ถือเป็นเกียรติอย่างมากครับที่ hikicker ติดต่อให้ผมมาเขียนคอลัมน์ประจำในเว็บไซต์แห่งนี้ เพราะนี่ถือเป็นความฝันอย่างหนึ่งในชีวิต ที่จะมีพื้นที่ในการแสดงมุมมองและความคิดเป็นของตัวเอง ต้องขอขอบพระคุณทีมงานทุกท่านสำหรับความไว้วางใจในครั้งนี้ด้วยนะครับ
ดังนั้นตั้งแต่นี้ไปคงได้พบกับเรื่องราวฟุตบอลไทยในแง่มุมต่างๆ จากผม เอาเป็นว่าขอฝากเนื้อฝากตัวกับแฟนๆ hikicker ไว้ด้วยแล้วกัน...^^
ในช่วงที่ฟุตบอลไทยปิดฤดูกาลแข่งขันทุกลีกและทุกถ้วยในตอนนี้ คงไม่มีข่าวสารใดที่จะแรงไปกว่า การไปทดสอบฝีเท้าที่สโมสรแอตเลติโก มาดริด ยอดทีมในลาลีก้าของศูนย์หน้าของเมืองไทยอย่าง "ธีรศิลป์ แดงดา" เรียกได้ว่าแฟนบอลชาวไทยได้อัพเดตข่าวสารชนิดวันต่อวันกันเลยทีเดียว
ผมเริ่มมีโอกาสคลุกคลีกับ "เจ้ามุ้ย" เมื่อครั้งกลับมาค้าแข้งในเมืองไทยกับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด หลังจากไปผจญภัยต่างแดนด้วยการเซ็นสัญญากับ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" และถูกยืมตัวไปที่ "กราสฮ็อปเปอร์ ซูริค" ในสวิตเซอร์แลนด์
มุ้ยเป็นคนพูดน้อยครับ เมื่อก่อนเจอผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์น่าจะเป็นงานหินสำหรับหนุ่มคนนี้ ประโยคติดปากของเขาเมื่อต้องตอบคำถามพี่ๆ นักข่าว คือ"ก็..ก็..ก็" ออกอารมณ์นึกไม่ออกว่าจะพูดว่าอะไร บางครั้งต้องมีเทค มีคัต ให้เห็นบ้าง เพราะความเขินอายกล้องของเขานั่นเอง
แต่หลังจากวันเวลาผ่านไป จากเด็กผอมแห้งขี้ก้างหูกาง ตอนนี้เขาเปล่งประกายความเป็นซูเปอร์สตาร์ออกมาให้เห็นเหลือเกิน ฝีเท้าก็พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งจนคว้าดาวซัลโวรายการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องนอกสนามก็เช่นกัน การพบปะพูดคุยกับสื่อกลายเป็นเรื่องขนมของเขาไปแล้ว ส่งผลให้เราได้เห็นเขาในจอโทรทัศน์มากขึ้น โดยเฉพาะการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าต่างๆ ที่แสดงให้เห็นแล้วว่าธีรศิลป์สามารถไขว่คว้าโอกาสทั้งในและนอกสนามได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วนการไปทดสอบฝีเท้ากับทีมตราหมีในครั้งนี้ ก็ถือเป็นโอกาสทองในชีวิตของเขาอีกครั้ง หลังจากเคยได้รับประสบการณ์ในยุโรปเมื่อหลายปีก่อน แต่การไปลุยลีกระดับโลกในครั้งนี้ตามมุมมองของผมคิดว่ามันมาไม่ถูกที่ถูกเวลาเท่าใดนัก และด้วยเหตุนี้อาจจะส่งผลให้คนไทยที่อยากจะได้เห็นนักบอลไทยไปโลดแล่นในลีกยุโรปอาจจะต้องผิดหวัง
ที่บอกว่าไม่ถูกจังหวะก็เพราะช่วงนี้ในลีกยุโรปกำลังขับเคี่ยวกันอย่างหนัก การเสริมทัพดึงตัวนักเตะในเวลานี้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คงยากที่จะเกิดขึ้น สังเกตได้จากตลาดซื้อขายรอบสองในเดือนมกราคมช่างเงียบเหงาเหลือเกิน เรียกได้ว่าหากนักเตะคนนัันไม่สามารถเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าของทีมได้ในทันทีก็คงลำบากที่จะได้จรดปากกาเซ็นสัญญา
