.
.
.
.
พื้นฐาน  , นิสัยส่วนตัว.................. " ผมไม่เชื่อศาสตร์..ซินแส..เรื่องราวเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง "..( ฟ้า กะ เหว )
.
ชนิดที่ว่าหากมีซินแสมายืนติแบบผมต่อหน้ามีสิทธิ์ถูก  teep ได้... ( เป็นความเชื่อส่วนตัวอย่างรุนแรงที่จะไม่เชื่อ ? )
.
แต่โดยพื้นฐานทางอาชีพผมต้องหาอ่านเอาไว้บ้าง  ฟังไ้ว้บ้าง  เพราะมันต้องใช้นำเสนองานลูกค้าบางท่านที่เชื่อพวกนี้
.
แต่หากผมเจอลูกค้ากลุ่มนี้จะต้องบอกโจทย์ผมก่อนว่าไม่เอาแบบนี้.. นี่ ๆๆๆๆๆๆๆ  เพราะขัดความเชื่อ
.
นั่นก็ถือว่าเป็นความต้องการของลูกค้าคือ  เจ้าของบ้าน ...
.
ในวิชาชีพมันสามารถออกแบบได้อยู่แล้วที่จะไม่ให้เป็นแบบนั้น ๆ  ก็เท่านั้นเอง
.
แต่ผมจะเหวี่ยงสุด ๆ และรับบ่ได้เลยคือ  เมื่อแบบออกมาเสร็จแล้วมีซินแสหรือไผมาแก้แบบเพราะความเชื่อ
.
ความหมายที่ผมเขียน คือ... " จะเชื่อถือ.... เอาหรือไม่เอาแบบไหน..ให้บอกก่อนเขียนมาเป็นข้อ ๆ ไปเลย "
.
ถ้าเป็นแบบนี้ผมไม่มีปัญหาวิชาชีพการออกแบบก็เพียงไม่ทำสิ่งที่เจ้าของบ้านไม่ต้องการก็จบ
.
แต่ในทางวิชาชีพการออกแบบและรายละเอียดอื่น ๆ มันจะต้องเอามาแชร์กันด้วยในความเป็นจริง
.
เช่น.. งบประมาณรวมของลูกค้าแต่ละท่านว่ามีพอหรือไม่ที่จะรองรับความเชื่อนั้นๆ
.
ไหนจะเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่าง ๆ ของบ้าน  เช่น ห้องนั้นจะไปห้องนี้ห้องนี้อยู่ติดกับห้องนั้น
.
หมายความว่า..หากเอาศาตร์ + ความเชื่อมาใส่บ้านทั้งหลัง.. ทำได้ไหม...ได้ครับ..แต่งบประมาณมีพอหรือไม่ ???
.
.
.
.
เข้ามาจุดที่ จขกท ฟังมาตรงนี้บ้านของ จขกท เอง หากทำตามแบบที่ยังบ่ได้แก้เเล้วจะกังวลใจอาจจะคาใจติดใจไปตลอด
.
ตรงนี้บ่ว่ากัน... นอนบ้านใหม่แต่นอนทีไรต้องนึกย้อนคำทักนั้นมันก็บ่แม่นบ้านแล้ว  แม่นบ่ ?
.
จขกท ครับ... เบื้องต้นฝากว่าให้  จขกท  เชื่อใครฟังใครคนใดคนหนึ่งไปเลยคนเดียว จะแก้ไขอะไรให้ฟังคนเดียว
.
ไม่อย่างนั้นวันนี้ ซินแสใส่ชุดขาวว่างี้..พรุ่งนี้หมอดูเสื้อเขียวว่างั้น... ตายพอดีครับแก้กันบ่รู้จบ
.
.
.
.
ที่ผมฟังมา .. อันนี้สมควรจะเชื่อหรือไม่เป็นวิจารณญาณส่วนบุคคลนะครับ... ย้ำว่า..ฟังมาไว้แย้งลูกค้า..เพื่อให้จบ
.
