'ประยุทธ์' เตรียมเสนอเรียนรด.ต้องเกณฑ์ทหาร ต้องตัดผมเกรียน ชมหญิงไทยเรียนแล้วเก่ง-เข้มแข็ง ผบ.นรด.ขานรับแนวคิดผบ.ทบ. เล็งให้รับใช้ชาติ3-6เดือน
4ก.ย.2556 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานวันสถาปนา รด.ครบรอบ 65 ปี ว่า หลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหารต้องปรับปรุงให้ทันต่อสถานการณ์ และให้ทันต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ โดยให้ช่วยเหลือการปฏิบัติการทางทหารเป็นหลัก ดังนั้นต้องปลูกฝังให้เยาวชน โดยเฉพาะนักศึกษาวิชาทหารให้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนส่วนราชการต่าง ๆ นอกจากนี้ อยากให้เรียนรู้ถึงภัยคุกคามที่มากมายทุกประเทศในโลกทั้งปัญหายาเสพติด แรงงานต่างด้าว เพื่อทำให้ประเทศชาติมีความเข้มแข็งขึ้น ประเด็นสำคัญ คือ จะทำอย่างไรให้มีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการดูแลประเทศชาติให้มากขึ้น ทั้งนี้ ปัญหาของนักศึกษาวิชาทหาร คือ สัดส่วนในการเกณฑ์ทหารในแต่ละปี เรามีความต้องการทหาร 8 หมื่น โดยมีคนเข้ามาเกณฑ์ในระบบมากกว่า 3 เท่า ดังนั้น ถ้ามีคนเรียนนักศึกษาวิชาทหารมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้สัดส่วนคนเข้ามาเกณฑ์มีจำนวนลดลง และอาจจะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลว่า ให้เพิ่มอัตรานักศึกษาวิชาทหารในแต่ละปี ดังนั้นต้องมองต่อไปว่า จะทำอย่างไรต่อไป
“ต่อไปผมอาจเสนอว่า ถ้าคนอยากเรียนนักศึกษาวิชาทหารจริง ๆ ก็เรียนได้ แต่เมื่อถึงเวลาตรวจเลือกทหารจะต้องมาตรวจเลือกด้วย อยากจะดูว่า คนจะมาเรียน รด.มากเหมือนเดิมหรือไม่ ทั้งนี้ หากมีนักศึกษาวิชาทหารเรียนให้มากขึ้นต้องเพิ่มครู และสถานที่ ซึ่งต้องชมเชย รด.หญิง ที่สมัครเข้ามาเรียนทั้งที่ไม่ได้รับสิทธิอะไรทั้งสิ้น ผู้หญิงไทยเก่งเข้มแข็งดี ส่วนกฎหมายที่ห้ามเยาวชนต่ำว่า 18 ปี ถืออาวุธนั้น เราแก้ปัญหาโดยให้เรียนแค่อาวุธศึกษา ไม่ต้องฝึกยิงปืน ซึ่งเราจะไม่ขัดกฎหมายอื่น ส่วนเรื่องทรงผมนักเรียนที่กระทรวงศึกษาธิการอนุญาตให้นักเรียนไว้ผมยาวได้นั้น แต่ในส่วนของนักศึกษาวิชาทหาร ต้องมีกติกา ดังนั้น ผมขอเถอะ เมี่อทุกคนแต่งเครื่องแบบทหารจึงควรจะไว้ผมสั้นเสียหน่อย มิเช่นนั้นจะแยกแยะไม่ออกระหว่างทหารกับพลเรือน ถ้าผม และหนวดยาวจะดูไม่เรียบร้อย”ผบ.ทบ.กล่าว
ผบ.นรด.ขานรับแนวคิดผบ.ทบ.เล็งให้รับใช้ชาติ3-6เดือน