อีกหนึ่งเหตุผลคือระยะเวลาในการไปเทสฝีเท้าของมุ้ยดูจะสั้นเกินไปหน่อย เวลา 2 สัปดาห์ กับการลงฝึกซ้อมกับทีมรองจ่าฝูงลาลีก้าอาจจะไม่เพียงพอให้ "ดิเอโก้ ซิเมโอเน่" กุนซือแอต.มาดริด สแกนฟอร์มอย่างถี่ถ้วน จนมีกระแสออกมาว่าอยากให้ธีรศิลป์อยู่ซ้อมกับทีมให้ยาวนานกว่านี้
และอีกเรื่องคือปัญหาสภาพความฟิตของมุ้ยเอง หลังจากกรำศึกกับสโมสรและทีมชาติมาอย่างหนัก แถมไม่ได้ฝึกซ้อมในโปรแกรมที่เข้มข้นมาตั้งแต่จบศึกซูซูกิคัพเมื่อช่วงท้ายปีที่แล้ว เรื่องความฟิตหากมาวัดกับนักเตะในทีมแอต.มาดริด ที่ลุยศึกมาตลอดทั้งซีซั่นคงลำบาก
ผมว่าสถานการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้ หากมุ้ยได้เดินทางไปเก็บตัวกับทีมดังแห่งสเปนในช่วงปรีซีซั่น ได้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ไปพร้อมๆ กับนักเตะในทีม ได้ลงโชว์ฟอร์มในเกมอุ่นเครื่องอย่างต่อเนื่อง มีเวลาทำความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมทีม ได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของสโมสรมากกว่านี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมว่าโอกาสสูงครับที่จะได้เซ็นสัญญา
พอสถานการณ์มันออกมาในลักษณะนี้ ก็คงต้องมาวัดใจต้นสังกัดของเจ้าตัวแล้วล่ะว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ผมว่าไว้นั้นก็น่าจะประมาณเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ฟุตบอลไทยกำลังแข่งขันกันอย่างออกรส โดยเฉพาะ "กิเลนผยอง" ที่มีถ้วยให้ลุ้นถึง 4 ถ้วยในปีนี้ เมืองทองพร้อมที่จะปล่อยมุ้ยไปโบยบินยุโรปหรือไม่ และมีแผนสองหรือยังหากต้องเสียดาวเตะหมายเลข 10 ไปกลางซีซั่นที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
อาจจะขัดใจแฟนบอลที่ให้กำลังใจมุ้ยพอสมควรนะครับ ถ้าผมจะบอกว่าดีลครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หลายคนหวังไว้ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชียร์ ไม่อยากเห็นเขาได้เข้าร่วมสังกัดทีมระดับโลก เพราะบอกตามตรงว่าแค่ได้เห็นเจ้าตัวโผล่ออกจอในการถ่ายทอดสดเกมลาลีก้าที่สนาม บิเซนเต้ กัล เดรอน ก็อดจะขนลุกไม่ได้ ที่เห็นว่าความฝันของน้องชายคนนี้เข้าใกล้ไปทุกที
แต่ต้องยอมรับด้วยใจจริงครับว่า ต้องลุ้นกันหนักๆ ถ้าอยากเห็นธีรศิลป์ชูเสื้อทีมตราหมีในช่วงเวลาอันใกล้นี้ แต่ถ้ามองในแง่ดีเขาจะได้ประสบการณ์ที่ยากจะหาได้กลับมาพัฒนาฝีเท้าของตัวเองและได้พิสูจน์ว่านักฟุตบอลไทยก็มีดีพอจะเล่นในลีกยุโรปได้เหมือนกัน
แม้การทดสอบฝีเท้าครั้งนี้อาจไม่บรรลุเป้าหมายในเรื่องของการเซ็นสัญญา แต่อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าฝีเท้าระดับมุ้ยเล่นในลีกยุโรปได้สบาย แค่โอกาสมา แต่จังหวะไม่ดี ก็เท่านั้นเอง...
