หลังจากแยกทางกันได้พักใหญ่ๆ สำหรับ “บ๊วย-เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” และ “ตุ๊ก-ชนกวนันท์ รักชีพ” ทั้งคู่ก็ไม่เคยรับงานคู่กันอีกเลย แต่ในงานหนังสือ “ตุ๊บปองร้อยเรียงร้อยเรื่องแม่ของลูก” กลับเห็นทั้งคู่รับงานคู่กันซะอย่างนั้น หรือว่าจะกลับมากินน้ำพริกถ้วยกันแล้วหนอ ผู้สื่อข่าวก็เลยเข้าไปถามซักหน่อยว่าทำไมถึงได้รับงานคู่กัน โดยทั้งสองก็ให้สัมภาษณ์ว่า

      “ตุ๊ก” : คือพี่ตุ๊บปองที่เป็นผู้เขียนเป็นพี่ของเราที่เราเคารพมากๆ แล้วเขาเหมือนเป็นคุณลุงของลูกๆ จริงๆ ถ้าเพียงพี่ตุ๊บปองร้องขอเราก็ทำให้ได้ค่ะ เขาก็อยากให้เรามีส่วนร่วมก็เป็นเกียรติ์สำหรับเราด้วย
      “บ๊วย” : เรื่องอดีตคือก็คืออดีตครับ ปัจจุบันของเราเป็นแบบนี้ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนที่ร่วมงานกันได้ ต่อไปก็จะมีรายการคู่กันด้วย ก็ต้องติดตามดูแล้วกันว่าเป็นรายการอะไร(ยิ้ม) เป็นรายการทีวีครับ เป็นพิธีกรคู่กัน
      “ตุ๊ก” : ก็เหมือนเป็นเพื่อนร่วมงานท่านอื่นๆ นะคะ

ทำรายการเกี่ยวกับอะไร เกี่ยวกับครอบครัวหรือเปล่า
      “ตุ๊ก” : ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นเรื่องที่ทางโปรดิวเซอร์เห็นว่าพิธีกรท่านใดที่พอจะนำเสนอได้ค่ะ
      “บ๊วย” : เอาอย่างนี้ คือมันเป็นแบบนี้เลยครับ ถ้าเห็นว่าดีก็ดี เห็นว่าเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้นเลยครับ ไม่ต้องอธิบายมาก ทำงานด้วยกันได้ครับ เลี้ยงด้วยด้วยกันได้ทำไมจะทำงานด้วยกันไม่ได้

แบบนี้เหมือนจะกลับมาดูแลกัีนเหมือนเดิมหรือเปล่า
      “บ๊วย” : ตอบยากมากเลย ปัจจุบันเป็นแบบนี้แล้วกัน เคลียร์เลยนะ ปัจจุบันเป็นแบบนี้ ผมไม่อยากบอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นนะ ปัจจุบันก็คือเราเป็นพ่อและแม่ของลูกให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง
      “ตุ๊ก” : ก็เรื่องทุกอย่างจบลงไปแล้วนะคะ เราอยู่ในฐานะถ้าทำงานก็คือเป็นเพื่อนร่วมงาน ในฐานะครอบครัวก็คือเป็นพ่อและแม่ ประเด็นของลูกคือเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุด นอกเหนือไปจากเรื่องความสัมพันธ์ มากกว่าที่เราจะห่วงเรื่องของตัวเองค่ะ

ตอนนี้สถานะเป็นอะไรกัน
      “ตุ๊ก” : ก็เหมือนเพื่อนคนหนึ่งเลยค่ะ เรื่องในชีวิตถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วสามารถบอกได้เราก็จะคุยกัน เรื่องไหนที่เขาคิดว่าไม่ถนัดก็อาจจะไม่ได้คุยกัน

