ดิฉันขับรถยนต์ แต่มีมอเตอร์ไซส์เลี้ยวตัดหน้าแบบกระชั้นชิด (ไม่เปิดไฟเลี้ยว) เขากล่าวหาว่า ดิฉันชนท้ายรถของเขา แต่สภาพรถมอเตอร์ไซส์ที่ถูกชน ด้านท้ายรถไม่เป็นอะไรเลย ไฟท้ายอยู่ครบ ป้ายทะเบียนไม่มีรอยบูดเบี้ยว แต่มีรอยชนด้านข้าง และรถยนต์ของดิฉันก็มีรอยพักเท้ามอเตอร์ทิ่มเข้าไปที่กันชน
ด้วยความตกใจ เพราะคู่กรณีบาดเจ็บ ก็รีบโทรแจ้งรถพยาบาลมารับ ส่วนตัวเองยืนรอตำรวจอยู่ประมาณ 1 ช.ม. แต่ตำรวจก็ไม่มา ระหว่างนั้นก็มีตำรวจสายตรวจผ่านมาดูเหตุการณ์ พร้อมทั้งบอกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ได้เอาสีพ่นมา และอยู่นอกเหนือเขตที่รับผิดชอบ ตำรวจบอกว่าถ้าคู่กรณีตกลงกันได้ก็ไม่มีปัญหา
เราก็รีบไปโรงพยาบาล เจอภรรยาของผู้บาดเจ็บนั่งอยู่ ก็เข้าไปขอโทษพร้อมกับอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และด้วยความตกใจที่ทำให้มอเตอร์ไซส์ได้รับบาดเจ็บ จึงได้บอกไปว่าจะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลและซ่อมรถให้
พอเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินเพื่อสอบถามค่าใช้จ่าย พยาบาลขอเลข พ.ร.บ. รถมอเตอร์ไซส์ ที่ถูกชน เราก็ไปถามปรากฎว่าเขาไม่มี พยาบาลบอกว่าถ้าไม่มีก็เข้าการรักษาแบบนอนค้างไม่ได้ และพยาบาลบอกว่าถ้าเราอยากช่วยเค้าก็ให้จ่ายค่า พ.ร.บ.ให้แทน แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าค่า พ.ร.บ. เท่าไหร่ จึงได้ฝากเงินไว้กับภรรยาผู้บาดเจ็บไว้ 5,000 บาท
ระหว่างนั้นก็ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บอยู่เรื่อย ๆ และได้คุยตกลงกันว่าจะจ่ายเพิ่มให้อีก เพราะค่า พ.ร.บ. ที่โดนปรับไปนั้น เป็นเงิน 15,000 บาท และในวันที่ออกจากโรงพยาบาล ก็ได้นำเงินอีก 10,000 ไปให้ พร้อมกับจ่ายส่วนเกินวงเงิน พ.ร.บ. อีก 400 บาท และเค้าบอกว่าค่ารักษาพยาบาลหลังจากนี้จะไม่รบกวนเราแล้ว เพราะเขาจะใช้สิทธิ์เบิกได้ของเขา
เรื่องก็น่าจะจบลงด้วยดี........
แต่หลังจากนั้น มีโทรศัทพ์เรียกให้ไปจ่ายเงินเพิ่มอีก สองพันกว่าบาท ผู้บาดเจ็บอ้างว่าถูกกรมบัญชีกลางหักจากเงินเดือน เป็นค่ารักษาพยาบาลในส่วนที่เบิกไม่ได้
เราก็งง เพราะได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่การเงินของโรงพยาบาลตอนไปจ่ายชำระส่วนเกินแล้วว่า มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมอีกไหม๊ เค้าบอกว่าไม่มี จึงได้สอบถามไปยังกรมบัญชีกลางว่าทำไมถึงไปหักเงินเดือนของคนไข้ กรมบัญชีกลางก็ตอบว่าไม่ได้หัก...
