พอดีเมื่อสองวันก่อนเกิดอาการคันบริเวณปากช่องคลอดหลังเข้าห้องน้ำในโรงเรียนอะคะ

แล้วมันก็เริ่มลามไปบริเวณที่ปัสสาวะ ตกขาวมีแค่พอเปื้อนๆชั้นใน ไม่มีกลิ่น เลยตกลงใจไปหาหมอที่คลินิก

หมอไม่ได้ตรวจอะไรเลยนะคะ แค่ถามๆ แล้วก็ให้ครีมที่มีตัวยาCrotrimazoleมาทา ปรากฏว่าหลังทาประมาณ15นาทีรู้สึกแสบบริเวณที่ทายามากคะ แบบแทบลงไปดิ้นกับพื้น
แต่เลย15นาทีไปมันก็จะกลับมาเป็นปกติไม่มีอะไร แต่ว่าเวลาไม่แสบนี่หายคันเป็นปลิดทิ้งเลยนะคะ

ทามาหนึ่งวันยังไม่สบายใจ

เลยไปหาคุณหมอด้านนรีเวชโดยเฉพาะที่โรงพยาบาล

บอกคุณหมอว่า"คันบริเวณช่องคลอด"  (คือที่จริงไม่ได้คันในช่องคลอดนะคะ แต่คันบริเวณด้านนอกอย่างเดียว ไม่รู้คุณหมอจะเข้าใจผิดรึเปล่า)

คุณหมอก็ส่องตรวจดู บอกว่าเป็นเชื้อรานิดหน่อย ไม่ต้องกังวล

จ่ายยาทานเป็นDiflucan(Flucozole) 200mg  1 เม็ด หลังอาหารเช้า

และให้ยาเหน็บ Crotrimazole 500 mg 1 เม็ด เหน็บก่อนนอน

แล้วคุณหมอบอกว่าไม่ต้องทายาแล้ว ถ้าทาแล้วทาแล้วมันระคายเคืองขนาดนั้น

ให้ใช้แต่ยาที่หมอให้ก็พอ

เหน็บยาเมื่อคืน และเช้านี้ทานยา1เม็ดเรียบร้อยคะ

แล้วก็ไม่ทายาแล้วเพราะทนไม่ไหวจริงๆ

ประเด็นคือวันนี้รู้สึกมีตกขาวมากขึ้น รู้สึกแฉะกางเกงในเลยคะ

แล้วบางครั้งตกขาวออกมาเหมือนก้อนแป้งดิบเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง

ส่วนเรื่องคันนี่ยังคันนิดๆเป็นปกติคะ แบบพอมันแฉะก็จะคัน

ถือเป็นเรื่องปกติไหมคะ

หรือว่าควรกลับไปหาหมอนรีเวชอีกรอบคะ

เครียดมากคะ ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใครดี อายด้วย

ขอบคุณทุกเม้นล่วงหน้านะคะ