ธีรศิลป์ แดงดา : ในวันที่โอกาสมา แต่จังหวะไม่ดี by สุรเดช มั่นวิมล
ถือเป็นเกียรติอย่างมากครับที่ hikicker ติดต่อให้ผมมาเขียนคอลัมน์ประจำในเว็บไซต์แห่งนี้ เพราะนี่ถือเป็นความฝันอย่างหนึ่งในชีวิต ที่จะมีพื้นที่ในการแสดงมุมมองและความคิดเป็นของตัวเอง ต้องขอขอบพระคุณทีมงานทุกท่านสำหรับความไว้วางใจในครั้งนี้ด้วยนะครับ
ดังนั้นตั้งแต่นี้ไปคงได้พบกับเรื่องราวฟุตบอลไทยในแง่มุมต่างๆ จากผม เอาเป็นว่าขอฝากเนื้อฝากตัวกับแฟนๆ hikicker ไว้ด้วยแล้วกัน...^^
ในช่วงที่ฟุตบอลไทยปิดฤดูกาลแข่งขันทุกลีกและทุกถ้วยในตอนนี้ คงไม่มีข่าวสารใดที่จะแรงไปกว่า การไปทดสอบฝีเท้าที่สโมสรแอตเลติโก มาดริด ยอดทีมในลาลีก้าของศูนย์หน้าของเมืองไทยอย่าง "ธีรศิลป์ แดงดา" เรียกได้ว่าแฟนบอลชาวไทยได้อัพเดตข่าวสารชนิดวันต่อวันกันเลยทีเดียว
ผมเริ่มมีโอกาสคลุกคลีกับ "เจ้ามุ้ย" เมื่อครั้งกลับมาค้าแข้งในเมืองไทยกับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด หลังจากไปผจญภัยต่างแดนด้วยการเซ็นสัญญากับ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" และถูกยืมตัวไปที่ "กราสฮ็อปเปอร์ ซูริค" ในสวิตเซอร์แลนด์
มุ้ยเป็นคนพูดน้อยครับ เมื่อก่อนเจอผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์น่าจะเป็นงานหินสำหรับหนุ่มคนนี้ ประโยคติดปากของเขาเมื่อต้องตอบคำถามพี่ๆ นักข่าว คือ"ก็..ก็..ก็" ออกอารมณ์นึกไม่ออกว่าจะพูดว่าอะไร บางครั้งต้องมีเทค มีคัต ให้เห็นบ้าง เพราะความเขินอายกล้องของเขานั่นเอง
แต่หลังจากวันเวลาผ่านไป จากเด็กผอมแห้งขี้ก้างหูกาง ตอนนี้เขาเปล่งประกายความเป็นซูเปอร์สตาร์ออกมาให้เห็นเหลือเกิน ฝีเท้าก็พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งจนคว้าดาวซัลโวรายการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องนอกสนามก็เช่นกัน การพบปะพูดคุยกับสื่อกลายเป็นเรื่องขนมของเขาไปแล้ว ส่งผลให้เราได้เห็นเขาในจอโทรทัศน์มากขึ้น โดยเฉพาะการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าต่างๆ ที่แสดงให้เห็นแล้วว่าธีรศิลป์สามารถไขว่คว้าโอกาสทั้งในและนอกสนามได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วนการไปทดสอบฝีเท้ากับทีมตราหมีในครั้งนี้ ก็ถือเป็นโอกาสทองในชีวิตของเขาอีกครั้ง หลังจากเคยได้รับประสบการณ์ในยุโรปเมื่อหลายปีก่อน แต่การไปลุยลีกระดับโลกในครั้งนี้ตามมุมมองของผมคิดว่ามันมาไม่ถูกที่ถูกเวลาเท่าใดนัก และด้วยเหตุนี้อาจจะส่งผลให้คนไทยที่อยากจะได้เห็นนักบอลไทยไปโลดแล่นในลีกยุโรปอาจจะต้องผิดหวัง
ที่บอกว่าไม่ถูกจังหวะก็เพราะช่วงนี้ในลีกยุโรปกำลังขับเคี่ยวกันอย่างหนัก การเสริมทัพดึงตัวนักเตะในเวลานี้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คงยากที่จะเกิดขึ้น สังเกตได้จากตลาดซื้อขายรอบสองในเดือนมกราคมช่างเงียบเหงาเหลือเกิน เรียกได้ว่าหากนักเตะคนนัันไม่สามารถเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าของทีมได้ในทันทีก็คงลำบากที่จะได้จรดปากกาเซ็นสัญญา