เราก็เลยโทรไปบอกเค้าว่า สอบถามไปที่กรมบัญชีกลางแล้วเค้าบอกว่าไม่ได้หัก ทำไมคุณถึงบอกว่าโดนหัก พอเค้าเห็นว่าเรารู้ทัน ก็เลยบอกว่า เราไม่มีสิทธิที่ไปบอกโรงพยาบาลว่าเค้าเป็นลูกจ้างประจำ มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ดังนั้นเราจึงต้องสมควรจ่ายเงินสองพันกว่านั้นคืนให้เขา
เราก็พยายามอธิบายแล้วว่า เราไม่ได้ไปบอกโรงพยาบาลเลยว่าคนไข้ มีฐานะอย่างไร เบิกได้ หรือเบิกไม่ได้ เลยสอบถามไปยังโรงพยาบาล เค้าบอกว่า เวลาคีย์ชื่อนามสกุลไป มันจะขึ้นสิทธิ์เองอัตโนมัติ เราพยามอธิบายแต่เค้าเหมือนจะไม่รับฟัง
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา มีจ.ม. จากทนาย เรียกค่าเสียหายจากเรา เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียเวลา ค่าซ่อมรถ ค่าเช่ารถระหว่างรอซ่อม รวมเป็นเงิน 80,000 บาท ถ้าไม่จ่าย จะฟ้องศาล
ในส่วนของรถมอเตอร์ไซส์ ร้านแรกที่ผู้บาดเจ็บเอาไปซ่อมเอง เราก็แวะไปถามหลายครั้งแล้วว่าค่าซ่อมเท่าไหร่ เค้าก็บอกว่าซ่อมไม่ได้ เพราะไม่มีอะไหล่เป็นรถรุ่นเก่ามาก เราเลยบอกว่าเดี๋ยวเราจะย้ายร้านไปซ่อมให้ แต่จนบัดนี้ช่างร้านใหม่ก็ยังไม่ได้ลงมือซ่อมเพราะให้เหตุผลว่าอะไหล่ที่เราหามายังไม่ครบ ขาดหน้ากากหน้ารถอีก 1 ชิ้น จริง ๆ เจ้าของรถน่าจะเห็นใจเราบ้างว่า อะไรรถเก่าที่เค้าเลิกผลิตแล้วมันหายากมาก และร้านผลักภาระให้เราเป็นคนไปหา ทำให้เกิดความล่าช้า จึงเอาข้อนี้มาเป็นมูลฟ้องเรา ส่วนรถของเค้าสภาพไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรก ไฟเลี้ยวเสีย ทะเบียนรถไม่ได้ต่อมาหลายปี พ.ร.บ. ก็ไม่มี จริง ๆ เค้าไม่มีสิทธิ์เอาออกมาวิ่งบนถนนด้วยซ้ำไป
จริง ๆ แล้วทุกคนก็ว่าเราโง่ที่ไปรับปากจะชดใช้ให้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ผิด แต่มันเป็นอุบัติเหตุครั้งแรกในชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ในฐานะที่เราพอจะช่วยได้ก็ช่วย ๆ กันไป แต่นึกไม่ถึงว่าเค้าถึงขั้นจะฟ้องร้องเรา โดยกล่าวหาว่าเราเป็นฝ่ายผิด เค้าบอกว่ายังไงรถยนต์ก็ต้องผิดอยู่แล้ว เพราะชนมอเตอร์ไซส์ เราจะทำยังไงดีคะ เราอยากจะถามดังนี้ค่ะ
1. ผู้บาดเจ็บถามเราว่าทำไมไม่ใช้ พ.ร.บ. รถยนต์ของเรา ทำไมถึงไปใช้ของเค้า เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะที่โรงพยาบาลเค้าถามแต่ พ.ร.บ. มอเตอร์ไซส์ ไม่ได้ถามรถยนต์ เราก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบยังไงยัง แล้วถ้าใช้ของเราเค้าจะมีสิทธิ์ได้รับอะไรเพิ่มขึ้นหรือเปล่าคะ
2. ถ้าใช้ พ.ร.บ. รถยนต์ตั้งแต่แรก เค้าจะโดนปรับ 15,000 บาทหรือเปล่าคะ
