ชื่อของ "หม่ำ จ๊กมก" หรือชื่อจริงนามสกุลจริงว่า "เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา" ยังรั้งอันดับศิลปินตลกยอดนิยมฉันใด ก็ยังคงมีงานแสดงและงานสร้างภาพยนตร์ออกมาอย่างต่อเนื่องฉันนั้น ถ้าปี 2556 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก เขาอาจจะเป็นนักแสดงประเภทตลกขบขันซึ่งจะมีงานกำกับภาพยนตร์เพื่อออกฉายภายในปีนี้เพียงรายเดียว ขณะที่ โน้ต เชิญยิ้ม, จตุรงค์ มกจ๊ก, โก๊ะตี๋ อารามบอย หรือ เทพ โพธิ์งาม พากันวางมือ หรือยังลังเลไม่ถูกกับงานสร้างหนังของแต่ละราย
สังเกตได้จากตลอด 10 ปีในหน้าที่ผู้กำกับฯ ของหม่ำนั้น ก็ล้วนเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมแทบทั้งนั้น อันรวมถึงงานภาคต่อเช่น "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม" และ "แหยม ยโสธร" ที่สร้างออกมาแล้วอย่างละ 2 ครั้ง เรื่องแรกออกเชิงแอ็คชั่นมันส์สะใจ เรื่องหลังออกเชิงโรแมนติกหวานแหววแบบย้อนยุค แม้ว่าจะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่พอสมควร แต่เขาเองก็เอ่ยปากว่า หลังจากนั้นก็เตรียมจะสร้างภาค 3 แน่ๆ
ปีนี้ดูจะเป็นปีทองของ หม่ำ รวมถึงเพื่อนๆ แก๊งสามช่า เลยก็ว่าได้ นอกจากจะเทคิวแสดงหนังแล้ว ยังมีคิวสำหรับงานโชว์บิสทัวร์ในชื่อ "หม่ำ เท่ง โหน่ง เฟสติว้าว" ที่แฟนๆ จากทุกสารทิศมีโอกาสสัมผัสแก๊งสามช่าแบบยกทีมอย่างใกล้ชิดเป็นจริงเป็นจัง ภายใต้การดูแลของหม่ำ กับ เฮียวินิจ แห่งเฟรชแอร์ฯ ซึ่งพอเบิกโรงที่กรุงเทพฯ แค่รอบเดียวก็มีเสียงชมแกมติติงอยู่ไม่น้อย(จากคนทางนี้ที่ได้สัมผัสในวันนั้นด้วยแหละ..)
นั่นคืองานใหม่ที่ลิ้มลอง แต่เราจะขอกล่าวถึงงานสร้างหนังของหม่ำ ที่ทำให้กับ "สหมงคลฟิล์ม" ยักษ์ใหญ่ผู้โดดเดี่ยวในแง่ปริมาณการสร้างหนังของยุคนี้ โดยในปฏิทินโผหนังที่คาดกำหนดฉายในปี 2556 ของสหมงคลฟิล์ม ปรากฏว่ามีชื่อเรื่อง "แหยม ยโสธร 3" อยู่ในนั้น
..โดยไร้วี่ไร้แววของ "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 3"
เพราะ "แหยม ยโสธร" ห่างหายจากจอเงินไปถึง 4 ปี ส่วน "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม" ห่างนานถึง 6 ปี ทั้งที่เริ่มก่อนจนวันนี้มีอายุงานจะครบ 10 ปีแล้วสิ.. ก็มีความเป็นไปได้ที่คนส่วนใหญ่อยากจะดู บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม มากกว่า แหยม ยโสธร
แฟนๆ ที่ยังชื่นชอบหนังของเขาอาจจะเกิดสงสัยว่า จริงหรือที่ปีนี้ต้อง แหยม ยโสธร? หรือ ทำไมสหมงคลฟิล์มถึงอนุมัติให้สร้างภาค 3 ของ แหยม ยโสธร ก่อน?
