ขอออกตัวก่อนว่าไม่มีประสบการณ์ในการซื้อขายรถมาก่อนค่ะ เป็นของชิ้นใหญ่ชิ้นแรกที่จะซื้อ
จองรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรตัน เมกาแค็บ พลัส จากโชว์รูมหนึ่ง ย่านมีนบุรี
ทำไฟแนนซ์กับ ธ.เกียรตินาคินไปค่ะ
จะรับรถอยู่แล้ว...พรุ่งนี้
เพิ่งทราบว่าตัวเองจะต้องจ่ายค่าประกันชีวิตทุกเดือน เดือนละ 87 บาท -*-
ไฟแนนซ์ไม่เคยคุยอะไรกับเราเลย หลังจากวันที่เซ็นต์สัญญากันไป
ซึ่งวันที่เซ็นต์ ก็มีใบประกันของ AIA เราบอกว่าเรามีประกันชีวิตอยู่แล้วนะ
เราไม่ทำได้มั้ย?
เค้าก็บอกให้เราเซ็นต์ๆไปก่อน แล้วทางประกันจะโทรหาเราเอง ให้เราบอกว่าไม่เอาตอนนั้นก็ได้
(ซึ่งทั้งไฟแนนซ์และเซลล์ขายรถต่างก็ยืนยันกับเราเป็นมั่นเป็นเหมาะ)
ก็เซ็นต์ไป...ตัดความรำคาญ
วันต่อมาเราโทรบอกเซลล์ว่าคุยกับธนาคารให้ด้วยว่าให้เค้ายกเลิกเรื่องประกันให้ด้วยนะ อย่าลืมนะ
ซึ่งก็ไม่มีบริษัทประกันโทรมาติดต่อเราจริงๆ เราก็โอเค เข้าใจว่าเค้าคงบอกให้เราแล้ว
แต่ว่านอกจากประกันไม่โทรมา ไฟแนนซ์ก็ไม่โทรมาด้วย โทรมาอีกทีตอนที่เค้าจะมาดูบ้าน มาถ่ายรูปบ้าน
เราก็ลืมถามเรื่องประกันไปเลย...และเชื่ออย่างที่บอกว่ามันคงไม่มีอะไรแล้ว
-*- รู้สึกแย่ที่ยอมเซ็นต์ไปก่อน ไม่น่าเชื่อไฟแนนซ์ธนาคารนี้เลย
และบอกตรงๆว่าไม่รู้ว่าเค้าจะมีอะไรที่อยากจะเพิ่งแจ้งเราอีกมั้ย? และไม่อยากจะอะไรด้วยแล้ว อยากยกเลิกทุกสิ่ง
ทั้งเซลล์และไฟแนนซ์ เลย -*-
เงินที่เพิ่มมามันไม่เยอะ...แต่มันจำเป็นจริงๆหรือ?
และการที่เซลล์เพิ่งจะแจ้ง เหมือนกับว่าคำพูดที่เราพร่ำบอกไปในฐานะลูกค้ามันไม่มีความหมายเลย
ยอมรับว่าเราเยอะกับเซลล์ตอนเรื่องที่จะเปลี่ยนรุ่นรถ แต่เรื่องที่เราพูดมันก่อนที่เราจะแจ้งเรื่องการเปลี่ยนรุ่นรถ
ซึ่งเค้าควรดำเนินการ และชี้แจงเรากลับมาตั้งแต่วันแรกๆ
แต่นี่ทำเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วบอกว่าต้องจ่ายเพิ่ม
อีกเรื่องคือ ค่าจดทะเบียน...ในใบจองที่แก้กันไปแก้กันมา ก็เขียนไว้ดิบดีว่า 2500 วันนี้โทรมาบอกว่า 2700
เพราะเราเปลี่ยนจากกระบะตัวเตี้ยเป็นยกสูง
ต้องขอบคุณหรือเปล่าคะ? ที่มาแจ้งให้ทราบทุกสิ่งก่อนจะไปรับรถพรุ่งนี้
รู้สึกเหมือนกับว่าเราควรจะคุยกันจบเรื่องตั้งนานแล้ว
วันนี้คุยกับทั้งเซลล์และทั้งไฟแนนซ์ สิ่งที่รู้สึกซาบซึ้งคือ
1. เค้ารู้กันอยู่แล้วว่าส่วนนี้เราจะต้องจ่ายเพิ่ม แต่ในวันที่เราไปเปลี่ยนใบจอง ไม่มีการแก้ไข หรือแจ้งเพิ่มเติมในส่วนนี้เลย