3. ถ้าเราไม่ยอมรับว่าผิด และเค้าก็ไม่ยอมรับว่าผิด ตำรวจจะทำยังไงในการบันทึกประจำวันคะ เพราะเท่าที่ทราบมา การจะขึ้นศาลจะต้องมีบันทึกประจำวันของตำรวจค่ะ แต่ในวันที่เกิดเหตุไม่ได้ลงบันทึกไว้ เพราะคิดว่าจะตกลงกันได้ค่ะ
4. ถ้าเค้าไปแจ้งความเองภายหลังวันที่เกิดเหตุ โดยไม่มีเราจะทำได้ไหม๊คะ และตำรวจจะต้องมาสอบปากคำเราก่อนที่จะออกใบแจ้งความหรือเปล่าคะ
พิมพ์ยาวไปหน่อย ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาอ่านจนจบนะคะ ^^....และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบค่ะ
ถ้ารถชนแล้วไม่มีใครยอมรับผิด ? จะทำยังไงดีคะ
ด้วยความตกใจ เพราะคู่กรณีบาดเจ็บ ก็รีบโทรแจ้งรถพยาบาลมารับ ส่วนตัวเองยืนรอตำรวจอยู่ประมาณ 1 ช.ม. แต่ตำรวจก็ไม่มา ระหว่างนั้นก็มีตำรวจสายตรวจผ่านมาดูเหตุการณ์ พร้อมทั้งบอกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ได้เอาสีพ่นมา และอยู่นอกเหนือเขตที่รับผิดชอบ ตำรวจบอกว่าถ้าคู่กรณีตกลงกันได้ก็ไม่มีปัญหา
เราก็รีบไปโรงพยาบาล เจอภรรยาของผู้บาดเจ็บนั่งอยู่ ก็เข้าไปขอโทษพร้อมกับอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และด้วยความตกใจที่ทำให้มอเตอร์ไซส์ได้รับบาดเจ็บ จึงได้บอกไปว่าจะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลและซ่อมรถให้
พอเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินเพื่อสอบถามค่าใช้จ่าย พยาบาลขอเลข พ.ร.บ. รถมอเตอร์ไซส์ ที่ถูกชน เราก็ไปถามปรากฎว่าเขาไม่มี พยาบาลบอกว่าถ้าไม่มีก็เข้าการรักษาแบบนอนค้างไม่ได้ และพยาบาลบอกว่าถ้าเราอยากช่วยเค้าก็ให้จ่ายค่า พ.ร.บ.ให้แทน แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าค่า พ.ร.บ. เท่าไหร่ จึงได้ฝากเงินไว้กับภรรยาผู้บาดเจ็บไว้ 5,000 บาท
ระหว่างนั้นก็ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บอยู่เรื่อย ๆ และได้คุยตกลงกันว่าจะจ่ายเพิ่มให้อีก เพราะค่า พ.ร.บ. ที่โดนปรับไปนั้น เป็นเงิน 15,000 บาท และในวันที่ออกจากโรงพยาบาล ก็ได้นำเงินอีก 10,000 ไปให้ พร้อมกับจ่ายส่วนเกินวงเงิน พ.ร.บ. อีก 400 บาท และเค้าบอกว่าค่ารักษาพยาบาลหลังจากนี้จะไม่รบกวนเราแล้ว เพราะเขาจะใช้สิทธิ์เบิกได้ของเขา
เรื่องก็น่าจะจบลงด้วยดี........
แต่หลังจากนั้น มีโทรศัทพ์เรียกให้ไปจ่ายเงินเพิ่มอีก สองพันกว่าบาท ผู้บาดเจ็บอ้างว่าถูกกรมบัญชีกลางหักจากเงินเดือน เป็นค่ารักษาพยาบาลในส่วนที่เบิกไม่ได้
เราก็งง เพราะได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่การเงินของโรงพยาบาลตอนไปจ่ายชำระส่วนเกินแล้วว่า มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมอีกไหม๊ เค้าบอกว่าไม่มี จึงได้สอบถามไปยังกรมบัญชีกลางว่าทำไมถึงไปหักเงินเดือนของคนไข้ กรมบัญชีกลางก็ตอบว่าไม่ได้หัก...
