมือนคอมทั่วไป
ข้อเสีย เท่าที่สัมผัสได้คือ ปุ่มเล็ก และยิบย่อยมาก ถ้าใช้นิ้วกดจะทำได้ยากมาก บางครั้งก็ไม่ค่อยตอบสนอง อาจเพราะตำแหน่งกดมันคร่อมกัน จะทำง่ายหน่อยก็คือการ move โฟลเดอร์ ซึ่งใช้นิ้วลากได้ไม่ยาก หากจะเข้าโหมดนี้ โดยไม่ใช้คีย์บอร์ด + เมาส์ ก็คงต้องใช้ s pen นะครับ
เราจะพบความหน่วงเห็นได้ชัดขณะทำบางโปรแกรม เช่น โพรเสสภาพ จะเห็นได้ชัดเลยว่าหน่วง เห็นได้จากการเสียเวลาในการ buffer ประมาณ 2-3 วินาที
[CR] รีวิว Samsung Ativ Smart PC แบบบ้านๆ ภาคจบ ครับ
รอบนี้ ผมจะมาต่อภาคจบของการใช้งาน tablet สไตล์ประกอบร่าง ซึ่งจะ concept คล้ายกับ asus transformer หลังจากนั่งใช้งานแบบจริงๆจังๆนะครับ ทำให้ผมได้ข้อสรุปดังต่อไปนี้ครับ
1. ด้านความเร็ว ความคล่องตัว
แม้ว่าจะเป็น intel atom ด้วยความเร็ว 1.8 GHz หากไปเทียบกับ notebook ก็แหงล่ะครับว่าช้ากว่าแน่ แต่ถ้ามองในเชิงของ tablet ผมว่าอยู่ในมาตรฐานนะครับ
- ผมลองจับเวลาในการเปิดเครื่องนับตั้งแต่กดปุ่ม จนถึงแสดงหน้าจอ metro UI (พร้อมใช้งาน) ใช้เวลาประมาณ 25 วินาที ไม่ได้ลองกับ OS อื่นนะครับ แต่เดาว่าก็น่าจะใกล้เคียงกัน
- ถ้าเป็น metro UI (หน้าจอแบบ windows phone) ผมว่าไหลลื่นดีมากครับ ไม่มีสะดุดติดขัดแต่อย่างใด แม้แต่เล่นวิดีโอ หรือ เพลงผ่านโปรแกรมของ metro UI เอง ก็เล่นได้ลื่นดี เวลาจะปิดโปรแกรมก็แค่ลากจากขอบบนของจอลงล่าง ก็จะปิดโปรแกรมไปเลย ช่วยลดปัญหาโปรแกรมเปิดค้าง สามารถดูโปรแกรมที่เปิดค้างโดยลากจากขอบด้านซ้ายของจอเข้ามา อีกทั้งยังสามารถแบ่งหน้าจอได้ 2 หน้าจอ แต่จะแบ่งในอัตราส่วน 70:30 นะครับ จะไม่ได้เป็น 50:50 แบบแอนดรอยด์ แต่ที่เหนือกว่าแอนดรอยด์ คือ ไม่จำกัดโปรแกรม สามารถเปิดใช้ได้ทุกโปรแกรมครับ
มีข้อดี คือ คล่องตัว ในการใช้งาน ปุ่มที่ทำมาใน UI แบบนี้ จะค่อนข้างใหญ่ จิ้มง่าย ดูง่าย
ข้อเสีย คือ ดูไม่ค่อยสวยงามนัก ในความรู้สึกของผมนะครับ เพราะใน 1 หน้าจอ มีแค่ปุ่มเรียงกันบนพื้นหลัง เหมือนกระเบื้องปูพื้น แม้จะมีออพชั่นให้เปลี่ยนลวดลายบนพื้นหลังได้ แต่ก็เป็นลวดลายเห่ยๆ (สำหรับผมนะครับ) แต่ถ้าบางคนชอบแนววินเถจ หรือ แนวดอกม้งดอกไม้เลื้อยไปมา ก็อาจจะชอบก็ได้
ลองชมการใช้งานดูนะครับ
- ถ้าเข้าโหมด desktop (หน้าจอแบบ windows 8 ในคอม หรือ โน้ตบุ๊ค) มันก็ดีในแง่ของความคุ้นเคย ยิ่งเราใช้ windows 7 ด้วยยิ่งเหมือนกันเด๊ะเลยครับ แต่ติดขัดตรงที่ ไม่มี start menu ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเอาออก แต่ก็ดีที่ทางซัมซุงให้เป็นโปรแกรม quick starter มาซึ่งก็ใช้งานได้คล้ายกับ windows 7 เลยครับ เพียงแต่บังคับให้อยู่ตรงกลางขอบบน หรือ ล่าง เท่านั้น รวมทั้งก็มี freeware ให้โหลดใช้งานหน้าตาที่คุ้นเคยอีกด้วยครับ
นี่เป็น start menu จาก quick starter
นี่เป็น start menu จาก vistart (freeware)
ข้อดีของ desktop mode คือ เป็นที่คุ้นเคยกันมานาน ไม่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มมากนัก (แต่อาจต้องเพิ่มในคนที่เคยใช้แต่ winXP) สามารถเปิดโฟลเดอร์หลายๆโฟลเดอร์เหมือนคอมทั่วไป
ข้อเสีย เท่าที่สัมผัสได้คือ ปุ่มเล็ก และยิบย่อยมาก ถ้าใช้นิ้วกดจะทำได้ยากมาก บางครั้งก็ไม่ค่อยตอบสนอง อาจเพราะตำแหน่งกดมันคร่อมกัน จะทำง่ายหน่อยก็คือการ move โฟลเดอร์ ซึ่งใช้นิ้วลากได้ไม่ยาก หากจะเข้าโหมดนี้ โดยไม่ใช้คีย์บอร์ด + เมาส์ ก็คงต้องใช้ s pen นะครับ
เราจะพบความหน่วงเห็นได้ชัดขณะทำบางโปรแกรม เช่น โพรเสสภาพ จะเห็นได้ชัดเลยว่าหน่วง เห็นได้จากการเสียเวลาในการ buffer ประมาณ 2-3 วินาที