ถ้าหากเราสังเกต (หรือไม่สังเกตก็น่าจะพอมองเห็น) ว่าตัวเอกของซีรี่ยส์หรือภาพยนตร์ต่างชาติ มักจะเป็นคนแก้ปัญหา พบปะและเผชิญเรื่องราวๆ ต่างๆ
ตัวเอกละครไทย มักจะต้องซื่อไปจนถึงบื้อ ไม่มีแผนการอะไรกับเขา
ส่วนหนึ่ง อาจเพราะมุมมองคนไทยมองว่า "คนมีแผน" ต้องเป็นคนไม่ดี แล้วลองมองย้อนกลับไป ดูหนังฝรั่งมากี่เรื่อง แทบหาพระเอกโง่ๆ ไม่ได้เลย ถ้าชัดๆ ก็พวกตัวเอกที่มีบุคลิคเป็นผู้นำและนักเอาตัวรอด อย่างพวกหนังบู๊และหนังสายลับ ที่เสน่ห์หลักๆ ไม่ใช่รูปร่างหน้าตา (ที่บางทีค่อนไปทางไม่น่าพิสมัยด้วยซ้ำ) แต่ "ความสามารถ" ของตัวเอกเหล่ากลายเป็นเสน่ห์ให้คนดูติดใจและติดตาม จนพัฒนาไปสนใจเสน่ห์ด้่านอื่นๆ ของตัวละครนั้นๆ ไป
ง่ายๆ คือ ความสามารถมาก่อน รูปร่างหน้าตามาทีหลัง
ละครไทย คนที่ได้โชว์ความสามารถในการคิดและวางแผน ดันมีแต่พวกตัวร้าย (กับแผนการร้ายๆ)
ครั้น ถ้าบางครั้งบางคราว ตัวละครเอกดีๆ จะโชว์พาววางแผนบ้างอะไรบ้าง ก็มีแต่แผนตื้นๆ เด็กๆ ที่ไม่สามารถทำให้คนดู "เชื่อ" ได้ว่าแผนติงต๊องแบบนี้มันจะสำเร็จ (แต่ก็สำเร็จทุกครั้งไป)
เรื่องของเรื่อง เห็นณเดชในบทพิทยาที่ช่างซื่อและบื้อจนน่าเบื่อ ทำให้บางยังอดคิดไม่ได้ว่า เออ ตัวร้ายๆ อย่าง ระวี หรือ ดล ยังรู้จักมี action ทำอะไรสักอย่าง มีแผนมีนู่นนี่นั่น ก็อยากจะแสดงความเห็นว่า คนดี ไม่จำเป็นต้องซื่อถึงจะมีเสน่ห์นะ ผมว่าคนดีที่ฉลาดรู้ทันคน ไปจนถึงรู้จัก initiative รู้จัก take action ฯลฯ ต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่สร้างสเน่ห์ให้ตัวละครได้เป็นอย่างดี
อนึ่ง. ถ้าพูดถึงฝั่งฮอลลีวู้ด จะสังเกตความน้ำเน่าของเค้า คือการที่ ตัวละครเอกฝ่ายหญิง (นางเอก) ในหลายๆ โอกาสจะเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่เอาไว้ให้ฝ่ายชายโชว์พาว ช่วยเหลือ อะไรแบบนั้น แต่ไม่ค่อยได้มีบทบาทหรือมีความสำคัญอะไรเอาเสียเลย (หนังซุปเปอร์ฮีโร่ี่นี่ชัดๆ เลย นางเอกมีไว้ร้องกรี้ดอย่างเดียว)
กลับกันกับหนังไทย ที่ฝ่ายหญิงมักจะ แรด (ใช้คำนี้ได้มั้ย) และแรง เป็นฝ่ายที่บางทีมีบทบาทในการขับเคลื่อนเนื้อเรื่องมากกว่าฝ่ายชายเยอะ ผู้ชายโดยเฉพาะพระเอกมีหน้าที่เป็นคนดีนิ่งๆ ซื่อๆ เท่านั้นเอง
อนาถ
สิ่งที่ละครไทยเอามาขาย ก็จะวิ่งวนรอบประเด็นความรัก conflict จะวิ่งวนอยู่กับเรื่องนี้เท่านั้น และจะขยี้ด้วยซีนทั้งด้านบวกและลบของเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เปิดเพลงคลอ เป๊ะ