เราก็เลยโทรไปบอกเค้าว่า สอบถามไปที่กรมบัญชีกลางแล้วเค้าบอกว่าไม่ได้หัก ทำไมคุณถึงบอกว่าโดนหัก พอเค้าเห็นว่าเรารู้ทัน ก็เลยบอกว่า เราไม่มีสิทธิที่ไปบอกโรงพยาบาลว่าเค้าเป็นลูกจ้างประจำ มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ดังนั้นเราจึงต้องสมควรจ่ายเงินสองพันกว่านั้นคืนให้เขา
เราก็พยายามอธิบายแล้วว่า เราไม่ได้ไปบอกโรงพยาบาลเลยว่าคนไข้ มีฐานะอย่างไร เบิกได้ หรือเบิกไม่ได้ เลยสอบถามไปยังโรงพยาบาล เค้าบอกว่า เวลาคีย์ชื่อนามสกุลไป มันจะขึ้นสิทธิ์เองอัตโนมัติ เราพยามอธิบายแต่เค้าเหมือนจะไม่รับฟัง
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา มีจ.ม. จากทนาย เรียกค่าเสียหายจากเรา เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียเวลา ค่าซ่อมรถ ค่าเช่ารถระหว่างรอซ่อม รวมเป็นเงิน 80,000 บาท ถ้าไม่จ่าย จะฟ้องศาล
ในส่วนของรถมอเตอร์ไซส์ ร้านแรกที่ผู้บาดเจ็บเอาไปซ่อมเอง เราก็แวะไปถามหลายครั้งแล้วว่าค่าซ่อมเท่าไหร่ เค้าก็บอกว่าซ่อมไม่ได้ เพราะไม่มีอะไหล่เป็นรถรุ่นเก่ามาก เราเลยบอกว่าเดี๋ยวเราจะย้ายร้านไปซ่อมให้ แต่จนบัดนี้ช่างร้านใหม่ก็ยังไม่ได้ลงมือซ่อมเพราะให้เหตุผลว่าอะไหล่ที่เราหามายังไม่ครบ ขาดหน้ากากหน้ารถอีก 1 ชิ้น จริง ๆ เจ้าของรถน่าจะเห็นใจเราบ้างว่า อะไรรถเก่าที่เค้าเลิกผลิตแล้วมันหายากมาก และร้านผลักภาระให้เราเป็นคนไปหา ทำให้เกิดความล่าช้า จึงเอาข้อนี้มาเป็นมูลฟ้องเรา ส่วนรถของเค้าสภาพไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรก ไฟเลี้ยวเสีย ทะเบียนรถไม่ได้ต่อมาหลายปี พ.ร.บ. ก็ไม่มี จริง ๆ เค้าไม่มีสิทธิ์เอาออกมาวิ่งบนถนนด้วยซ้ำไป
จริง ๆ แล้วทุกคนก็ว่าเราโง่ที่ไปรับปากจะชดใช้ให้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ผิด แต่มันเป็นอุบัติเหตุครั้งแรกในชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ในฐานะที่เราพอจะช่วยได้ก็ช่วย ๆ กันไป แต่นึกไม่ถึงว่าเค้าถึงขั้นจะฟ้องร้องเรา โดยกล่าวหาว่าเราเป็นฝ่ายผิด เค้าบอกว่ายังไงรถยนต์ก็ต้องผิดอยู่แล้ว เพราะชนมอเตอร์ไซส์ เราจะทำยังไงดีคะ เราอยากจะถามดังนี้ค่ะ
1. ผู้บาดเจ็บถามเราว่าทำไมไม่ใช้ พ.ร.บ. รถยนต์ของเรา ทำไมถึงไปใช้ของเค้า เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะที่โรงพยาบาลเค้าถามแต่ พ.ร.บ. มอเตอร์ไซส์ ไม่ได้ถามรถยนต์ เราก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบยังไงยัง แล้วถ้าใช้ของเราเค้าจะมีสิทธิ์ได้รับอะไรเพิ่มขึ้นหรือเปล่าคะ
2. ถ้าใช้ พ.ร.บ. รถยนต์ตั้งแต่แรก เค้าจะโดนปรับ 15,000 บาทหรือเปล่าคะ
3. ถ้าเราไม่ยอมรับว่าผิด และเค้าก็ไม่ยอมรับว่าผิด ตำรวจจะทำยังไงในการบันทึกประจำวันคะ เพราะเท่าที่ทราบมา การจะขึ้นศาลจะต้องมีบันทึกประจำวันของตำรวจค่ะ แต่ในวันที่เกิดเหตุไม่ได้ลงบันทึกไว้ เพราะคิดว่าจะตกลงกันได้ค่ะ
4. ถ้าเค้าไปแจ้งความเองภายหลังวันที่เกิดเหตุ โดยไม่มีเราจะทำได้ไหม๊คะ และตำรวจจะต้องมาสอบปากคำเราก่อนที่จะออกใบแจ้งความหรือเปล่าคะ
พิมพ์ยาวไปหน่อย ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาอ่านจนจบนะคะ ^^....และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบค่ะ