สมมุติว่าห้องนอนที่ว่าเป็นห้องนอนพ่อแม่ซึ่งทางหนึ่งของความเชื่อว่ากันว่าคือประธานของบ้าน
.
ห้องนอนนั้นไปอยู่เหนือห้องรับแขกนั่นก็แย่อีก.. " เขาว่ามาว่าห้องรับแขกคือการเคลื่อนไหวมีคนเข้าๆออกๆ " ..
.
ทั้งๆ ที่เราเดาออกกันใช่ไหมครับว่าการกั้นห้องแทนที่จอดรถของ จขกท ก็ อาจตอบกลับคำทักนั้นได้แล้วคือมีห้องรองรับ
.
มันอาจเป็นรากฐานมั่นคงรองรับห้องนอนก็ว่ากัน ( ผมก็โยงไปตอบจนได้เหมือนกันหละ...นะ )
.
แต่หากห้องนั้น  จขกท  ไปใช้เป็นห้องรับแขกแล้ววมีคนทักเหมือนผมทักอีกหละครับ   เราก็ต้องเตรียมการแก้ไขไว้อีกทาง
.
ซึ่งมันจะบ่จบซักกะที   นี่คือที่เน้นว่าจะฟังใครจะเชื่อใครบ่ว่ากันแต่เอาแน่ๆ ซักทาง..จะจีนก็จีน..จะไทยก็ไทย..ฤ จะเกาหลี
.
.
.
.
วนกลับไปทางศาสตร์อาชีพพวกผมบ้าง..คือ  " สถาปัตยกรรมศาสตร ์ "
.
ในแบบ  จขกท เอาใต้ถุนเป็นที่จอดรถ  นั่นเท่ากับว่า จขกท ไม่ต้องไปสร้างที่จอดรถอีก 1 หลัง
.
หรือ ไม่ต้องต่อปีกอาคารเพื่อทำหลังคาคลุมที่จอดรถ
.
( การต่อปีกงอกๆ เงยๆ เวลามองลงมาจากฟ้ารอบบ้านบ้านเป็นเว้าๆ แหว่ง ๆ อาจโดนความเชื่ออีกข้อ.. หนักเข้าไปอีก )
.
คราวนี้ งบประมาณารก่อสร้างก็จะต้องเพิ่มขึ้น คือ การต้องสร้างที่จอดรถเพิ่ม...แม่นบ่หละ
.
แล้ว จขกท รับงบประมาณตรงนี้ได้หรือไม่  อย่างไร  ไหนจะทางสัญจระหว่างโรงรถกับบ้านอีก..ต้องวิ่งผ่านฝนไหม ?
.
อ่ะ  ความเชื่อ / ซินแสอีกข้อนึงทางนึง... ที่จอดรถไม่ควรติดกับตัวบ้านควรแยกออกมา  ย้ำว่าบางความเชื่อนะครับ
.
ความเชื่อนั้นจะต้องตอบโจทย์ทางสถาปัตยกรรมศาสตร์...เศรษฐศาสตร์ด้วยนะครับว่าเรามีงบประมาณพอไหม
.
เพราะการสร้างโรงรถ  อาคารจอดรถ มันก็คือการแยกโครงสร้างไปสร้างบ้านให้รถอยู่ดีๆ นี่เอง  แม่นบ่หละ
.
.
.
.
เชืื่่ออะไร....ฟังใคร.. บ่ว่ากัน ชีวิตของเรา..เท้าเรา..teen เราเดินเอง...และต้องหาเงินเอง
.
แต่ฝากว่าให้เชื่อหรือฟังให้จบเป็นคน ๆ ไป.. แล้วก็ต้องมาคิดในแง่ของสถาปัตยกรรมศาสตร์..เศรษฐศาสตร์ด้วยนะครับ
.
.
.