ผมไปจีนกับทัวร์มา 4 วันครับ โดยรวมผมโอเคกะการทัวร์ครั้งนี้มาก เพราะจริงๆในชีวิตไม่เคยมีความคิดอยากไปจีน แต่นี่เป็น outing ของบริษัท มันฟรีก็คงต้องไป lol
กลับมาก็เกิดคำถามหลายอย่าง ขอผู้รู้หรือใครไปบ่อยช่วยไขข้อข้องใจหน่อยนะครับ
อย่างที่บอกคือผมไป 4 วันครับ แต่ลองมาคิดดูเวลาเที่ยวผมหายไป 1 วัน เพราะต้องไปเสียเวลาแวะโรงงานโน่นนี่นั่น
ที่ทางทัวร์บอกว่าเป็นกฏของรัฐบาลจีนว่าต้องไปแวะ (ถ้าแวะจะทำให้ทัวร์ถูก) ที่ผมต้องไปมี 6 ที่ตามนี้ครับ ไข่มุก, ชา, สมุนไพรหมอแมะ, บัวหิมะ, หยก, กรมศาสนาที่ประตูชัยที่มีปี่เซี๊ยะ (ทำไมเรียกกรมศาสนา? ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกับศาสนาเลย) เฉลี่ยๆก็ที่ละ 2 ชม. ทั้งหมดก็ปาเข้าไป 12ชม.
คำถามก็คือโรงงานพวกนี้มันเป็นของรัฐบาลจีนจริงหรือเปล่า แล้วรัฐบาลเค้าบังคับเราไปจริงหรือเปล่าครับ
พอกลับมาคิดถ้าเราไม่ไปโดนปิดประตูตีแมวตามสถานที่พวกนั้นเราจะมีเวลาอีกมาก ในการซึมซับสถานที่ท่องเที่ยว
เพราะผมชอบนะอะไรที่มันมีประวัติศาสตร์ วังต้องห้าม หอฟ้าเทียนถาน พระราชวังฤดูร้อน อะไรแบบนี้ผมว่ามันเจ๋งมาก เพราะพวกนี้ถูกสร้างมาแล้วหลายร้อยปี สมัยนั้นทำกันได้ยังไง ยิ่งกำแพงเมืองจีนนี่ โหคิดดูสมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย ผมว่ามันสุดยอดมาก
ผมเล่าอาจจะไม่เรียงลำดับนะครับ นึกอะไรได้ก็จะพิมพ์ๆไป 55
ไอพวกโรงงานแรกๆไม่เท่าไหร่อย่างพวกชา, สมุนไพร, ไข่มุก ยังไม่ใช่ทาง บัวหิมะก็เออมีกอเอี๊ยะขาย รู้สึกว่ามันแพงนะแต่มันก็มีประโยชน์ก็ซื้อมา บัวหิมะเห็นมีเพื่อนหลายคนซื้อเพราะบอกที่บ้านใช้อยู่ มันดีจริงๆ ผมก็เออ ออไป ที่เด็ดที่สุดถือเป็นไฮไลท์สำหรับผมคือโรงงานหยกครับขอเล่าละเอียดหน่อยละกันที่นี่ ไว้เป็นอุทาหรณ์
มาถึงโรงงานก็มาท่าเดิมครับเหมือนโรงงานอื่นๆคือต้อนคนเข้าห้องจุประมาณ 20-30 คน แล้วก็จะมีสาวจีนที่พูดไทยได้เข้ามาแนะนำสรรพคุณเหมือนทุกที่ แต่ที่ผมเอะใจตอนแรกเลยคือที่นี่เค้าจะไม่เข้าเรื่องหยกเท่าไหร่จะพูดคุยเล่นซะมากกว่าเกือบ 10 นาที ยังไม่ได้ความรู้อะไรเกี่ยวกับหยกเลยนอกจากรู้ว่า (เค้าบอกมานั่นแหละ) หยกไม่มีของปลอมแต่หยกมี 3 เกรด A B C จำไม่ได้ว่าต่างกันยังไง ไม่ค่อยได้ฟังละเอียด จริงเท็จผมไม่รู้นะครับ เพราะก็ฟังสาวหมวยพูดมาตรงนั้นนั่นแหละ พอมาถึงตรงนี้ มีพนักงานสาวอีกคนเปิดประตูเข้ามาพูดอะไรไม่รู้โล้งเล้งกับน้องคนที่พูดให้พวกผมฟัง แล้วน้องเค้าก็บอกพวกเราว่าเนี่ยพอรู้ว่ามีทัวร์ไทยมา เด๋วผุ้จัดการจะมาต้อนรับพวกเราเองเพราะผู้จัดการร้านเค้าเป็นคน 12 ปันนา
