“พรพรหมอลเวง”
บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
บทโทรทัศน์ : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
กำกับการแสดง : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
ผลิต : บ. เวฟมีเดีย
เรื่องย่อ :
บนชั้นธุรกิจที่มืดมิดและเงียบสงบของสายการบินเยอรมัน ในยามที่ผู้โดยสารทุกคนยังหลับสนิท มีเพียงแต่ตันหยง เท่านั้นที่ยังนั่งเหม่อลอยยิ้มคนเดียว ไม่อ่านหนังสือหรือแม้แต่ดูหนัง พนักงานต้อนรับเดินมาดูความเรียบร้อยจึงนั่งลงถามว่าจะเอาอะไรหรือเปล่า แต่ตันหยงก็ไม่รับทั้งเครื่องดื่มหรือของทานเล่นจนพนักงานสงสัย ตันหยงรับว่าเธอตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน เพราะตลอดเวลา 2 ปีที่มุมานะไปเรียนจนจบปริญญาโทฯเธอยังไม่เคยกลับบ้านเลย จากวันนี้ไปเธอจะได้เริ่มต้นชีวิต ความสุข ความหวังกับการแต่งงานกับคนที่เธอรักเสียที พนักงานฟังแล้วยิ้มอดดีใจไปด้วยไม่ได้
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อรับกระเป๋าแล้ว ตันหยง ก็รีบเดินออกมาเพื่อจะพบกับพ่อและแม่แต่ไม่มีวี่แววว่าจะได้เจอใคร ตันหยงจึงโทรศัพท์หาแม่ซึ่งแม่กับพ่อก็ยืนยันว่ามารอรับตันหยงอยู่ ตันหยงพยายามเดินตามหาจนได้ยินเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งถามเธอว่า “ต้องการให้รถไปส่งที่บ้านหรือเปล่า” วินาทีที่ได้ยินแม้จะเรียกจากด้านหลังเธอก็จำได้ว่าเป็น พิราม คู่หมั้นสุดที่รักของเธอนั่นเอง ตันหยง ดีใจมากที่พิรามเซอร์ไพรส์มารับเธอ พิรามเองก็ดีใจที่ผู้หญิงที่เขาเพียรรอมาสองปีกลับมายืนอยู่ตรงหน้า พิรามจะเข้าไปกอดแต่ตันหยงให้ได้อย่างมากก็แค่จับมือ พิรามเองนั้นชินกับความหัวโบราณของตันหยงและครอบครัวแล้ว เพราะเขาเองก็เคยขอไปเยี่ยมเธอในระหว่างเรียน แต่ตันหยงและพ่อแม่ก็เห็นว่าไม่สมควรคนจะว่าเอาได้ พิรามจึงอดทนรอมาด้วยความเข้าใจจนวันนี้ และอีกไม่นานกับการแต่งงานที่จะเริ่มขึ้น ซึ่งเขาก็จะได้ครอบครองตันหยงสุดที่รักทั้งกายและใจ ตันหยงดีใจมาที่พิรามเห็นคุณค่าในตัวเธอ
เมื่อกลับมาบ้าน ตันหยงแกล้งต่อว่าพ่อกับแม่ที่ร่วมมือกับพิรามแกล้งอำเธอ แต่พ่อกับแม่บอกว่ายังไงหลังแต่งงานพิรามก็ต้องดูแลตันหยงแบบนี้อยู่ดี พิรามเองก็รับปากต่อหน้าพ่อกับแม่ตันหยงว่าเขาจะดูแลตันหยงให้ดีอย่างนี้ตลอดไป ตันหยงรู้สึกว่าเธอช่างเป็นผู้หญิงที่ดีและสมบูรณ์แบบจริงๆ ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่นั้นพิรามก็มีโทรศัพท์เข้ามา เขาจึงขอตัวกลับเพราะเป็นสายลูกค้าสำคัญ ตันหยงยังไม่ทันจะหยิบของฝากให้ แต่พิรามก็รีบไปเสียก่อน ตันหยงแอบน้อยใจ แต่พ่อกับแม่บอกว่าให้มองอีกมุมสิ พิรามอุตส่าห์สละเวลางานไปรับตันหยงแล้ว เรื่องของแค่นี้ค่อยให้วันหลังก็ได้ ตันหยงจึงรู้สึกดีขึ้น
