วัดฝีมือด้วยนโยบาย Bike Lanes เรื่องเดียวก็พิสูจน์ฝีมือผู้ว่าฯกทม.คนใหม่
ผู้สมัครหลักสองท่านรับปากรับคำต่อหน้าสาธารณชน และลงทุนปั่นจักรยานให้ถ่ายภาพแล้ว ก็จะต้องพิสูจน์กันด้วยการทำตามที่สัญญาไว้ในประเด็นนี้ เพราะเป็นนโยบายที่แตะต้องได้ วัดได้ และประเมินได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่เหมือนการรับปากเรื่องอื่นๆ ที่อยู่เหนือความเป็นไปได้ และไม่มีชาว กทม. คนไหนถือเป็นเรื่องจริงจังอยู่แล้ว
ภาพอ้างอิง จากอินเตอร์เน็ต ขอขอบคุณ มา ณ ที่นี้ครับ
อ้างอิง คอลัมส์ “กาแฟดำ” ตามลิ้งก์
http://bit.ly/WcLdl1 ขอขอบคุณ มา ณ ที่นี้ครับ
Copy//ผมเห็นรูปถีบจักรยานหาเสียง ของสองผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคใหญ่สองพรรคแล้ว เกิดความรู้สึกทันทีว่า “ภาพที่สร้าง” กับการลงมือทำงานจริงนั้นเป็นคนละเรื่องกันจริงๆ
เพราะผมยังไม่เห็นผู้ว่าฯ กทม. คนไหนที่ผ่านมา เอาจริงเอาจังกับการส่งเสริมการปั่นจักรยานเป็นทางเลือก ในการแก้ปัญหาจราจรและการลดมลภาวะกับการส่งเสริมให้คนกรุงออกกำลังกายอย่างจริงจัง
เห็นแต่ตอนหาเสียงจะมีภาพเอาอกเอาใจคนที่เรียกร้องให้กรุงเทพฯ ทำ “ช่องจักรยาน” หรือ bike lanes กันอย่างเป็นกิจจะลักษณะเท่านั้น
เอาเข้าจริงๆ แล้ว ยังไม่เห็นผู้ว่าฯ กทม. หรือผู้ว่าราชการจังหวัดไหนทำเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพเลย ทั้งๆ ที่การปั่นจักรยาน ควรจะเป็นวิธีการเดินทางและออกกำลังกาย ที่สมควรจะได้รับการสนับสนุนอย่างยิ่งในยุคนโยบาย “รถคันแรก” ที่เพิ่มจำนวนรถยนต์บนท้องถนนอย่างมาก จนกลายเป็นการซ้ำเติมปัญหาจราจรให้ติดขัดหนักหน่วงขึ้นอีก
วันก่อน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ารับหนังสือตอบรับเข้าร่วมกิจกรรม “ปลุก ปั่น เปลี่ยน” จากชมรมปั่นจักรยานของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17 ก.พ.
คุณพงศพัศ ให้สัมภาษณ์ฉับพลันว่าจะชูนโยบายรณรงค์ให้ประชาชนหันมาปั่นจักรยานมากขึ้น เพื่อลดมลพิษใน กทม. โดยจะทำทางเลียบริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทาง 8 กิโลเมตร โดยไม่ต้องเวนคืนที่ดินเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนริมแม่น้ำ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท
และจะปรับปรุงฝาท่อระบายน้ำและสิ่งกีดขวางบนพื้นผิวจราจรให้เรียบร้อย เพื่อให้สะดวกต่อการสัญจร
จากนั้น คุณพงศพัศ ก็ร่วมปั่นจักรยานไปบริเวณรอบๆ มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมเปิดโครงการกับนิสิตนักศึกษาด้วย
วันเดียวกันนั้น ผมก็เห็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่หาเสียงที่งานจักรยานประเพณีธรรมศาสตร์ครั้งที่ 1 ที่ท่าพระจันทร์ พร้อมรับมอบหนังสือข้อเสนอจากผู้ใช้จักรยาน ขอให้ประชาชนได้ใช้จักรยานในเมืองได้อย่างปลอดภัย ควบคู่กับการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพ เช่น การทำผิวทางให้เรียบ เปลี่ยนฝาท่อให้เรียบร้อย ไม่มีสิ่งกีดขวาง เช่น รถจอด และ แผงลอย มีระบบยืมหรือเช่าจักรยานสาธารณะ และจัดให้มี “วันจักรยาน” และ “วันปลอดรถยนต์” เป็นต้น
คุณชายหมู อ้างว่า ในช่วงที่อยู่ในตำแหน่งได้ทำทางสำหรับรถจักรยานมาแล้ว 28 เส้นทาง ยาว 200 กิโลเมตร เปลี่ยนตะแกรงฝาท่อระบายน้ำไปแล้ว 650 จุด จากประมาณ 1,600 จุด และบอกว่าจะทำต่อเนื่อง ด้วยการทำทางจักรยานอีก 30 เส้นทางทั่ว กทม.