ซักแวบนึงผู้จัดการร้านสาวหมยเกือบสวยก็เดินเข้ามาในห้อง บอกเนี่ยตัวเองเป็นน้องสาวของเจ้าของโรงงานนี้ ดีใจมากเลยที่ได้เจอคนไทยมา บอกอยากให้เราช่วยโฆษณาร้านหยกของเค้าที่เมืองไทยให้หน่อย (ผมเลยมาโฆษณาให้นี่ไง lol) แล้วก็พาเราไปอีกห้องที่เป็นเหมือนที่ขายหยก แล้วก็พูดไปพูดมาบอกวันนี้้ถือเป็นวาสนาที่เราได้เจอกัน ถึงตอนนี้หยิบสร้อยหยกขึ้นมาในมือละ ที่ถืออยู่เนี่ยคือสินค้าที่ขายดีที่สุดของร้าน ปีนึงขายไปหลายล้านเส้น แล้วเจ๊แกก็หยิบป้ายราคาขึ้นดูแวบนึง (ติดราคา 14xx หยวน) แล้วก็พูดต่อว่าด้วยความที่เรามีวาสนาที่มีต่อกัน อยากให้ทุกท่านได้ของฝากกลับบ้าน ดิชั้นขอขายสร้อยหยกนี้ให้ทุกท่านในราคา 100 หยวน เชื่อมั๊ยครับ เด็กพนักงานขายในร้านนี้ทำหน้าตกใจ แล้วถามเจ๊ผู้จัดการว่าเท่าไหร่นะคะ เจ๊แกย้ำอีกครั้งว่า 100 หยวน!! แล้วยังบอกซื้อสร้อย 1 เส้น แถมกำไล อีก 1 เส้น (เป็นแบบหยกเม็ดเล็กๆมาต่อกันเหมือนลูกประคำ) โดยบอกว่าหยกที่มาทำสร้อยกับกำไลนี้เป็นเศษหยกที่เหลือจากการทำอย่างอื่น..
ถึงตอนนี้คณะของเราที่ไปมาหลายโรงงานแล้วแทบไม่ซื้ออะไรกันเลย หน้ากระดานเรียง 1 เข้าไปขอดูสร้อยหยกที่ว่าและพากันเลือกซื้อกันใหญ่ ผมก็ไม่มีความรู้เรื่องหยกนะครับ เจอชอตนี้เข้าไปก็เฮ้ย จาก 1400 เหลือ 100 เดียว (7000 เหลือ 500บาท) ผมก็เอาวะซื้อฝากแฟน ฝากแม่ ตอนนั้นยอมรับเลยหน้ามืดมากๆ เหมือนโดนยาสั่ง ตอนกลับไทยมาค่อยนึกได้ มานั่งเสิจข้อมูล ถึงรู้ว่าตัวเองกลายเป็นหมูให้เค้าหามไปแล้ว -*- คืออย่างที่บอกผมไม่มีความรู้เรื่องหยก เห็นมันสวยดีแล้วไม่แพงก็ซื้อๆมา ตอนนั้นคิดแค่ว่าร้านมันเป็นของรัฐบาล มันคงไม่ปลอมหรอก อย่างดีก็คงเป็นเศษหยก
มานั่งคิดก็เอ้อ การขายของร้านนี้มีการเตี๊ยมกันอย่างดี อย่างที่ผมบอกพนักงานขายทำหน้าเหวอเลยตอนเจ๊แกบอกราคา ไม่ใช่แค่สร้อยนะครับที่ลดกระหน่ำแบบนี้ อย่างอื่นที่อยุ่ในตู้ติดราคา หลักหลายหมื่นหยวน พวกพี่ๆที่เค้าอยากได้ก็ไปถามราคากับเจ๊แก อย่างมีพี่คนนึงแกอยากได้กำไลไปฝากเมีย เป็นแบบกำไลทั้งดุ้น (ไม่รู้เรียกยังไงขออภัยครับ หะหะ) ป้ายแปะอยู่ 4xxx หยวน เจ๊แกลดให้เหลือ 700 หยวน!!