ถ้าเกิดว่าเราคนใดคนหนึ่งมีคนใหม่เข้ามาจะปรึกษากันหรือเปล่า
      “ตุ๊ก” : (หัวเราะ) พี่บ๊วยไม่เห็นปรึกษาเลย
      “บ๊วย” : โอ้ย โยนๆ ไม่รู้เรื่องเลย มีคนบอกว่าตุ๊กมีคนอื่นจริงหรือเปล่าครับ
      “ตุ๊ก” : (หัวเราะ) เปลี่ยนเรื่องๆ
      “บ๊วย” : เอางี้ ผมพูดเลยว่าอะไรที่ทำให้ตุ๊กมีความสุขก็ทำไปเลย ผมเคยบอกแล้วว่าผมเคยร้องเพลงรักเมียที่สุดในโลก ตุ๊กเป็นคนที่ผมมีความรักให้เสอมเพราะเขาเป็นคนให้ของมีค่าสำหรับ ก็คือลูกสองคน ความรักของผมที่มีต่อตุ๊กมันก็เป็นความรักแบบนั้นครับ ส่วนสถานะจะเป็นยังไงก็เป็นแบบนี้แหละครับ คือตอนนี้เราทำแล้วมีพลังในการเลี้ยงลูกก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเรา เอาให้ปัจจุบันเป็นแบบนี้ก่อน อนาคตจะเป็นยังไงก็เป็นเรื่องของอนาคต คือตุ๊กจะมีใครหรือข่าวก็อาจจะเป็นข่าว ถ้าเกิดมีตุ๊กก็น่าจะมาปรึกษาผมแล้วจริงไหม หมายถึงว่าอนาคตจะเป็นยังไงผมก็สนับสนุน ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คือถ้าเรามีความรู้สึกที่ดีต่อกันจะเป็นอะไรก็ได้ครับ
      “ตุ๊ก” : ก็เหมือนเดิมเลยค่ะ จริงๆ ตุ๊กเป็นคนชอบใช้ชีวิตตามความรู้สึก แล้วตุ๊กรู้สึกว่าเรื่องนี้เขาน่าจะให้คำปรึกษาได้ดีก็อาจจะแชร์ แต่ส่วนใหญ่ที่ผ่านมามันยังไม่มีความรู้สึกเรื่องนั้น คุยกันเรื่องลูกก็หมดเวลาแล้ว ก็เหมือนเพื่อนคนหนึ่งค่ะจริงๆ เราก้จะเวียนไปว่าเรื่องนี้เรานึกถึงใคร ก็ปล่อยไปตามความรู้สกึค่ะ

แต่ว่าพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูกแบบนี้ก็น่ารักดีนะ
      “บ๊วย” : ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ ถ้ามันยอดเยี่ยมก็ยอดเยี่ยมครับ มันเป็นเรื่องปกติแหละครับ ผมก็บอกแล้วว่าผมมีความรักให้กับตุ๊กแบบไหนก็แบบนั้นเลยครับ พูดตามตรงว่าตุ๊กก็ยอดเยี่ยมอย่างที่ผมเคยบอกตามสื่อ ผมกล้าชมต่อหน้าตุ๊กเลยว่าตุ๊กเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยม เป็นแม่ที่แข็งแรง เป็นคนหนึ่งที่คอยให้กำลังใจผมด้วยซ้ำทั้งๆ ที่ตุ๊กจะต้องเป็นคนที่ถูกให้กำลังใจ และทำให้ผมสามารถผ่านเรื่องราวในอดีตมาได้ อดีตก็คืออดีตครับ เราสองคนเป็นแบบนี้มันก็น่าจะเป็นภาพที่ชัดเจน เวลาเราสองคนมีความสุข เรื่องอะไรที่ตุ๊กมีความสุขผมก็สนับสนุนครับ เพราะว่าความสุขของเราจะไปหยอดในกระปุกออมสินของลูกสองคนเท่านั้นเองครับ แล้วลูกเราจะเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความสุขครับ
      “ตุ๊ก” : ขอบคุณค่ะ

ข่าวจาก  :  รักดารา
http://www.rakdara.net/overview.php?c=2&id=32166