พล.ท.วิชิต ศรีประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) กล่าวถึงแนวความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า เป็นแนวคิดที่ดี ซึ่งกองทัพมีแนวคิดเรื่องนี้มานานแล้วว่า ทุกคนที่เรียนจบหลักสูตรควรเข้ามารับการฝึกประมาณ 3 - 6 เดือน เพื่อเพิ่มพูนจิตวิญญาณการรักชาติ ซึ่งเป็นเพียงการขยายแนวความคิดเท่านั้น คงต้องไปศึกษากันในรายละเอียดว่า จะทำกันอย่างไรต่อไป ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ การเพิ่มยอดของนศ.วิชาทหาร เพราะขณะนี้ผู้ที่เข้ารับการฝึก คือ ผู้ที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนต่าง ๆ จึงเกิดคำถามว่า หากมีการตรวจเลือกทหาร ผู้ที่ไม่ได้เข้าเรียนตามสถานศึกษาต่าง ๆ ก็จะต้องเข้ามาเป็นทหาร และคนส่วนใหญ่ที่จะถูกเกณฑ์เข้ามาจะเป็นคนที่ไม่รู้หนังสือ หรือเป็นพวกที่มีการ ศึกษาน้อย ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาความแตกต่างทางสังคมชัดเจน
“ทาง นรด. จึงต้องจำกัดยอด นศ.วิชาทหารไว้ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำจนเกินไป โดยขณะนี้อัตราส่วนของชายไทยที่เข้ารับการตรวจเลือกแล้วต้องเป็นทหารเกณฑ์ลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้มีอัตราส่วนอยู่ที่ 2.3 คน ต่อการเป็นทหารเกณฑ์ 1 คน ดังนั้นหากเราเพิ่มยอด นศ.วิชาทหารมากเท่าไรจะทำให้อัตราส่วนลดลงไปอีก ตรงนี้เป็นสัดส่วนสำคัญที่ทางกองทัพมีการพูดคุยกันมาก ที่สำคัญจะทำให้เกิดความรู้สึกต่อคนในระดับรากหญ้า ดังนั้นทางกองทัพกำลังมองถึงความยุติธรรม คือ ทุกคนรักชาติต้องรับใช้ชาติ แต่ในเรื่องการเกณฑ์ทหารต้องมีความยุติธรรมเหมือนกัน ไม่ใช่กลายเป็นว่า คนจนต้องเป็นทหาร ถ้าเป็นอย่างนั้นจะดูไม่ดี เพราะคนจนยังจำเป็นต้องทำงาน เพื่อครอบครัว แต่มีโอกาสที่จะได้จับใบดำใบแดงมาก ดังนั้นคนที่อยู่ในสังคมชั้นกลางและสังคมชั้นสูงควรจะมีโอกาสเป็นทหารด้วย เหมือนกัน เพื่อให้มีความเท่าเทียมกัน”ผบ.นรด.กล่าว
พล.ท.วิชิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนพยายามจำกัดอายุของผู้ที่เข้ารับการเรียนหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร ให้มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เพราะหากนำเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปีมาฝึกจะเป็นการเพิ่มความรับผิดชอบของกองทัพอย่างมาก อย่างไรก็ตามทาง นรด.ไม่สามารถฝึกนศ.วิชาทหารได้อย่าง 100 %อยู่แล้ว เพราะทาง นรด.ต้องรับผิดชอบนศ.ทั้งหมดว่า ห้ามบาดเจ็บ ห้ามเสียชีวิต
รายงาน ข่าวจากนรด.แจ้งว่า ปัจจุบันมีนศ.วิชาทหารที่ศึกษาระหว่างชั้นปีที่ 1 - 5 รวมทั่วประเทศจำนวน 3 แสนคน โดยในชั้นปีที่ 4 - 5 จะมีนศ.วิชาทหารหญิงด้วย ทั้งนี้นรด.ได้กำหนดจำนวนผู้เข้ารับการเรียนหลักสูตรไม่เกินปีละ 1 แสนคน ซึ่งจากการหารือในรายละเอียด คาดว่า ต่อไปนศ.วิชาทหารอาจจะต้องเข้ารับการตรวจเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการ แต่จะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนระยะเวลาในการรับราชการทหารแทน โดยอาจจะต้องเข้ามารับการฝึกประมาณ 3-6 เดือน