ณ บ้านโภควันต์ น้องเมย์ หรือ ด.ญ.เมริน เด็กผู้หญิงวัยห้าขวบ ที่ผลการเรียนในระดับอนุบาล 1 และ 2 ช่างต่างจาก ปรงแก้วและปรงขวัญ สองศรีพี่น้องที่เก่งไปซะหมดทั้งวิชาการ และความสามารถพิเศษทั้งด้านดนตรี และศิลปะ เพราะนอกจากเด็กหญิงทั้งสองจะสอบได้คะแนนสูงติดอันดับแล้ว ปรงแก้วคนพี่ก็ยังสอบเข้าเรียน ป.1 ในโรงเรียนเอกชนที่คัดแต่หัวกะทิ หนำซ้ำปรงขวัญที่อายุเท่ากับน้องเมย์และเรียนชั้นอนุบาล 3 เหมือนกันก็ยังเรียนแบบคะแนนทิ้งห่างอย่างเหนือชั้นอีกด้วย ปรางค์ทิพย์ ผู้เป็นป้าจึงคอยข่มน้องเมย์เพื่อจะพาลไปเหน็บประภัสสรกับเมธี ที่เลี้ยงลูกไม่ถูกทางจนน้องเมย์จะกลายเป็นเด็กโง่ไปแล้ว แม้ต่อหน้าคุณหญิงปรงทอง ประมุขของบ้าน โภควันต์ ปรางค์ทิพย์ก็ยังอดใจเหน็บไม่ได้เพราะปรางค์ทิพย์เห็นแล้วว่า หลังจากจบ อนุบาล 3 น้องเมย์คงสอบเข้าป. 1 ไปเรียนโรงเรียนเดียวกับลูกๆของเธอไม่ได้แน่ๆ เมธี ที่ไม่พอใจปรางค์ทิพย์จึงบอกว่าเขาไม่แคร์ว่าลูกจะเรียนเก่งหรือไม่ แต่ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอ ปรางค์ทิพย์โมโหจึงจี้จุดอ่อนเมธี ว่าเขาคิดแบบนี้ได้สิเพราะเมธีก็ใช้ความดีจนคุณหญิงปรงทองที่ชุบเลี้ยงมาต้องเปิดบริษัทให้โดยไม่ต้องใช้ความเก่งใดๆ นอกจากความดี เมธีโกรธมากแต่ไม่อยากตอบโต้ใดๆเพราะประภัสสรขอไว้ ปฐวี หมอหนุ่มน้าชายของน้องเมย์ และเป็นน้องชายคนเล็กของประภัสสรกับปรางค์ทิพย์ รู้สึกสงสารน้องเมย์จึงชวนน้องเมย์ออกไปเดินเล่นด้วยกัน ยังความไม่พอใจให้กับปรางค์ทิพย์มาก
เมื่อกลับมาที่บ้านของปรางค์ทิพย์ๆก็ดุ ปรงแก้วกับปรงขวัญที่ไม่รู้ประจบเอาใจ ปฐวี ให้มากๆ เสกสรรที่เพิ่งกลับเข้าบ้านจึงโดนหางเลขไปด้วย เพราะเสกสรรเองก็ไม่ค่อยประจบเอาใจปรงทอง เมื่อทุกคนไม่พร้อมใจแบบนี้อีกหน่อยสมบัติก็คงตกไปอยู่กับประภัสสรและปฐวีมากที่สุด อย่างน้อยตอนนี้ปฐวีก็ได้เป็นผู้จัดการมรดก พร้อมๆกับดูแลโรงพยาบาลไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปพวกอาคารสำนักงานให้เช่าแถวสาธร รวมกับทรัพย์สินอื่นๆก็คงตกเป็นของประภัสสรมากกว่าของเธอ เสกสรรเห็นภรรยาหงุดหงิดจึงพยายามเอาใจสารพัดจนปรางค์ทิพย์ค่อยดีใจ อย่างน้อยเสกสรรก็อยู่ในโอวาทเธอและไม่เหมือนเมธี