จริงๆ การสร้างมิติของตัวละครมันมีได้เยอะแยะไม่จำเป็นเฉพาะความรัก แม้ความรักอาจจะเป็นแกนหลัก แต่มีอีกมากมายให้ใส่ เหมือนอย่างหนังวันสิ้นโลกของ Roland Emerich ที่ก็จะชอบให้ตัวละครเอกมีปัญหาครอบครัว เป็นต้น
ปัญหาครอบครัว (เหมือนของตาดล) จริงๆ จะหยิบมาเน้นให้หนักขึ้นก็ได้ แต่ที่ผ่านๆ มาเล่นเบาบางมากก
เรื่องอื่นๆ ในชีวิต ถ้าหยิบมาขยี้เพิ่มก็น่าจะดีขึ้น อย่างความต้องการพิสูจน์ตัวเอง (ของพิทยา) ก็ถูกพูดถึงเพียงผ่านๆ บางๆ เลยแล้วก็เลยไป
คือ โดยสรุป รู้สึกว่าแก่นของละครไทยมันไม่พ้นวิ่งรอบประเด็นความรักเป็นหลัก ซึ่งก็โอเค แต่ประเด็นอื่นๆ มาน่าจะถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างความสมจริงของตัวละคร (และเนื้อเรื่อง) ไปด้วย ความเป็นมาเป็นไปของตัวละครไปจนถึงการพัฒนาของตัวละคร มันควรจะสมเหตุสมผล ไม่ใช่ว่าคนที่มีแรงผลักเพราะกำพร้าแต่เด็ก ต้องการพิสูจน์ตัวเองเพื่อคนรัก และฉลาดจนเป็นวิศวกรใหญ่ แต่กลับซื่อและฉลาดน้อยบรม
หัวหน้างานของเราๆ ไม่ค่อยโง่กัีนเท่าไหร่นะ ว่ามั้ย ซื่อๆ ยังไม่มีเลย
ว่าไป จริงๆ แล้วความเกรี้ยวดกราดของภูวดลอาจจะยังเหมาะกับ background ชึีวิตของพิทยาที่ต้องสู้ชีวิตมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
ขณะที่ลูกคนรวยอย่างภูวดลแม้อาจจะเหมาะกันดีกับความเอาแต่ใจ แต่ก็น่าจะมาพร้อมกับความเหลาะแหละ (กว่านี้) และทิ้งอะไรได้ง่ายๆ (อย่างที่เสนอมาในตอนแรกๆ) นั่นเพราะเค้าไม่จำเป็นต้องง้อ และสามารถหาอะไรใหม่มาแทนที่สิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจได้เสมอ และกว่าจะปั้นประเด็นที่ภูวดลกลัวพิทยาจะมาแทรกกลางระหว่างตัวเองกับย่า ก็ไม่หนักแน่นและถูกพูดถึงช้าเหลือเกิน
ละครไทย ทำให้คนติดก็เพียงเพราะว่า ประเด็นความรัก ที่มีกุ๊กกิ๊กปาหมอนกันทุกตอน และการแก้ปัญหาเป็นเปลาะๆ ไป มีแผนสั้นๆ และการแก้ไข/เปิดโปงเป็นตอนๆ ไป ซึ่งในหลายๆ ครั้งพวก conflict เล็กๆ นี่ก็ไม่ได้มีผลอะไรเลย เหมือนคั่นเวลาไว้เฉยๆ สังเกตุได้ว่า ก่อน-หลัง แผนการนั้นๆ จะเริ่มและถูกแก้จบไป บางทีเนื้อเรื่องหลักไม่ได้คืบหน้าเลย
ผมเองไม่ได้ดูละครมานานแล้ว ชอบดูแต่ข่าวกับละคร แต่ได้กลับมาดูละครก็ชอบดูนะ ดูฆ่าเวลา ตอนนี้ผมก็ทั้งโหลดเพลงและเล่นกีต้าร์เพลงประกอบแรงปราถนานี่ได้หมด แล้ว 5555 เพลงเพราะดี นั่งด่าระวี/พ่อดลไปเรื่อย