ทั้งในส่วนของประกัน และ ส่วนของค่าจดทะเบียนที่เพิ่มเข้ามา
2. เค้ายืนยันกันว่ายังไงก็ต้องทำประกันส่วนนี้ เผื่อว่าเราอาจจะประสบอุบัติเหตุ พิการ หรือ เสียชีวิต
แล้วถ้าเราไม่เป็นอะไรสักอย่าง...ไม่เห็นแจ้งมาเลยว่าจะคืนเงินส่วนนี้
3. อีกเรื่องที่เซลล์บอกคือ ถ้าเราไม่ทำประกันตัวนี้ ไฟแนนซ์จะไม่ให้ผ่าน อยากบอกเหลือเกินว่า ไม่ต้องให้ผ่านก็ได้ และคืนเงินที่เราจองไปทั้งหมดมาด้วย เรื่องนี้จะจบเลย
4. เราทุกฝ่ายคงไม่มีใครประทับใจใครแล้วล่ะ ก็อย่าทำธุรกิจร่วมกันเลย
รู้สึกไม่ไว้วางใจทั้งเซลล์ และ ไฟแนนซ์มากๆ ถ้าเราทนๆวางเงินดาวน์ไป จ่ายค่างวด + ประกัน ไป
ก็ไม่ได้มีอะไรมาประกันได้ว่าเราจะได้รับการดูแลที่ดีจากทุกฝ่าย
เพราะที่ผ่านมามีอะไรเค้าคุยกันเอง ส่วนเราคนจ่ายเงินนะคุณ รู้เรื่องไม่หมด รู้ทีละสิ่ง รู้เอาทีหลัง และคำพูดของเราไม่มีความหมาย
ไม่อยากจะเชื่อว่ารถคันแรกมันจะเป็นเรื่องน่าเบื่อขนาดนี้
จริงหรือไม่? ว่าไฟแนนซ์จะให้เราผ่าน...ต้องให้เราทำประกันชีวิตเวลาเราซื้อรถ !!!
จองรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรตัน เมกาแค็บ พลัส จากโชว์รูมหนึ่ง ย่านมีนบุรี
ทำไฟแนนซ์กับ ธ.เกียรตินาคินไปค่ะ
จะรับรถอยู่แล้ว...พรุ่งนี้
เพิ่งทราบว่าตัวเองจะต้องจ่ายค่าประกันชีวิตทุกเดือน เดือนละ 87 บาท -*-
ไฟแนนซ์ไม่เคยคุยอะไรกับเราเลย หลังจากวันที่เซ็นต์สัญญากันไป
ซึ่งวันที่เซ็นต์ ก็มีใบประกันของ AIA เราบอกว่าเรามีประกันชีวิตอยู่แล้วนะ
เราไม่ทำได้มั้ย?
เค้าก็บอกให้เราเซ็นต์ๆไปก่อน แล้วทางประกันจะโทรหาเราเอง ให้เราบอกว่าไม่เอาตอนนั้นก็ได้
(ซึ่งทั้งไฟแนนซ์และเซลล์ขายรถต่างก็ยืนยันกับเราเป็นมั่นเป็นเหมาะ)
ก็เซ็นต์ไป...ตัดความรำคาญ
วันต่อมาเราโทรบอกเซลล์ว่าคุยกับธนาคารให้ด้วยว่าให้เค้ายกเลิกเรื่องประกันให้ด้วยนะ อย่าลืมนะ
ซึ่งก็ไม่มีบริษัทประกันโทรมาติดต่อเราจริงๆ เราก็โอเค เข้าใจว่าเค้าคงบอกให้เราแล้ว
แต่ว่านอกจากประกันไม่โทรมา ไฟแนนซ์ก็ไม่โทรมาด้วย โทรมาอีกทีตอนที่เค้าจะมาดูบ้าน มาถ่ายรูปบ้าน
เราก็ลืมถามเรื่องประกันไปเลย...และเชื่ออย่างที่บอกว่ามันคงไม่มีอะไรแล้ว
-*- รู้สึกแย่ที่ยอมเซ็นต์ไปก่อน ไม่น่าเชื่อไฟแนนซ์ธนาคารนี้เลย
และบอกตรงๆว่าไม่รู้ว่าเค้าจะมีอะไรที่อยากจะเพิ่งแจ้งเราอีกมั้ย? และไม่อยากจะอะไรด้วยแล้ว อยากยกเลิกทุกสิ่ง
ทั้งเซลล์และไฟแนนซ์ เลย -*-
เงินที่เพิ่มมามันไม่เยอะ...แต่มันจำเป็นจริงๆหรือ?