ถ้าเราตอบแทนเสี่ยเจียง เอ๊ย..เดาได้ถึงจุดเด่น สำหรับเรื่องบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม คงทำให้ผู้คนจดจำกับบทบาทที่ท้าทายของหม่ำ จ๊กมก ที่มีเซอร์ไพรส์ตลอดเรื่อง ด้วยบรรดาแขกรับเชิญที่มาอย่างจัดเต็ม กับเรื่องราวที่ทันต่อสถานการณ์ แถมมีการแย่งซีนหยอกล้อตอนท้ายเรื่อง ที่มี โหน่ง ชะชะช่า มาช่วยต่อเติมช่วยให้หนัง--เป็นเรื่องจริง ทั้งสองภาคที่ผ่านมา ซึ่งดูแล้วสนุกเร้าใจยิ่งกว่าในความเห็นของคนที่ชื่นชอบเรื่องนี้
ขณะที่ แหยม ยโสธร นั้นเรียกมนต์เสน่ห์ของตัวเองได้มากกว่า ขายชื่อเสียงได้ถนัดกว่า เพราะแค่คำว่า ยโสธร ก็รู้แล้ว อีกด้วยเพลงประกอบอย่าง "กลับมาทำไม" ที่ยังก้องหูจนถูกนำไปร้องต่อกันอย่างมากมาย จนคิดว่านักร้องต้นฉบับคือพี่หม่ำไปแล้ว(ทั้งที่เป็นเพลงที่แต่งและเผยแพร่มากว่า 30 ปีแล้ว) ก็น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะได้ทำ แหยม ยโสธร ในภาค 3 ถ้าเขาไม่มีความคิดสำหรับบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ภาค 3
จริงหรือไม่ แต่ถ้าจริงนั่นหมายความว่า ในปีนี้เราอาจจะได้ชม หม่ำ จ๊กมก ในฐานะพระเอกควบผู้กำกับฯ ในเรื่องเก่าเล่าต่อเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือ แหยม ยโสธร ที่รู้สึกว่าเขากำลังเตรียมเนื้อเตรียมตัวจะเปิดกล้องถ่ายทำกันแล้ว
ก็คงต้องรอกันต่อไปกับหนังที่คอบู๊กึ่งตลกรอคอยอย่าง "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม" ... หรือจนกว่าหม่ำจะแถลงว่าขอปิดตัวที่ภาคสอง ถ้าทำภาค 3 ไม่ไหว แบบเรื่อง หลวงพี่เท่ง ที่ไม่มีวี่แววจะทำต่อ หรือแบบบุญชู ที่ต้องปิดตัวหลังจากการสูญเสียเจ้าของเรื่อง
หวังว่าใครที่รัก แหยม ยโสธร มากกว่า คงจะได้เฮกับภาค 3 4 5 และต่อๆ ไป โดยไม่สนคนหน้าเหลี่ยม /เอาใจช่วยแล้วกัน ไม่ว่าผลเป็นเช่นไร
หม่ำจะสร้าง "แหยม ยโสธร 3" เร็วๆ นี้ จริงหรือ ?
สังเกตได้จากตลอด 10 ปีในหน้าที่ผู้กำกับฯ ของหม่ำนั้น ก็ล้วนเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมแทบทั้งนั้น อันรวมถึงงานภาคต่อเช่น "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม" และ "แหยม ยโสธร" ที่สร้างออกมาแล้วอย่างละ 2 ครั้ง เรื่องแรกออกเชิงแอ็คชั่นมันส์สะใจ เรื่องหลังออกเชิงโรแมนติกหวานแหววแบบย้อนยุค แม้ว่าจะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่พอสมควร แต่เขาเองก็เอ่ยปากว่า หลังจากนั้นก็เตรียมจะสร้างภาค 3 แน่ๆ
ปีนี้ดูจะเป็นปีทองของ หม่ำ รวมถึงเพื่อนๆ แก๊งสามช่า เลยก็ว่าได้ นอกจากจะเทคิวแสดงหนังแล้ว ยังมีคิวสำหรับงานโชว์บิสทัวร์ในชื่อ "หม่ำ เท่ง โหน่ง เฟสติว้าว" ที่แฟนๆ จากทุกสารทิศมีโอกาสสัมผัสแก๊งสามช่าแบบยกทีมอย่างใกล้ชิดเป็นจริงเป็นจัง ภายใต้การดูแลของหม่ำ กับ เฮียวินิจ แห่งเฟรชแอร์ฯ ซึ่งพอเบิกโรงที่กรุงเทพฯ แค่รอบเดียวก็มีเสียงชมแกมติติงอยู่ไม่น้อย(จากคนทางนี้ที่ได้สัมผัสในวันนั้นด้วยแหละ..)