อินครับ ไม่ใ่ช่ไม่อิน แต่อินอย่างมีสติ และสังเกตด้วย ถึงได้เขียนกระทู้นี้
:: [ แรงปราถนา (และละครไทย) ตัวเอกมักจะขายแค่หน้าตา? ] ::
ตัวเอกละครไทย มักจะต้องซื่อไปจนถึงบื้อ ไม่มีแผนการอะไรกับเขา
ส่วนหนึ่ง อาจเพราะมุมมองคนไทยมองว่า "คนมีแผน" ต้องเป็นคนไม่ดี แล้วลองมองย้อนกลับไป ดูหนังฝรั่งมากี่เรื่อง แทบหาพระเอกโง่ๆ ไม่ได้เลย ถ้าชัดๆ ก็พวกตัวเอกที่มีบุคลิคเป็นผู้นำและนักเอาตัวรอด อย่างพวกหนังบู๊และหนังสายลับ ที่เสน่ห์หลักๆ ไม่ใช่รูปร่างหน้าตา (ที่บางทีค่อนไปทางไม่น่าพิสมัยด้วยซ้ำ) แต่ "ความสามารถ" ของตัวเอกเหล่ากลายเป็นเสน่ห์ให้คนดูติดใจและติดตาม จนพัฒนาไปสนใจเสน่ห์ด้่านอื่นๆ ของตัวละครนั้นๆ ไป
ง่ายๆ คือ ความสามารถมาก่อน รูปร่างหน้าตามาทีหลัง
ละครไทย คนที่ได้โชว์ความสามารถในการคิดและวางแผน ดันมีแต่พวกตัวร้าย (กับแผนการร้ายๆ)
ครั้น ถ้าบางครั้งบางคราว ตัวละครเอกดีๆ จะโชว์พาววางแผนบ้างอะไรบ้าง ก็มีแต่แผนตื้นๆ เด็กๆ ที่ไม่สามารถทำให้คนดู "เชื่อ" ได้ว่าแผนติงต๊องแบบนี้มันจะสำเร็จ (แต่ก็สำเร็จทุกครั้งไป)
เรื่องของเรื่อง เห็นณเดชในบทพิทยาที่ช่างซื่อและบื้อจนน่าเบื่อ ทำให้บางยังอดคิดไม่ได้ว่า เออ ตัวร้ายๆ อย่าง ระวี หรือ ดล ยังรู้จักมี action ทำอะไรสักอย่าง มีแผนมีนู่นนี่นั่น ก็อยากจะแสดงความเห็นว่า คนดี ไม่จำเป็นต้องซื่อถึงจะมีเสน่ห์นะ ผมว่าคนดีที่ฉลาดรู้ทันคน ไปจนถึงรู้จัก initiative รู้จัก take action ฯลฯ ต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่สร้างสเน่ห์ให้ตัวละครได้เป็นอย่างดี
อนึ่ง. ถ้าพูดถึงฝั่งฮอลลีวู้ด จะสังเกตความน้ำเน่าของเค้า คือการที่ ตัวละครเอกฝ่ายหญิง (นางเอก) ในหลายๆ โอกาสจะเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่เอาไว้ให้ฝ่ายชายโชว์พาว ช่วยเหลือ อะไรแบบนั้น แต่ไม่ค่อยได้มีบทบาทหรือมีความสำคัญอะไรเอาเสียเลย (หนังซุปเปอร์ฮีโร่ี่นี่ชัดๆ เลย นางเอกมีไว้ร้องกรี้ดอย่างเดียว)
กลับกันกับหนังไทย ที่ฝ่ายหญิงมักจะ แรด (ใช้คำนี้ได้มั้ย) และแรง เป็นฝ่ายที่บางทีมีบทบาทในการขับเคลื่อนเนื้อเรื่องมากกว่าฝ่ายชายเยอะ ผู้ชายโดยเฉพาะพระเอกมีหน้าที่เป็นคนดีนิ่งๆ ซื่อๆ เท่านั้นเอง
อนาถ
สิ่งที่ละครไทยเอามาขาย ก็จะวิ่งวนรอบประเด็นความรัก conflict จะวิ่งวนอยู่กับเรื่องนี้เท่านั้น และจะขยี้ด้วยซีนทั้งด้านบวกและลบของเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เปิดเพลงคลอ เป๊ะ