การที่ผู้สมัครทั้งสองท่านกระโดดขึ้นจักรยานอย่างไม่ลังเล เพื่อให้มีการถ่ายภาพไปปรากฏในสื่อนั้น ไม่ได้แปลว่า นโยบาย bike lane จะเกิดขึ้นได้จริงดั่งที่รับปากกัน เพราะที่ผ่านมาก็มีการรับปากรับคำทุกครั้งของการรณรงค์หาเสียง
แต่ลงท้ายแล้ว กรุงเทพฯ ก็ยังไม่ปลอดภัยสำหรับคนปั่นจักรยานอยู่ดี เพราะว่านโยบายเรื่องนี้อยู่ท้ายๆ ของความสำคัญเร่งด่วนสำหรับผู้บริหาร กทม. มาตลอด แม้ว่า “ปอด” กรุงเทพฯ จะกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากภาวะมลพิษและความสับสนอลหม่านของการจราจรมาตลอดก็ตาม
แต่ไหนๆ ผู้สมัครหลักสองท่านรับปากรับคำต่อหน้าสาธารณชน และลงทุนปั่นจักรยานให้ถ่ายภาพแล้ว ก็จะต้องพิสูจน์กันด้วยการทำตามที่สัญญาไว้ในประเด็นนี้ เพราะเป็นนโยบายที่แตะต้องได้ วัดได้ และประเมินได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่เหมือนการรับปากเรื่องอื่นๆ ที่อยู่เหนือความเป็นไปได้ และไม่มีชาว กทม. คนไหนถือเป็นเรื่องจริงจังอยู่แล้ว
ไม่ต้องถึงกับประกาศให้กรุงเทพฯ เป็น “เมืองจักรยาน” หรอก...เพียงให้มีการจัดระเบียบของ “ช่องจักรยาน” อย่างเป็นระบบ และใครก็ตามที่ชนะเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องรับปากว่าจะปั่นจักรยานไปทำงานอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เพื่อจะได้รู้ว่า การปั่นจักรยานในเมืองหลวงของประเทศไทยนั้น เสี่ยงกับอุบัติเหตุและมลพิษหนักหนาสาหัสเพียงใด!
วัดฝีมือด้วยนโยบาย Bike Lanes เรื่องเดียวก็พิสูจน์ฝีมือผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ บทความโดย...กาแฟดำ
วัดฝีมือด้วยนโยบาย Bike Lanes เรื่องเดียวก็พิสูจน์ฝีมือผู้ว่าฯกทม.คนใหม่
ผู้สมัครหลักสองท่านรับปากรับคำต่อหน้าสาธารณชน และลงทุนปั่นจักรยานให้ถ่ายภาพแล้ว ก็จะต้องพิสูจน์กันด้วยการทำตามที่สัญญาไว้ในประเด็นนี้ เพราะเป็นนโยบายที่แตะต้องได้ วัดได้ และประเมินได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่เหมือนการรับปากเรื่องอื่นๆ ที่อยู่เหนือความเป็นไปได้ และไม่มีชาว กทม. คนไหนถือเป็นเรื่องจริงจังอยู่แล้ว
ภาพอ้างอิง จากอินเตอร์เน็ต ขอขอบคุณ มา ณ ที่นี้ครับ
อ้างอิง คอลัมส์ “กาแฟดำ” ตามลิ้งก์ http://bit.ly/WcLdl1 ขอขอบคุณ มา ณ ที่นี้ครับ
Copy//ผมเห็นรูปถีบจักรยานหาเสียง ของสองผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคใหญ่สองพรรคแล้ว เกิดความรู้สึกทันทีว่า “ภาพที่สร้าง” กับการลงมือทำงานจริงนั้นเป็นคนละเรื่องกันจริงๆ
เพราะผมยังไม่เห็นผู้ว่าฯ กทม. คนไหนที่ผ่านมา เอาจริงเอาจังกับการส่งเสริมการปั่นจักรยานเป็นทางเลือก ในการแก้ปัญหาจราจรและการลดมลภาวะกับการส่งเสริมให้คนกรุงออกกำลังกายอย่างจริงจัง
เห็นแต่ตอนหาเสียงจะมีภาพเอาอกเอาใจคนที่เรียกร้องให้กรุงเทพฯ ทำ “ช่องจักรยาน” หรือ bike lanes กันอย่างเป็นกิจจะลักษณะเท่านั้น
เอาเข้าจริงๆ แล้ว ยังไม่เห็นผู้ว่าฯ กทม. หรือผู้ว่าราชการจังหวัดไหนทำเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพเลย ทั้งๆ ที่การปั่นจักรยาน ควรจะเป็นวิธีการเดินทางและออกกำลังกาย ที่สมควรจะได้รับการสนับสนุนอย่างยิ่งในยุคนโยบาย “รถคันแรก” ที่เพิ่มจำนวนรถยนต์บนท้องถนนอย่างมาก จนกลายเป็นการซ้ำเติมปัญหาจราจรให้ติดขัดหนักหน่วงขึ้นอีก
วันก่อน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ารับหนังสือตอบรับเข้าร่วมกิจกรรม “ปลุก ปั่น เปลี่ยน” จากชมรมปั่นจักรยานของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17 ก.พ.
