สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ซื้อมาขับส่วนตัว กับ ขับทำงาน คนละเรื่องกันนะครับ อาชีพเซลรถใช้หนักมาก ยิ่งออกต่างจังหวัด วันนึงเป็น 100 โลอาทิตย์นึงอาจจะ 1000 โล
น้องสาวผมตอนจบใหม่ๆ ได้งานเป็นเซล engineer เช่นกัน แต่ซื้อรถ vios มือ 2 อายุ 5 ปีครับ สามแสนนิดๆ ซื้อสด แต่ใช้นำมันไม่ได้ติดแก๊ส เพราะบริษัท เบิกค่าน้ำมันได้
เป็นเซล รถวิ่งหนักมาก ไปนู่นมานี่ทั้งวัน ไม่คุ้มที่จะซื้อมือหนึ่งมา ถลุง อีกอย่างเราไม่รู้ว่าเราจะทำงานเซลนานแค่ไหน อย่างน้องผมก็ทำอยู่ 2 ปีกว่า ตอนนี้ไม่ได้เป็นเซลแล้วจึงค่อยออกรถใหม่ใช้ส่วนตัว + ขับไปทำงาน ที่ออฟฟิช ส่วนรถเก่า ก็ขาย ด้วยความที่วิ่งน้ำมัน ไม่ได้ติดแก้ส ก็ขายได้ราคาไม่ตกมาก นับว่าคุ้ม ถือว่าเป็นค่าเช่ารถไป เพราะสองปีวิ่งไปแสนกว่ากิโล ลองถ้าซื้อมือหนึ่งมา วิ่งหนักๆ เลขไมล์ แสนโล อาจขายต่อได้ ไม่ถึง 4 แสน ราคาตก 2 แสนกว่าใน 2 ปี แล้วเราเอารถไปวิ่งหนักๆมาตลอด รถก็สภาพโทรมไวด้วย
อันนี้พูดถึงความคุ้นค่า และเหมาะสมในการใช้งาน ที่เห็นน้องทำมานะครับ ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วยที่จะเอารถมือหนึ่ง มาวิ่งๆหนักๆถลุงทำงานให้บริษัท ซึ่งไม่รู้จะทำงานด้วยนานแค่ไหน หรือเราจะทำตำแหน่งนี้นานแค่ไหน กลายเป็นว่าเอารถใหม่ไปวิ่งให้โทรมฟรี เกิดเลิกทำตำแหน่งนี้จะขายก็ไม่ได้ ติดผ่อนอยู่ แต่หากซื้อมือสองแบบสด ก็ไม่มีดอกเบี้ย ไม่ต้องผ่อน ทำงานได้เงินก็เก็บเงินได้เพรียวๆ วันไหนไม่ได้ทำแล้วก็ ค่อยเอารถไปขาย ซื้อมาสามแสน ก็ขายได้สองแสนกลางๆ-ปลายๆ ขาดทุนไม่เท่าไหร่ แล้วก็ค่อยเอาเงินไปดาวน์รถใหม่ที่อยากได้ เมื่อพร้อม และหากงานเราไม่ต้องวิ่งรถแล้วรถใหม่เราก็ไม่โทรมก่อนวัยอันควรด้วยครับ
น้องสาวผมตอนจบใหม่ๆ ได้งานเป็นเซล engineer เช่นกัน แต่ซื้อรถ vios มือ 2 อายุ 5 ปีครับ สามแสนนิดๆ ซื้อสด แต่ใช้นำมันไม่ได้ติดแก๊ส เพราะบริษัท เบิกค่าน้ำมันได้
เป็นเซล รถวิ่งหนักมาก ไปนู่นมานี่ทั้งวัน ไม่คุ้มที่จะซื้อมือหนึ่งมา ถลุง อีกอย่างเราไม่รู้ว่าเราจะทำงานเซลนานแค่ไหน อย่างน้องผมก็ทำอยู่ 2 ปีกว่า ตอนนี้ไม่ได้เป็นเซลแล้วจึงค่อยออกรถใหม่ใช้ส่วนตัว + ขับไปทำงาน ที่ออฟฟิช ส่วนรถเก่า ก็ขาย ด้วยความที่วิ่งน้ำมัน ไม่ได้ติดแก้ส ก็ขายได้ราคาไม่ตกมาก นับว่าคุ้ม ถือว่าเป็นค่าเช่ารถไป เพราะสองปีวิ่งไปแสนกว่ากิโล ลองถ้าซื้อมือหนึ่งมา วิ่งหนักๆ เลขไมล์ แสนโล อาจขายต่อได้ ไม่ถึง 4 แสน ราคาตก 2 แสนกว่าใน 2 ปี แล้วเราเอารถไปวิ่งหนักๆมาตลอด รถก็สภาพโทรมไวด้วย