คมชัดลึก
ผบ.ทบ. เตรียมเสนอ เรียน รด. ต้องเกณฑ์ทหาร
4ก.ย.2556 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานวันสถาปนา รด.ครบรอบ 65 ปี ว่า หลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหารต้องปรับปรุงให้ทันต่อสถานการณ์ และให้ทันต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ โดยให้ช่วยเหลือการปฏิบัติการทางทหารเป็นหลัก ดังนั้นต้องปลูกฝังให้เยาวชน โดยเฉพาะนักศึกษาวิชาทหารให้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนส่วนราชการต่าง ๆ นอกจากนี้ อยากให้เรียนรู้ถึงภัยคุกคามที่มากมายทุกประเทศในโลกทั้งปัญหายาเสพติด แรงงานต่างด้าว เพื่อทำให้ประเทศชาติมีความเข้มแข็งขึ้น ประเด็นสำคัญ คือ จะทำอย่างไรให้มีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการดูแลประเทศชาติให้มากขึ้น ทั้งนี้ ปัญหาของนักศึกษาวิชาทหาร คือ สัดส่วนในการเกณฑ์ทหารในแต่ละปี เรามีความต้องการทหาร 8 หมื่น โดยมีคนเข้ามาเกณฑ์ในระบบมากกว่า 3 เท่า ดังนั้น ถ้ามีคนเรียนนักศึกษาวิชาทหารมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้สัดส่วนคนเข้ามาเกณฑ์มีจำนวนลดลง และอาจจะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลว่า ให้เพิ่มอัตรานักศึกษาวิชาทหารในแต่ละปี ดังนั้นต้องมองต่อไปว่า จะทำอย่างไรต่อไป
“ต่อไปผมอาจเสนอว่า ถ้าคนอยากเรียนนักศึกษาวิชาทหารจริง ๆ ก็เรียนได้ แต่เมื่อถึงเวลาตรวจเลือกทหารจะต้องมาตรวจเลือกด้วย อยากจะดูว่า คนจะมาเรียน รด.มากเหมือนเดิมหรือไม่ ทั้งนี้ หากมีนักศึกษาวิชาทหารเรียนให้มากขึ้นต้องเพิ่มครู และสถานที่ ซึ่งต้องชมเชย รด.หญิง ที่สมัครเข้ามาเรียนทั้งที่ไม่ได้รับสิทธิอะไรทั้งสิ้น ผู้หญิงไทยเก่งเข้มแข็งดี ส่วนกฎหมายที่ห้ามเยาวชนต่ำว่า 18 ปี ถืออาวุธนั้น เราแก้ปัญหาโดยให้เรียนแค่อาวุธศึกษา ไม่ต้องฝึกยิงปืน ซึ่งเราจะไม่ขัดกฎหมายอื่น ส่วนเรื่องทรงผมนักเรียนที่กระทรวงศึกษาธิการอนุญาตให้นักเรียนไว้ผมยาวได้นั้น แต่ในส่วนของนักศึกษาวิชาทหาร ต้องมีกติกา ดังนั้น ผมขอเถอะ เมี่อทุกคนแต่งเครื่องแบบทหารจึงควรจะไว้ผมสั้นเสียหน่อย มิเช่นนั้นจะแยกแยะไม่ออกระหว่างทหารกับพลเรือน ถ้าผม และหนวดยาวจะดูไม่เรียบร้อย”ผบ.ทบ.กล่าว
ผบ.นรด.ขานรับแนวคิดผบ.ทบ.เล็งให้รับใช้ชาติ3-6เดือน
