สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ตามหลักดุลยภาพทั่วไป (General Equilibrium) หรือ IS-LM Approach
แบ๊งกงเต๊กทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น ทำให้ดุลยภาพในตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงไป
ดุลยภาพในตลาดการเงิน หมายถึง
Money supply = Money demand
ดุลยภาพในตลาดการเงิน จะไปกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในกรณีที่ Money Supply สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ย จะลดลง
อธิบายได้ตามกราฟ ถ้า เส้น Ms เลื่อนไปทางขวา (Money Supply เพิ่มสูงขึ้น) จุดตัดของ Ms และ Md จะลดลง
ซึ่งอัตราดอกเบี้ย ที่ลดลง จะส่งผลให้เกิดการลงทุนสูงขึ้น เกิดความต้องการผลิตสินค้าในยมโลกเพิ่มมากขึ้น
ตามกราฟ MEI (Maginal Efficiency of Invesment)
นอกจากนี้ ลักษณะนิสัยของคนจีน ยังมีนิสัยชอบเก็บออม และชอบลงทุน มากกว่าจะนำเงินมาใช้จ่าย
ดังจะเห็นได้จากงายนวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับ Marginal propensity to save ของคนจีน เช่น
China's high saving rate: myth and reality, June 2010 - ifo Institut
http://www.cesifo-group.de/portal/page/portal/CFP_CONF/CFP_CONF_VSI/VSI%202010/vsi10_roc_Cheung/Paper/vsi10_roc_Ma.pdf
จากงานวิจัยนี้เราจะเห็นได้ว่า คนจีน ยิ่งมีรายได้สูงขึ้น ยิ่งมีอัตราการเก็บออมสูงขึ้น
ซึ่งตามหลัก Withdrawal - Injection เมื่อปริมาณของ Saving เพิ่มขึ้น ปริมาณของ Invesment ก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย
สรุปได้ว่า เงินที่ลูกหลานคนจีนส่งไปให้บรรพบุรษนั้น ส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ในการผลิตสินค้าและการจ้างงานในยมโลก
มากกว่าจะนำมาใช้จ่ายครับ
เมื่อเราพิจารณาด้วยหลัก Aggregate Demand - Aggregate Supply ในกรณีที่จำนวนประชากรในยมโลก
เท่าเดิม แต่มีการผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น เส้น AD จะอยู่ที่เดิม ส่วน LRAS จะเลื่อนไปทางขวา
ซึ่งภาวะดุลยภาพจะอยู่ที่ AD = AS หรือจุดตัดระหว่างเส้น AD กับ LRAS ซึ่งมีระดับราคาลดลง
ดังนั้น ปัญหาเงินเฟ้อในยมโลกจึงไม่ได้เกิดจากการเผาแบ็งกงเต๊ก แต่กลับกันคือเป็นการแก้ปัญหาเงินเฟ้อต่างหากครับ
ปัญหาเงินเฟ้อในยมโลก จะเกิดจากการที่มนุษย์ตายลง ทำให้ประชากรในยมโลกเพิ่มสูงขึ้น
ทำให้ AD shift ไปทางขวา เมื่อ Aggregate Demand เพิ่มสูงขึ้น ระดับราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย
นี่ต่างหากคือสิ่งที่จะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในยมโลก
ดังนั้น เศรษฐกิจของคนจีนในยมโลก จึงค่อนข้างเฟื่องฟูกว่าคนชาติอื่นๆ และยมบาลก็มีหน้าที่ต้องดูแลบริหารเศรษฐกิจในยมโลก
ท่านยมบาลจึงต้องประสานงานกับเง็กเซียนให้ดูแลภาวะเศรฐกิจของลูกหลานคนจีนในโลกมนุษย์ ผ่านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสามโลก ที่มี ฮก ลก ซิ่ว เป็นคณะผู้บริหาร ดังจะเห็นได้ว่า คนจีน เป็นผู้กุมอำนาจทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ในโลกมนุษย์ ไงล่ะครับ