เมธีกับประภัสสรยืนดูน้องเมย์นั่งคุยกับปฐวี ประภัสสรกลุ้มใจที่น้องเมย์เรียนไม่เก่ง เมธีไม่เห็นด้วยที่ประภัสสรจะบังคับให้น้องเมย์เรียนหนังสือเพื่อแข่งขันกับคนอื่น ประภัสสรน้อยใจจึงออกปากบ่นว่า เมธีเอาแต่ออกนอกบ้านแต่ทิ้งให้เธอต้องอยู่กับลูกสองคน เมื่อไหร่จะเป็นเหมือนเสกสรรบ้าง เมธีกับประภัสสรจึงเถียงกันจนเมธีโกรธ และเดินหนีไปเพราะต้องเตรียมตัวไปดูงานรับเหมาที่ต่างจังหวัด ประภัสสรรู้สึกเศร้าใจที่สามีไม่เคยแคร์ความรู้สึกเธอเลย น้องเมย์พอเห็นพ่อจะออกจากบ้านไปอีกก็วิ่งไปขอร้อง เมธีจึงอธิบายว่าเขาออกไปทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงน้องเมย์ ปฐวีจึงช่วยพูดอีกแรงให้น้องเมย์ยอมให้เมธีไป
เย็นนั้น ปฐวี ต้องไปงานเลี้ยงสังสรรค์ น้องเมย์อยากขอตามไปด้วย แต่ปฐวีไม่สามารถให้ไปด้วยได้จึงสัญญาว่าวันหยุดนี้จะพาไปเที่ยว น้องเมย์ขอเกี่ยวก้อยสัญญาและสั่งห้าน้าชายเบี้ยวนะ เพราะพ่อกับแม่ก็สัญญาแบบนี้กับน้องเมย์ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ไปกันสักที ปฐวี บอกว่าเขาจะไม่ผิดสัญญาแน่นอน น้องเมย์นับวันรอได้เลย น้องเมย์ดีใจมาก
อุ่นเครื่องก่อนละครออนแอร์ : พรพรหมอลเวง ละครหลังข่าววันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3
“พรพรหมอลเวง”
บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
บทโทรทัศน์ : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
กำกับการแสดง : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
ผลิต : บ. เวฟมีเดีย
เรื่องย่อ :
บนชั้นธุรกิจที่มืดมิดและเงียบสงบของสายการบินเยอรมัน ในยามที่ผู้โดยสารทุกคนยังหลับสนิท มีเพียงแต่ตันหยง เท่านั้นที่ยังนั่งเหม่อลอยยิ้มคนเดียว ไม่อ่านหนังสือหรือแม้แต่ดูหนัง พนักงานต้อนรับเดินมาดูความเรียบร้อยจึงนั่งลงถามว่าจะเอาอะไรหรือเปล่า แต่ตันหยงก็ไม่รับทั้งเครื่องดื่มหรือของทานเล่นจนพนักงานสงสัย ตันหยงรับว่าเธอตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน เพราะตลอดเวลา 2 ปีที่มุมานะไปเรียนจนจบปริญญาโทฯเธอยังไม่เคยกลับบ้านเลย จากวันนี้ไปเธอจะได้เริ่มต้นชีวิต ความสุข ความหวังกับการแต่งงานกับคนที่เธอรักเสียที พนักงานฟังแล้วยิ้มอดดีใจไปด้วยไม่ได้
