กสทช. มีมติ(เติมเงินทุกครั้ง ต้องมีวันสะสมไม่น้อยกว่า 365 วัน ) เดินหน้าปรับ AIS วันละแสนบาทต่อไป/TRUEยุติค่าปรับ18 มกราคม 2556

ประเด็นหลัก

   พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า กรณีที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) ไปยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีที่ กสทช.กำหนดอัตราค่าปรับจากการที่เอไอเอสไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ กสทช.ว่าด้วยเรื่องการไม่กำหนดวันหมดอายุบริการโทรศัพท์ในระบบเติมเงิน (พรีเพด) ในอัตราวันละ 1 แสนบาทนั้น ที่ประชุมบอร์ด กทค.เห็นว่ายังยืนยันเดินหน้าบังคับตามกฎหมายต่อไป



ส่วนการเติมเงินเข้าสู่ระบบทุกครั้ง ให้นับระยะเวลาการใช้งานที่ได้รับรวมกับระยะเวลาที่คงเหลืออยู่โดยระยะเวลาการสะสมวันจะต้องไม่น้อยกว่า 365 วัน ทั้งนี้ ต้องไม่เกินระยะเวลาอายุสัญญาสัมปทานที่ยังคงเหลืออยู่ และเมื่อสัญญาเลิกกัน ในกรณีที่ผู้ให้บริการมีเงินค้างชำระแก่ผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการจะต้องคืนเงินนั้นให้แก่ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ ผู้ให้บริการอาจกำหนดเงื่อนไขให้สามารถโอนเงินค่าบริการที่ชำระล่วงหน้าไว้ไปยังเลขหมายอื่นที่อยู่ภายในโครงข่ายเดียวกันได้

อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังทราบรับกรณีที่บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ได้มีหนังสือแจ้งมายังสำนักงาน กสทช. เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2556 และสำนักงาน กสทช. ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นไปตามที่บริษัทฯ ได้แจ้งไว้จริง ดังนั้น จึงถือว่าบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามคำสั่งทางปกครองของ กสทช. แล้ว จึงขอให้ค่าปรับมีผลยุติทันที นับแต่วันที่ 18 มกราคม 2556



_________________________________



กทค.ไม่สนเดินหน้าปรับเอไอเอส


       บอร์ด กทค.มีมติเดินหน้าปรับเอไอเอสตามข้อกฎหมายเช่นเดิม พร้อมเห็นชอบกำหนดผู้ใช้บริการระบบพรีเพดต้องมีวันสะสมไม่น้อยกว่า 365 วัน ส่วนเติมเงินทุกมูลค่าต้องได้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน หากเลิกใช้ต้องได้เงินคืน
      
       พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า กรณีที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) ไปยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีที่ กสทช.กำหนดอัตราค่าปรับจากการที่เอไอเอสไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ กสทช.ว่าด้วยเรื่องการไม่กำหนดวันหมดอายุบริการโทรศัพท์ในระบบเติมเงิน (พรีเพด) ในอัตราวันละ 1 แสนบาทนั้น ที่ประชุมบอร์ด กทค.เห็นว่ายังยืนยันเดินหน้าบังคับตามกฎหมายต่อไป
      
       บอร์ด กทค.ยังมีมติเห็นชอบแนวปฏิบัติการพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้บริการโทรคมนาคมในลักษณะที่เรียกเก็บค่าบริการเป็นการล่วงหน้าจะต้องไม่มีข้อกำหนดอันมีลักษณะเป็นการบังคับให้ผู้ใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 11 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 คือการเติมเงินทุกมูลค่าที่เคยให้บริการเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้บริการจะต้องได้รับระยะเวลาใช้งานเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน
      
       ส่วนการเติมเงินเข้าสู่ระบบทุกครั้ง ให้นับระยะเวลาการใช้งานที่ได้รับรวมกับระยะเวลาที่คงเหลืออยู่โดยระยะเวลาการสะสมวันจะต้องไม่น้อยกว่า 365 วัน ทั้งนี้ ต้องไม่เกินระยะเวลาอายุสัญญาสัมปทานที่ยังคงเหลืออยู่ และเมื่อสัญญาเลิกกัน ในกรณีที่ผู้ให้บริการมีเงินค้างชำระแก่ผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการจะต้องคืนเงินนั้นให้แก่ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ ผู้ให้บริการอาจกำหนดเงื่อนไขให้สามารถโอนเงินค่าบริการที่ชำระล่วงหน้าไว้ไปยังเลขหมายอื่นที่อยู่ภายในโครงข่ายเดียวกันได้
      
       นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบกรณีที่บริษัท ทรูมูฟ ได้มีหนังสือแจ้งมายังสำนักงาน กสทช. เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2556 และสำนักงาน กสทช.ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นไปตามที่บริษัทฯ ได้แจ้งไว้ ดังนั้นจึงถือว่าบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามคำสั่งทางปกครองของเลขาธิการ กสทช.แล้ว และเป็นผลให้ยุติการบังคับทางปกครอง ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 นับแต่วันที่ 18 มกราคม 2556
      

http://www.manager.co.th/CBiZReview/ViewNews.aspx?NewsID=9560000012469

______________________________


กทค.ยกเลิกค่าปรับทรูมูฟแล้ว


พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมกทค.ได้อนุมัติแนวปฏิบัติการพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้บริการโทรคมนาคมในลักษณะที่เรียกเก็บค่าบริการเป็นการล่วงหน้าจะต้องไม่มีข้อกำหนดอันมีลักษณะเป็นการบังคับให้ผู้ใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 11 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 ได้แก่ การเติมเงินทุกมูลค่าที่เคยให้บริการเข้าสู่ระบบ จะต้องได้รับระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วันอีกทั้งการเติมเงินเข้าสู่ระบบทุกครั้ง

อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังทราบรับกรณีที่บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ได้มีหนังสือแจ้งมายังสำนักงาน กสทช. เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2556 และสำนักงาน กสทช. ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นไปตามที่บริษัทฯ ได้แจ้งไว้จริง ดังนั้น จึงถือว่าบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามคำสั่งทางปกครองของ กสทช. แล้ว จึงขอให้ค่าปรับมีผลยุติทันที นับแต่วันที่ 18 มกราคม 2556

พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่บริษัท แอดวานซอินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือเอไอเอส ยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว จากกรณีที่ทาง กสทช. กำหนดอัตราค่าปรับทางปกครอง จากการที่เอไอเอสไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ กสทช. ว่าด้วยเรื่องการไม่กำหนดวันหมดอายุบริการโทรศัพท์ในระบบเติมเงิน(พรีเพด) ในอัตราวันละ 1 แสนบาทนั้น ที่ประชุมบอร์ดกทค. มีมติให้สำนักงาน กสทช. เดินหน้าปรับต่อไป


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1359541226&grpid=&catid=05&subcatid=0504


_____________________________



กสทช.แจงศาลปรับพรีเพด "เอไอเอส" จ่ายนำร่องคู่แข่ง

รายงานข่าวจากศาลปกครองแจ้งว่า เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางได้เชิญกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และเลขาธิการกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมทั้งฝ่ายกฎหมายของทางบริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส เข้ามาให้ปากคำแก่ศาล จากกรณีที่เอไอเอสยื่นเรื่องฟ้อง กทค. และเลขาธิการ กสทช. เพื่อขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีที่ กสทช.กำหนดอัตราค่าปรับ จากการที่เอไอเอสไม่กำหนดวันหมดอายุบริการโทรศัพท์ในระบบเติมเงิน (พรีเพด) ในอัตราวันละ 1 แสนบาท ทั้งที่ กสทช.สามารถกำหนดค่าปรับได้ในอัตราขั้นต่ำวันละ 2 หมื่นบาท

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยภายหลังเข้าให้ปากคำว่า กสทช.เลือกที่จะไม่กำหนดอัตราค่าปรับในขั้นต่ำสุด เนื่องจากสร้างความเสียหายให้แก่ผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก และหากศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก็จะมีผลกระทบเช่นกัน ซึ่งเอไอเอสยินดีชำระค่าปรับ แต่ยังไม่ถอนฟ้อง โดยการที่เอไอเอสยอมจ่ายค่าปรับ จะทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นปฏิบัติตามอย่างแน่นอน เพราะอาจจะกระทบต่อการอนุมัติเลขหมายเพื่อให้บริการ 3จี


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1359530546&grpid=&catid=06&subcatid=0600