นั่นคืองานใหม่ที่ลิ้มลอง แต่เราจะขอกล่าวถึงงานสร้างหนังของหม่ำ ที่ทำให้กับ "สหมงคลฟิล์ม" ยักษ์ใหญ่ผู้โดดเดี่ยวในแง่ปริมาณการสร้างหนังของยุคนี้ โดยในปฏิทินโผหนังที่คาดกำหนดฉายในปี 2556 ของสหมงคลฟิล์ม ปรากฏว่ามีชื่อเรื่อง "แหยม ยโสธร 3" อยู่ในนั้น
..โดยไร้วี่ไร้แววของ "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 3"
เพราะ "แหยม ยโสธร" ห่างหายจากจอเงินไปถึง 4 ปี ส่วน "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม" ห่างนานถึง 6 ปี ทั้งที่เริ่มก่อนจนวันนี้มีอายุงานจะครบ 10 ปีแล้วสิ.. ก็มีความเป็นไปได้ที่คนส่วนใหญ่อยากจะดู บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม มากกว่า แหยม ยโสธร
แฟนๆ ที่ยังชื่นชอบหนังของเขาอาจจะเกิดสงสัยว่า จริงหรือที่ปีนี้ต้อง แหยม ยโสธร? หรือ ทำไมสหมงคลฟิล์มถึงอนุมัติให้สร้างภาค 3 ของ แหยม ยโสธร ก่อน?
ถ้าเราตอบแทนเสี่ยเจียง เอ๊ย..เดาได้ถึงจุดเด่น สำหรับเรื่องบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม คงทำให้ผู้คนจดจำกับบทบาทที่ท้าทายของหม่ำ จ๊กมก ที่มีเซอร์ไพรส์ตลอดเรื่อง ด้วยบรรดาแขกรับเชิญที่มาอย่างจัดเต็ม กับเรื่องราวที่ทันต่อสถานการณ์ แถมมีการแย่งซีนหยอกล้อตอนท้ายเรื่อง ที่มี โหน่ง ชะชะช่า มาช่วยต่อเติมช่วยให้หนัง--เป็นเรื่องจริง ทั้งสองภาคที่ผ่านมา ซึ่งดูแล้วสนุกเร้าใจยิ่งกว่าในความเห็นของคนที่ชื่นชอบเรื่องนี้
ขณะที่ แหยม ยโสธร นั้นเรียกมนต์เสน่ห์ของตัวเองได้มากกว่า ขายชื่อเสียงได้ถนัดกว่า เพราะแค่คำว่า ยโสธร ก็รู้แล้ว อีกด้วยเพลงประกอบอย่าง "กลับมาทำไม" ที่ยังก้องหูจนถูกนำไปร้องต่อกันอย่างมากมาย จนคิดว่านักร้องต้นฉบับคือพี่หม่ำไปแล้ว(ทั้งที่เป็นเพลงที่แต่งและเผยแพร่มากว่า 30 ปีแล้ว) ก็น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะได้ทำ แหยม ยโสธร ในภาค 3 ถ้าเขาไม่มีความคิดสำหรับบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ภาค 3
จริงหรือไม่ แต่ถ้าจริงนั่นหมายความว่า ในปีนี้เราอาจจะได้ชม หม่ำ จ๊กมก ในฐานะพระเอกควบผู้กำกับฯ ในเรื่องเก่าเล่าต่อเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือ แหยม ยโสธร ที่รู้สึกว่าเขากำลังเตรียมเนื้อเตรียมตัวจะเปิดกล้องถ่ายทำกันแล้ว
ก็คงต้องรอกันต่อไปกับหนังที่คอบู๊กึ่งตลกรอคอยอย่าง "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม" ... หรือจนกว่าหม่ำจะแถลงว่าขอปิดตัวที่ภาคสอง ถ้าทำภาค 3 ไม่ไหว แบบเรื่อง หลวงพี่เท่ง ที่ไม่มีวี่แววจะทำต่อ หรือแบบบุญชู ที่ต้องปิดตัวหลังจากการสูญเสียเจ้าของเรื่อง
หวังว่าใครที่รัก แหยม ยโสธร มากกว่า คงจะได้เฮกับภาค 3 4 5 และต่อๆ ไป โดยไม่สนคนหน้าเหลี่ยม /เอาใจช่วยแล้วกัน ไม่ว่าผลเป็นเช่นไร