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อรับกระเป๋าแล้ว ตันหยง ก็รีบเดินออกมาเพื่อจะพบกับพ่อและแม่แต่ไม่มีวี่แววว่าจะได้เจอใคร ตันหยงจึงโทรศัพท์หาแม่ซึ่งแม่กับพ่อก็ยืนยันว่ามารอรับตันหยงอยู่ ตันหยงพยายามเดินตามหาจนได้ยินเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งถามเธอว่า “ต้องการให้รถไปส่งที่บ้านหรือเปล่า” วินาทีที่ได้ยินแม้จะเรียกจากด้านหลังเธอก็จำได้ว่าเป็น พิราม คู่หมั้นสุดที่รักของเธอนั่นเอง ตันหยง ดีใจมากที่พิรามเซอร์ไพรส์มารับเธอ พิรามเองก็ดีใจที่ผู้หญิงที่เขาเพียรรอมาสองปีกลับมายืนอยู่ตรงหน้า พิรามจะเข้าไปกอดแต่ตันหยงให้ได้อย่างมากก็แค่จับมือ พิรามเองนั้นชินกับความหัวโบราณของตันหยงและครอบครัวแล้ว เพราะเขาเองก็เคยขอไปเยี่ยมเธอในระหว่างเรียน แต่ตันหยงและพ่อแม่ก็เห็นว่าไม่สมควรคนจะว่าเอาได้ พิรามจึงอดทนรอมาด้วยความเข้าใจจนวันนี้ และอีกไม่นานกับการแต่งงานที่จะเริ่มขึ้น ซึ่งเขาก็จะได้ครอบครองตันหยงสุดที่รักทั้งกายและใจ ตันหยงดีใจมาที่พิรามเห็นคุณค่าในตัวเธอ
เมื่อกลับมาบ้าน ตันหยงแกล้งต่อว่าพ่อกับแม่ที่ร่วมมือกับพิรามแกล้งอำเธอ แต่พ่อกับแม่บอกว่ายังไงหลังแต่งงานพิรามก็ต้องดูแลตันหยงแบบนี้อยู่ดี พิรามเองก็รับปากต่อหน้าพ่อกับแม่ตันหยงว่าเขาจะดูแลตันหยงให้ดีอย่างนี้ตลอดไป ตันหยงรู้สึกว่าเธอช่างเป็นผู้หญิงที่ดีและสมบูรณ์แบบจริงๆ ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่นั้นพิรามก็มีโทรศัพท์เข้ามา เขาจึงขอตัวกลับเพราะเป็นสายลูกค้าสำคัญ ตันหยงยังไม่ทันจะหยิบของฝากให้ แต่พิรามก็รีบไปเสียก่อน ตันหยงแอบน้อยใจ แต่พ่อกับแม่บอกว่าให้มองอีกมุมสิ พิรามอุตส่าห์สละเวลางานไปรับตันหยงแล้ว เรื่องของแค่นี้ค่อยให้วันหลังก็ได้ ตันหยงจึงรู้สึกดีขึ้น
ณ บ้านโภควันต์ น้องเมย์ หรือ ด.ญ.เมริน เด็กผู้หญิงวัยห้าขวบ ที่ผลการเรียนในระดับอนุบาล 1 และ 2 ช่างต่างจาก ปรงแก้วและปรงขวัญ สองศรีพี่น้องที่เก่งไปซะหมดทั้งวิชาการ และความสามารถพิเศษทั้งด้านดนตรี และศิลปะ เพราะนอกจากเด็กหญิงทั้งสองจะสอบได้คะแนนสูงติดอันดับแล้ว ปรงแก้วคนพี่ก็ยังสอบเข้าเรียน ป.1 ในโรงเรียนเอกชนที่คัดแต่หัวกะทิ หนำซ้ำปรงขวัญที่อายุเท่ากับน้องเมย์และเรียนชั้นอนุบาล 3 เหมือนกันก็ยังเรียนแบบคะแนนทิ้งห่างอย่างเหนือชั้นอีกด้วย ปรางค์ทิพย์ ผู้เป็นป้าจึงคอยข่มน้องเมย์เพื่อจะพาลไปเหน็บประภัสสรกับเมธี ที่เลี้ยงลูกไม่ถูกทางจนน้องเมย์จะกลายเป็นเด็กโง่ไปแล้ว แม้ต่อหน้าคุณหญิงปรงทอง ประมุขของบ้าน โภควันต์ ปรางค์ทิพย์ก็ยังอดใจเหน็บไม่ได้เพราะปรางค์ทิพย์เห็นแล้วว่า หลังจากจบ อนุบาล 3 น้องเมย์คงสอบเข้าป. 1 