พล.ท.วิชิต ศรีประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) กล่าวถึงแนวความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า เป็นแนวคิดที่ดี ซึ่งกองทัพมีแนวคิดเรื่องนี้มานานแล้วว่า ทุกคนที่เรียนจบหลักสูตรควรเข้ามารับการฝึกประมาณ 3 - 6 เดือน เพื่อเพิ่มพูนจิตวิญญาณการรักชาติ ซึ่งเป็นเพียงการขยายแนวความคิดเท่านั้น คงต้องไปศึกษากันในรายละเอียดว่า จะทำกันอย่างไรต่อไป ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ การเพิ่มยอดของนศ.วิชาทหาร เพราะขณะนี้ผู้ที่เข้ารับการฝึก คือ ผู้ที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนต่าง ๆ จึงเกิดคำถามว่า หากมีการตรวจเลือกทหาร ผู้ที่ไม่ได้เข้าเรียนตามสถานศึกษาต่าง ๆ ก็จะต้องเข้ามาเป็นทหาร และคนส่วนใหญ่ที่จะถูกเกณฑ์เข้ามาจะเป็นคนที่ไม่รู้หนังสือ หรือเป็นพวกที่มีการ ศึกษาน้อย ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาความแตกต่างทางสังคมชัดเจน
“ทาง นรด. จึงต้องจำกัดยอด นศ.วิชาทหารไว้ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำจนเกินไป โดยขณะนี้อัตราส่วนของชายไทยที่เข้ารับการตรวจเลือกแล้วต้องเป็นทหารเกณฑ์ลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้มีอัตราส่วนอยู่ที่ 2.3 คน ต่อการเป็นทหารเกณฑ์ 1 คน ดังนั้นหากเราเพิ่มยอด นศ.วิชาทหารมากเท่าไรจะทำให้อัตราส่วนลดลงไปอีก ตรงนี้เป็นสัดส่วนสำคัญที่ทางกองทัพมีการพูดคุยกันมาก ที่สำคัญจะทำให้เกิดความรู้สึกต่อคนในระดับรากหญ้า ดังนั้นทางกองทัพกำลังมองถึงความยุติธรรม คือ ทุกคนรักชาติต้องรับใช้ชาติ แต่ในเรื่องการเกณฑ์ทหารต้องมีความยุติธรรมเหมือนกัน ไม่ใช่กลายเป็นว่า คนจนต้องเป็นทหาร ถ้าเป็นอย่างนั้นจะดูไม่ดี เพราะคนจนยังจำเป็นต้องทำงาน เพื่อครอบครัว แต่มีโอกาสที่จะได้จับใบดำใบแดงมาก ดังนั้นคนที่อยู่ในสังคมชั้นกลางและสังคมชั้นสูงควรจะมีโอกาสเป็นทหารด้วย เหมือนกัน เพื่อให้มีความเท่าเทียมกัน”ผบ.นรด.กล่าว
พล.ท.วิชิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนพยายามจำกัดอายุของผู้ที่เข้ารับการเรียนหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร ให้มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เพราะหากนำเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปีมาฝึกจะเป็นการเพิ่มความรับผิดชอบของกองทัพอย่างมาก อย่างไรก็ตามทาง นรด.ไม่สามารถฝึกนศ.วิชาทหารได้อย่าง 100 %อยู่แล้ว เพราะทาง นรด.ต้องรับผิดชอบนศ.ทั้งหมดว่า ห้ามบาดเจ็บ ห้ามเสียชีวิต
รายงาน ข่าวจากนรด.แจ้งว่า ปัจจุบันมีนศ.วิชาทหารที่ศึกษาระหว่างชั้นปีที่ 1 - 5 รวมทั่วประเทศจำนวน 3 แสนคน โดยในชั้นปีที่ 4 - 5 จะมีนศ.วิชาทหารหญิงด้วย ทั้งนี้นรด.ได้กำหนดจำนวนผู้เข้ารับการเรียนหลักสูตรไม่เกินปีละ 1 แสนคน ซึ่งจากการหารือในรายละเอียด คาดว่า ต่อไปนศ.วิชาทหารอาจจะต้องเข้ารับการตรวจเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการ แต่จะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนระยะเวลาในการรับราชการทหารแทน โดยอาจจะต้องเข้ามารับการฝึกประมาณ 3-6 เดือน
คมชัดลึก