แบ๊งกงเต๊กทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น ทำให้ดุลยภาพในตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงไป
ดุลยภาพในตลาดการเงิน หมายถึง
Money supply = Money demand
ดุลยภาพในตลาดการเงิน จะไปกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในกรณีที่ Money Supply สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ย จะลดลง
อธิบายได้ตามกราฟ ถ้า เส้น Ms เลื่อนไปทางขวา (Money Supply เพิ่มสูงขึ้น) จุดตัดของ Ms และ Md จะลดลง
ซึ่งอัตราดอกเบี้ย ที่ลดลง จะส่งผลให้เกิดการลงทุนสูงขึ้น เกิดความต้องการผลิตสินค้าในยมโลกเพิ่มมากขึ้น
ตามกราฟ MEI (Maginal Efficiency of Invesment)
นอกจากนี้ ลักษณะนิสัยของคนจีน ยังมีนิสัยชอบเก็บออม และชอบลงทุน มากกว่าจะนำเงินมาใช้จ่าย
ดังจะเห็นได้จากงายนวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับ Marginal propensity to save ของคนจีน เช่น
China's high saving rate: myth and reality, June 2010 - ifo Institut
http://www.cesifo-group.de/portal/page/portal/CFP_CONF/CFP_CONF_VSI/VSI%202010/vsi10_roc_Cheung/Paper/vsi10_roc_Ma.pdf
จากงานวิจัยนี้เราจะเห็นได้ว่า คนจีน ยิ่งมีรายได้สูงขึ้น ยิ่งมีอัตราการเก็บออมสูงขึ้น
ซึ่งตามหลัก Withdrawal - Injection เมื่อปริมาณของ Saving เพิ่มขึ้น ปริมาณของ Invesment ก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย
สรุปได้ว่า เงินที่ลูกหลานคนจีนส่งไปให้บรรพบุรษนั้น ส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ในการผลิตสินค้าและการจ้างงานในยมโลก
มากกว่าจะนำมาใช้จ่ายครับ
เมื่อเราพิจารณาด้วยหลัก Aggregate Demand - Aggregate Supply ในกรณีที่จำนวนประชากรในยมโลก
เท่าเดิม แต่มีการผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น เส้น AD จะอยู่ที่เดิม ส่วน LRAS จะเลื่อนไปทางขวา
ซึ่งภาวะดุลยภาพจะอยู่ที่ AD = AS หรือจุดตัดระหว่างเส้น AD กับ LRAS ซึ่งมีระดับราคาลดลง
ดังนั้น ปัญหาเงินเฟ้อในยมโลกจึงไม่ได้เกิดจากการเผาแบ็งกงเต๊ก แต่กลับกันคือเป็นการแก้ปัญหาเงินเฟ้อต่างหากครับ
ปัญหาเงินเฟ้อในยมโลก จะเกิดจากการที่มนุษย์ตายลง ทำให้ประชากรในยมโลกเพิ่มสูงขึ้น
ทำให้ AD shift ไปทางขวา เมื่อ Aggregate Demand เพิ่มสูงขึ้น ระดับราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย
นี่ต่างหากคือสิ่งที่จะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในยมโลก
ดังนั้น เศรษฐกิจของคนจีนในยมโลก จึงค่อนข้างเฟื่องฟูกว่าคนชาติอื่นๆ และยมบาลก็มีหน้าที่ต้องดูแลบริหารเศรษฐกิจในยมโลก
ท่านยมบาลจึงต้องประสานงานกับเง็กเซียนให้ดูแลภาวะเศรฐกิจของลูกหลานคนจีนในโลกมนุษย์ ผ่านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสามโลก ที่มี ฮก ลก ซิ่ว เป็นคณะผู้บริหาร ดังจะเห็นได้ว่า คนจีน เป็นผู้กุมอำนาจทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ในโลกมนุษย์ ไงล่ะครับ
แสดงความคิดเห็น
ตอนนี้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในยมโลก แซงหน้าซิมบับเว ไปหรือยังครับ