อีกหนึ่งเหตุผลคือระยะเวลาในการไปเทสฝีเท้าของมุ้ยดูจะสั้นเกินไปหน่อย เวลา 2 สัปดาห์ กับการลงฝึกซ้อมกับทีมรองจ่าฝูงลาลีก้าอาจจะไม่เพียงพอให้ "ดิเอโก้ ซิเมโอเน่" กุนซือแอต.มาดริด สแกนฟอร์มอย่างถี่ถ้วน จนมีกระแสออกมาว่าอยากให้ธีรศิลป์อยู่ซ้อมกับทีมให้ยาวนานกว่านี้
และอีกเรื่องคือปัญหาสภาพความฟิตของมุ้ยเอง หลังจากกรำศึกกับสโมสรและทีมชาติมาอย่างหนัก แถมไม่ได้ฝึกซ้อมในโปรแกรมที่เข้มข้นมาตั้งแต่จบศึกซูซูกิคัพเมื่อช่วงท้ายปีที่แล้ว เรื่องความฟิตหากมาวัดกับนักเตะในทีมแอต.มาดริด ที่ลุยศึกมาตลอดทั้งซีซั่นคงลำบาก
ผมว่าสถานการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้ หากมุ้ยได้เดินทางไปเก็บตัวกับทีมดังแห่งสเปนในช่วงปรีซีซั่น ได้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ไปพร้อมๆ กับนักเตะในทีม ได้ลงโชว์ฟอร์มในเกมอุ่นเครื่องอย่างต่อเนื่อง มีเวลาทำความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมทีม ได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของสโมสรมากกว่านี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมว่าโอกาสสูงครับที่จะได้เซ็นสัญญา
พอสถานการณ์มันออกมาในลักษณะนี้ ก็คงต้องมาวัดใจต้นสังกัดของเจ้าตัวแล้วล่ะว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ผมว่าไว้นั้นก็น่าจะประมาณเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ฟุตบอลไทยกำลังแข่งขันกันอย่างออกรส โดยเฉพาะ "กิเลนผยอง" ที่มีถ้วยให้ลุ้นถึง 4 ถ้วยในปีนี้ เมืองทองพร้อมที่จะปล่อยมุ้ยไปโบยบินยุโรปหรือไม่ และมีแผนสองหรือยังหากต้องเสียดาวเตะหมายเลข 10 ไปกลางซีซั่นที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
อาจจะขัดใจแฟนบอลที่ให้กำลังใจมุ้ยพอสมควรนะครับ ถ้าผมจะบอกว่าดีลครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หลายคนหวังไว้ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชียร์ ไม่อยากเห็นเขาได้เข้าร่วมสังกัดทีมระดับโลก เพราะบอกตามตรงว่าแค่ได้เห็นเจ้าตัวโผล่ออกจอในการถ่ายทอดสดเกมลาลีก้าที่สนาม บิเซนเต้ กัล เดรอน ก็อดจะขนลุกไม่ได้ ที่เห็นว่าความฝันของน้องชายคนนี้เข้าใกล้ไปทุกที
แต่ต้องยอมรับด้วยใจจริงครับว่า ต้องลุ้นกันหนักๆ ถ้าอยากเห็นธีรศิลป์ชูเสื้อทีมตราหมีในช่วงเวลาอันใกล้นี้ แต่ถ้ามองในแง่ดีเขาจะได้ประสบการณ์ที่ยากจะหาได้กลับมาพัฒนาฝีเท้าของตัวเองและได้พิสูจน์ว่านักฟุตบอลไทยก็มีดีพอจะเล่นในลีกยุโรปได้เหมือนกัน
แม้การทดสอบฝีเท้าครั้งนี้อาจไม่บรรลุเป้าหมายในเรื่องของการเซ็นสัญญา แต่อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าฝีเท้าระดับมุ้ยเล่นในลีกยุโรปได้สบาย แค่โอกาสมา แต่จังหวะไม่ดี ก็เท่านั้นเอง...