และการที่เซลล์เพิ่งจะแจ้ง เหมือนกับว่าคำพูดที่เราพร่ำบอกไปในฐานะลูกค้ามันไม่มีความหมายเลย
ยอมรับว่าเราเยอะกับเซลล์ตอนเรื่องที่จะเปลี่ยนรุ่นรถ แต่เรื่องที่เราพูดมันก่อนที่เราจะแจ้งเรื่องการเปลี่ยนรุ่นรถ
ซึ่งเค้าควรดำเนินการ และชี้แจงเรากลับมาตั้งแต่วันแรกๆ
แต่นี่ทำเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วบอกว่าต้องจ่ายเพิ่ม
อีกเรื่องคือ ค่าจดทะเบียน...ในใบจองที่แก้กันไปแก้กันมา ก็เขียนไว้ดิบดีว่า 2500 วันนี้โทรมาบอกว่า 2700
เพราะเราเปลี่ยนจากกระบะตัวเตี้ยเป็นยกสูง
ต้องขอบคุณหรือเปล่าคะ? ที่มาแจ้งให้ทราบทุกสิ่งก่อนจะไปรับรถพรุ่งนี้
รู้สึกเหมือนกับว่าเราควรจะคุยกันจบเรื่องตั้งนานแล้ว
วันนี้คุยกับทั้งเซลล์และทั้งไฟแนนซ์ สิ่งที่รู้สึกซาบซึ้งคือ
1. เค้ารู้กันอยู่แล้วว่าส่วนนี้เราจะต้องจ่ายเพิ่ม แต่ในวันที่เราไปเปลี่ยนใบจอง ไม่มีการแก้ไข หรือแจ้งเพิ่มเติมในส่วนนี้เลย
ทั้งในส่วนของประกัน และ ส่วนของค่าจดทะเบียนที่เพิ่มเข้ามา
2. เค้ายืนยันกันว่ายังไงก็ต้องทำประกันส่วนนี้ เผื่อว่าเราอาจจะประสบอุบัติเหตุ พิการ หรือ เสียชีวิต
แล้วถ้าเราไม่เป็นอะไรสักอย่าง...ไม่เห็นแจ้งมาเลยว่าจะคืนเงินส่วนนี้
3. อีกเรื่องที่เซลล์บอกคือ ถ้าเราไม่ทำประกันตัวนี้ ไฟแนนซ์จะไม่ให้ผ่าน อยากบอกเหลือเกินว่า ไม่ต้องให้ผ่านก็ได้ และคืนเงินที่เราจองไปทั้งหมดมาด้วย เรื่องนี้จะจบเลย
4. เราทุกฝ่ายคงไม่มีใครประทับใจใครแล้วล่ะ ก็อย่าทำธุรกิจร่วมกันเลย
รู้สึกไม่ไว้วางใจทั้งเซลล์ และ ไฟแนนซ์มากๆ ถ้าเราทนๆวางเงินดาวน์ไป จ่ายค่างวด + ประกัน ไป
ก็ไม่ได้มีอะไรมาประกันได้ว่าเราจะได้รับการดูแลที่ดีจากทุกฝ่าย
เพราะที่ผ่านมามีอะไรเค้าคุยกันเอง ส่วนเราคนจ่ายเงินนะคุณ รู้เรื่องไม่หมด รู้ทีละสิ่ง รู้เอาทีหลัง และคำพูดของเราไม่มีความหมาย
ไม่อยากจะเชื่อว่ารถคันแรกมันจะเป็นเรื่องน่าเบื่อขนาดนี้