ไปเรียนโรงเรียนเดียวกับลูกๆของเธอไม่ได้แน่ๆ เมธี ที่ไม่พอใจปรางค์ทิพย์จึงบอกว่าเขาไม่แคร์ว่าลูกจะเรียนเก่งหรือไม่ แต่ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอ ปรางค์ทิพย์โมโหจึงจี้จุดอ่อนเมธี ว่าเขาคิดแบบนี้ได้สิเพราะเมธีก็ใช้ความดีจนคุณหญิงปรงทองที่ชุบเลี้ยงมาต้องเปิดบริษัทให้โดยไม่ต้องใช้ความเก่งใดๆ นอกจากความดี เมธีโกรธมากแต่ไม่อยากตอบโต้ใดๆเพราะประภัสสรขอไว้ ปฐวี หมอหนุ่มน้าชายของน้องเมย์ และเป็นน้องชายคนเล็กของประภัสสรกับปรางค์ทิพย์ รู้สึกสงสารน้องเมย์จึงชวนน้องเมย์ออกไปเดินเล่นด้วยกัน ยังความไม่พอใจให้กับปรางค์ทิพย์มาก
เมื่อกลับมาที่บ้านของปรางค์ทิพย์ๆก็ดุ ปรงแก้วกับปรงขวัญที่ไม่รู้ประจบเอาใจ ปฐวี ให้มากๆ เสกสรรที่เพิ่งกลับเข้าบ้านจึงโดนหางเลขไปด้วย เพราะเสกสรรเองก็ไม่ค่อยประจบเอาใจปรงทอง เมื่อทุกคนไม่พร้อมใจแบบนี้อีกหน่อยสมบัติก็คงตกไปอยู่กับประภัสสรและปฐวีมากที่สุด อย่างน้อยตอนนี้ปฐวีก็ได้เป็นผู้จัดการมรดก พร้อมๆกับดูแลโรงพยาบาลไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปพวกอาคารสำนักงานให้เช่าแถวสาธร รวมกับทรัพย์สินอื่นๆก็คงตกเป็นของประภัสสรมากกว่าของเธอ เสกสรรเห็นภรรยาหงุดหงิดจึงพยายามเอาใจสารพัดจนปรางค์ทิพย์ค่อยดีใจ อย่างน้อยเสกสรรก็อยู่ในโอวาทเธอและไม่เหมือนเมธี
เมธีกับประภัสสรยืนดูน้องเมย์นั่งคุยกับปฐวี ประภัสสรกลุ้มใจที่น้องเมย์เรียนไม่เก่ง เมธีไม่เห็นด้วยที่ประภัสสรจะบังคับให้น้องเมย์เรียนหนังสือเพื่อแข่งขันกับคนอื่น ประภัสสรน้อยใจจึงออกปากบ่นว่า เมธีเอาแต่ออกนอกบ้านแต่ทิ้งให้เธอต้องอยู่กับลูกสองคน เมื่อไหร่จะเป็นเหมือนเสกสรรบ้าง เมธีกับประภัสสรจึงเถียงกันจนเมธีโกรธ และเดินหนีไปเพราะต้องเตรียมตัวไปดูงานรับเหมาที่ต่างจังหวัด ประภัสสรรู้สึกเศร้าใจที่สามีไม่เคยแคร์ความรู้สึกเธอเลย น้องเมย์พอเห็นพ่อจะออกจากบ้านไปอีกก็วิ่งไปขอร้อง เมธีจึงอธิบายว่าเขาออกไปทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงน้องเมย์ ปฐวีจึงช่วยพูดอีกแรงให้น้องเมย์ยอมให้เมธีไป
เย็นนั้น ปฐวี ต้องไปงานเลี้ยงสังสรรค์ น้องเมย์อยากขอตามไปด้วย แต่ปฐวีไม่สามารถให้ไปด้วยได้จึงสัญญาว่าวันหยุดนี้จะพาไปเที่ยว น้องเมย์ขอเกี่ยวก้อยสัญญาและสั่งห้าน้าชายเบี้ยวนะ เพราะพ่อกับแม่ก็สัญญาแบบนี้กับน้องเมย์ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ไปกันสักที ปฐวี บอกว่าเขาจะไม่ผิดสัญญาแน่นอน น้องเมย์นับวันรอได้เลย น้องเมย์ดีใจมาก