คุณพงศพัศ ให้สัมภาษณ์ฉับพลันว่าจะชูนโยบายรณรงค์ให้ประชาชนหันมาปั่นจักรยานมากขึ้น เพื่อลดมลพิษใน กทม. โดยจะทำทางเลียบริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทาง 8 กิโลเมตร โดยไม่ต้องเวนคืนที่ดินเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนริมแม่น้ำ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท
และจะปรับปรุงฝาท่อระบายน้ำและสิ่งกีดขวางบนพื้นผิวจราจรให้เรียบร้อย เพื่อให้สะดวกต่อการสัญจร
จากนั้น คุณพงศพัศ ก็ร่วมปั่นจักรยานไปบริเวณรอบๆ มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมเปิดโครงการกับนิสิตนักศึกษาด้วย
วันเดียวกันนั้น ผมก็เห็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่หาเสียงที่งานจักรยานประเพณีธรรมศาสตร์ครั้งที่ 1 ที่ท่าพระจันทร์ พร้อมรับมอบหนังสือข้อเสนอจากผู้ใช้จักรยาน ขอให้ประชาชนได้ใช้จักรยานในเมืองได้อย่างปลอดภัย ควบคู่กับการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพ เช่น การทำผิวทางให้เรียบ เปลี่ยนฝาท่อให้เรียบร้อย ไม่มีสิ่งกีดขวาง เช่น รถจอด และ แผงลอย มีระบบยืมหรือเช่าจักรยานสาธารณะ และจัดให้มี “วันจักรยาน” และ “วันปลอดรถยนต์” เป็นต้น
คุณชายหมู อ้างว่า ในช่วงที่อยู่ในตำแหน่งได้ทำทางสำหรับรถจักรยานมาแล้ว 28 เส้นทาง ยาว 200 กิโลเมตร เปลี่ยนตะแกรงฝาท่อระบายน้ำไปแล้ว 650 จุด จากประมาณ 1,600 จุด และบอกว่าจะทำต่อเนื่อง ด้วยการทำทางจักรยานอีก 30 เส้นทางทั่ว กทม.
การที่ผู้สมัครทั้งสองท่านกระโดดขึ้นจักรยานอย่างไม่ลังเล เพื่อให้มีการถ่ายภาพไปปรากฏในสื่อนั้น ไม่ได้แปลว่า นโยบาย bike lane จะเกิดขึ้นได้จริงดั่งที่รับปากกัน เพราะที่ผ่านมาก็มีการรับปากรับคำทุกครั้งของการรณรงค์หาเสียง
แต่ลงท้ายแล้ว กรุงเทพฯ ก็ยังไม่ปลอดภัยสำหรับคนปั่นจักรยานอยู่ดี เพราะว่านโยบายเรื่องนี้อยู่ท้ายๆ ของความสำคัญเร่งด่วนสำหรับผู้บริหาร กทม. มาตลอด แม้ว่า “ปอด” กรุงเทพฯ จะกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากภาวะมลพิษและความสับสนอลหม่านของการจราจรมาตลอดก็ตาม
แต่ไหนๆ ผู้สมัครหลักสองท่านรับปากรับคำต่อหน้าสาธารณชน และลงทุนปั่นจักรยานให้ถ่ายภาพแล้ว ก็จะต้องพิสูจน์กันด้วยการทำตามที่สัญญาไว้ในประเด็นนี้ เพราะเป็นนโยบายที่แตะต้องได้ วัดได้ และประเมินได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่เหมือนการรับปากเรื่องอื่นๆ ที่อยู่เหนือความเป็นไปได้ และไม่มีชาว กทม. คนไหนถือเป็นเรื่องจริงจังอยู่แล้ว
ไม่ต้องถึงกับประกาศให้กรุงเทพฯ เป็น “เมืองจักรยาน” หรอก...เพียงให้มีการจัดระเบียบของ “ช่องจักรยาน” อย่างเป็นระบบ และใครก็ตามที่ชนะเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องรับปากว่าจะปั่นจักรยานไปทำงานอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เพื่อจะได้รู้ว่า การปั่นจักรยานในเมืองหลวงของประเทศไทยนั้น เสี่ยงกับอุบัติเหตุและมลพิษหนักหนาสาหัสเพียงใด!