จริงๆ การสร้างมิติของตัวละครมันมีได้เยอะแยะไม่จำเป็นเฉพาะความรัก แม้ความรักอาจจะเป็นแกนหลัก แต่มีอีกมากมายให้ใส่ เหมือนอย่างหนังวันสิ้นโลกของ Roland Emerich ที่ก็จะชอบให้ตัวละครเอกมีปัญหาครอบครัว เป็นต้น
ปัญหาครอบครัว (เหมือนของตาดล) จริงๆ จะหยิบมาเน้นให้หนักขึ้นก็ได้ แต่ที่ผ่านๆ มาเล่นเบาบางมากก
เรื่องอื่นๆ ในชีวิต ถ้าหยิบมาขยี้เพิ่มก็น่าจะดีขึ้น อย่างความต้องการพิสูจน์ตัวเอง (ของพิทยา) ก็ถูกพูดถึงเพียงผ่านๆ บางๆ เลยแล้วก็เลยไป
คือ โดยสรุป รู้สึกว่าแก่นของละครไทยมันไม่พ้นวิ่งรอบประเด็นความรักเป็นหลัก ซึ่งก็โอเค แต่ประเด็นอื่นๆ มาน่าจะถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างความสมจริงของตัวละคร (และเนื้อเรื่อง) ไปด้วย ความเป็นมาเป็นไปของตัวละครไปจนถึงการพัฒนาของตัวละคร มันควรจะสมเหตุสมผล ไม่ใช่ว่าคนที่มีแรงผลักเพราะกำพร้าแต่เด็ก ต้องการพิสูจน์ตัวเองเพื่อคนรัก และฉลาดจนเป็นวิศวกรใหญ่ แต่กลับซื่อและฉลาดน้อยบรม
หัวหน้างานของเราๆ ไม่ค่อยโง่กัีนเท่าไหร่นะ ว่ามั้ย ซื่อๆ ยังไม่มีเลย
ว่าไป จริงๆ แล้วความเกรี้ยวดกราดของภูวดลอาจจะยังเหมาะกับ background ชึีวิตของพิทยาที่ต้องสู้ชีวิตมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
ขณะที่ลูกคนรวยอย่างภูวดลแม้อาจจะเหมาะกันดีกับความเอาแต่ใจ แต่ก็น่าจะมาพร้อมกับความเหลาะแหละ (กว่านี้) และทิ้งอะไรได้ง่ายๆ (อย่างที่เสนอมาในตอนแรกๆ) นั่นเพราะเค้าไม่จำเป็นต้องง้อ และสามารถหาอะไรใหม่มาแทนที่สิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจได้เสมอ และกว่าจะปั้นประเด็นที่ภูวดลกลัวพิทยาจะมาแทรกกลางระหว่างตัวเองกับย่า ก็ไม่หนักแน่นและถูกพูดถึงช้าเหลือเกิน
ละครไทย ทำให้คนติดก็เพียงเพราะว่า ประเด็นความรัก ที่มีกุ๊กกิ๊กปาหมอนกันทุกตอน และการแก้ปัญหาเป็นเปลาะๆ ไป มีแผนสั้นๆ และการแก้ไข/เปิดโปงเป็นตอนๆ ไป ซึ่งในหลายๆ ครั้งพวก conflict เล็กๆ นี่ก็ไม่ได้มีผลอะไรเลย เหมือนคั่นเวลาไว้เฉยๆ สังเกตุได้ว่า ก่อน-หลัง แผนการนั้นๆ จะเริ่มและถูกแก้จบไป บางทีเนื้อเรื่องหลักไม่ได้คืบหน้าเลย
ผมเองไม่ได้ดูละครมานานแล้ว ชอบดูแต่ข่าวกับละคร แต่ได้กลับมาดูละครก็ชอบดูนะ ดูฆ่าเวลา ตอนนี้ผมก็ทั้งโหลดเพลงและเล่นกีต้าร์เพลงประกอบแรงปราถนานี่ได้หมด แล้ว 5555 เพลงเพราะดี นั่งด่าระวี/พ่อดลไปเรื่อย
อินครับ ไม่ใ่ช่ไม่อิน แต่อินอย่างมีสติ และสังเกตด้วย ถึงได้เขียนกระทู้นี้