จี้หยกมีทองรูปเจ้าแม่กวนอิมตรงกลางทำจากทองแท้ 99.99 ป้ายแปะเกือบ 2 หมื่นหยวน เจ๊แกบอกให้เป็นของขวัญสำหรับพี่ 3000 หหยวน!! โอวพี่แกจัดมา 2 เส้น งงกันหมด เหมือนโดนยาสั่งกันหมดครับตอนนั้น คนไทยชอบของลดราคาที่สุด ผมพึ่งเข้าใจก็วันนี้ ( ตัวผมเองด้วย - -" ) แล้วพวกพนักงานขายทำหน้าเหวอแล้วถามเจ๊ผู้จัดการว่าขายราคานี้เลยเหรอ เจ๊แกบอกว่าไม่เป็นไรเด๋วชั้นเซ็นเอง!!
ที่ผมเจ็บใจคือทำไมไกด์คนไทยไม่เตือนเราบ้าง ถ้ามาอ่านเจอก็อย่าโกระกันนะครับ แต่ในความคิดผมคือคุณน่าจะเตือนพวกเราบ้าง ไม่ใช่ปล่อยเป็นหมูให้เค้าหามกันขนาดนี้ ไกด์จีนไม่เตือนโอเค ผมเข้าใจ บ้านเค้าเมืองเค้าก็อยากให้รายได้เข้าประเทศ แต่ไกด์ไทยนี่น๊าา ขนาดตอนซื้อ เสร็จกลับขึ้นรถมาผมก็ถามเค้าอีก นะว่าทำไมลดราคากันขนาดนี้ เค้าลดทุกรอบหรือเปล่า ไกด์ยังบอกว่าไม่นะที่ได้รถเพราะเรามาเจอหุ้นส่วน พอดี คนนี้เค้าเคยไปเจอที่เมืองอื่นเหมือนกันก็ลดแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทุกรอบนะ เราโชคดีที่มาเจอเค้า!!
แต่จากที่ผมไปค้นเจอกระทู้นี้มันไม่ใช่นะคุณไกด์!!
http://topicstock.ppantip.com/blueplanet/topicstock/2010/08/E9609119/E9609119.html
นี่แหละครับไฮไลท์ของผม 55
วันสุดท้ายผมมีโอกาสไปประตูชัยที่มีปี่เซี๊ยะที่เก่าแก่ที่สุดในจีนอยู่ จริงไม่จริงผมไม่รู้นะครับ แต่ไกด์จีนเค้าบอกมายังงี๊ แล้วเค้าเรียกประตูชัยนี้ว่ากรมการศาสนา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ที่ประตูชัยนี้ถือเป็นคอมังกร ไกด์บอกว่าปักกิ่งนี่คือมังกรและมีฮวงจุ้ยที่ดีมากๆ
กล่าวคือ
จตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังต้องห้ามคือหัวมังกร
หนวดมังกรคือหอฟ้าเทียนถาน
เล็บมังกรคือพระราชวังฤดูร้อน
ปากมังกรคือวัดลามะ ยงเหอกง
หูมังกรคือหอระฆัง หอกลอง เมืองโบราณหูถ้ง (ที่ผมได้ไปนั่งสามล้อรอบทะเลสาปมา)
และหางมังกรคือกำแพงเมืองจีนกับสุสาน 13 กษัตริย์
ไม่รู้จำถูกหรือเปล่า แต่ไกด์จีนพูดถึงบ่อยมากๆเรื่องฮวงจุ้ยของปักกิ่ง เลยฝังหัวมา =o=
ประตูเมืองแต่ก่อนมี 9 ประตู (เหมือนในหนังจีนอะครับ ที่มีกำแพงล้อมรอบแล้วมีประตูให้เข้าเมือง) แต่ประธาณเหมาสั่งรื้อหมดจำไม่ได้ว่าทำไม และจะรื้อประตูชัยนี้ด้วย แต่มีซินแสมาทักไว้ว่าประตูชัยนี่คือของมังกรหากรื้อออกไปก็เหมือนตัดคอมังกร ฮวงจุ้ยจะเสียและประเทศจะพบภัยภิบัติ เมืองจีนเป็นประเทศที่เชื่อฮวงจุ้ยมากอย่างที่เรารู้ๆกันครับ โดย 9 ประตูนี้ทำหน้าที่ไม่เหมือนกันเช่น ขนเหล้า ขนไม้ ขนศพ ฮ่องเต้ผ่าน ขนน้ำ ประมาณนี้