อันนี้พูดถึงความคุ้นค่า และเหมาะสมในการใช้งาน ที่เห็นน้องทำมานะครับ ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วยที่จะเอารถมือหนึ่ง มาวิ่งๆหนักๆถลุงทำงานให้บริษัท ซึ่งไม่รู้จะทำงานด้วยนานแค่ไหน หรือเราจะทำตำแหน่งนี้นานแค่ไหน กลายเป็นว่าเอารถใหม่ไปวิ่งให้โทรมฟรี เกิดเลิกทำตำแหน่งนี้จะขายก็ไม่ได้ ติดผ่อนอยู่ แต่หากซื้อมือสองแบบสด ก็ไม่มีดอกเบี้ย ไม่ต้องผ่อน ทำงานได้เงินก็เก็บเงินได้เพรียวๆ วันไหนไม่ได้ทำแล้วก็ ค่อยเอารถไปขาย ซื้อมาสามแสน ก็ขายได้สองแสนกลางๆ-ปลายๆ ขาดทุนไม่เท่าไหร่ แล้วก็ค่อยเอาเงินไปดาวน์รถใหม่ที่อยากได้ เมื่อพร้อม และหากงานเราไม่ต้องวิ่งรถแล้วรถใหม่เราก็ไม่โทรมก่อนวัยอันควรด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
City VS Civic ถ้าเป็นเซลล์เอนจิเนีย ใช้คันไหนประหยัดกว่า
ส่วนตัวสนใจCity 1.5V เพราะถูกกว่า เครื่องยนต์เล็กกว่าน่าจะประหยัดกว่า แล้วไม่อยากผ่อนหลายปีเพราะไม่ชอบการเป็นหนี้นานๆ
ราคา646,000บาท
ดาวน์60% 387600บาท
สมมติอัตราดอกเบี้ย2.50%
จะผ่อนเดือนละ 7746บาทต่อเดือน 3ปีผ่อนหมด
แต่แม่กับป้าสนใจ CIVIC 1.8S AT เพราะสวยกว่า (แม่กับป้าไม่รู้เรื่องรถคะ ชอบแค่รูปลักษณ์ อยากอวดคน = =" ถ้าจะบอกว่าแม่อยากให้ขับรถพาไปไหนมาไหน พ่อก็มีรถอยู่ตั้งสองคันแล้วคะ ที่จริงcityก็ขับไปได้เหมือนกันแหละเราว่า)
ราคา833,000บาท
ดาวน์50% 416,500บาท
สมมติอัตราดอกเบี้ย2.50%
จะผ่อนเดือนละ 7,809บาทต่อเดือน 5ปีผ่อนหมด
เดือนไหนผ่อนไม่ไหวแม่ช่วยภายในสองปีแรก
คือส่วนตัวเรามองว่าการมีรถเงินผ่อนคือการหาหนี้สินใส่ตัวเราอยากสลัดมันออกให้เร็วที่สุด ใจจริงอยากเก็บเงินซักก้อนก่อนแล้วค่อยซื้อ แต่อาชีพที่ทำมันต้องใช้รถเลยต้องซื้อก่อน เราไม่อยากแบบเงินไม่มีจะกินแต่อยากได้รถหรู เพิ่งจบมาทำงานเองเลยไม่อยากได้อะไรเกินตัว เราอยากเก็บเงินไปลงทุนทำอย่างอื่นที่ให้ผลตอบแทนงอกเงยมากกว่า
ช่วยตัดสินใจหน่อยคะทั้งใยแง่การเงินกับแง่ด้านสมรรถนะของรถ ความประหยัดของรถ ว่าควรซื้อคันไหนดี