ปี่เซี๊ยะตัวที่ว่านี้มีเรื่องเล่าครับ หลายปีก่อนที่จีนมีแผ่นดินไหวใหญ่ ที่มีคนตายกันเยอะๆหนะครับ แต่ที่ปักกิ่งไม่มีไรเกิดขึ้นเลยครับ ไกด์เล่าว่ามีคนมาเจอปี่เซี๊ยะตกลงจากแท่นครับ แล้วมีปลายแผงคอด้านหลังหลุดแตกออกมา ทำให้คนปักกิ่งเชื่อกันว่าปี่เซี๊ยรับแรงแผ่นดินไหวไว้เองและปกป้องเมืองปักกิ่งไว้ครับ ของแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่ แต่ฟังแล้วมันก็เจ๋งดี แล้วที่เมืองไทยเราเรื่องเล่าแบบนี้มีค่อนข้างเยอะ (แม่ชีปัดระเบิดปรณูช่วยไทยตอนสงครามโลกก็มีมาแล้ว 555)
ห้องข้างๆปี่เซี๊ยะนี่เป็นห้องให้เช่าปี่เซี๊ยครับ ปี่เซี๊ยะเหมือนพระเครื่องครับ คนจีนเค้านับถือ รายละเอียดไปหากันดูในอากู๋เอานะครับ เล่าเด๋วยาว คร่าวๆคือปี่เซี๊ยเป็นลูกชายองค์ที่ 9 ของมังกรครับ ลูกชายแสดงว่าเป็นตัวผู้นะครับเพราะฉะนั้นปี่เซี๊ยะไม่มีตัวเมีย อันนี้ซินแสกับไกด์ที่จีนบอกมาเองนะครับ ที่บอกก้าวเท้าขวาเหยียบลูกแก้วเป็นตัวเมียอะไรนั่นผิดหมดครับ แล้วการตั้งปี่เซี๊ยเค้าไม่ให้ตั้งเป็นคู่นะครับ ถ้าจะตั้งคู่ต้องตัวนึงเล็กตัวนึงใหญ่ เพราะไกด์บอกเห็นที่เมืองไทยตั้งตัวเท่ากัน อันนี้ผิดอีกเหมือนกันครับ จริงไม่จริงผมไม่ทราบนะครับ อันนี้ไกด์ที่เป็นคนจีนกับซินแสที่ดูแลกรมการศาสนาที่จีนบอกมา ตรงนี้ผมก็เช่ามาบูชา 1 องค์ไว้ห้อยติดตัวครับ ราคาไม่ถูกนะครับ แต่หลังจากโดนบิ๊วมาตลอดทาง แล้วผมก็เป็นคนชอบของศักดิ์สิทธิ์เป็นทุนอยู่แล้วก็อดไม่ได้ครับ
อย่างที่บอกถ้าไม่นับโรงงานต่างๆ โดยรวมผมโอเคกับทริปนี้มาก จตุรัสเทียนอันเหมิน กู้กง-พระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อนของพระนางซูสีไทเฮา ที่สั่งคนขุดดินสร้างทะสาบที่ใหญ่มากแล้วไปถมเป็นภูเขาสร้างพระตำหนักด้านบน มันเจ๋งมากๆ!! ยิ่งช่วงนี้ทะเลสาบเป้นน้ำแข็งหมด สวยโคตรๆเลยครับ หอฟ้าเทียนถานที่สักการะฟ้าดินวันที่ผมไปก็หิมะตก สวยไปอีกแบบครับ ได้ไปเล่นสกีที่สโนวเวิลก็สนุกดีถึงจะแค่ชม.เดียวก็เถอะ ได้ไปสนามรังนก ไปดูจอ LCD ที่ทำเป็นตู้ปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โอเคหมด แต่จะโอเคกว่านี้ถ้าให้เวลาแต่ละที่เยอะกว่านี้ และตัดพวกโรงงานปิดประตูตีแมวนั่นออกไป!! (12 ชม.เลยนะนั่น)
มีอีกที่ที่ใครๆก็ต้องไปครับ ตลาดรัสเซีย ที่นี่ขายของกันฮาร์ดเซลมาก เกาะแขน เดินตามกันเลยทีเดียว แต่เซงตรงเค้าให้เวลาชอปน้อยมาก 1 ชม.เอง ต่อของชิ้นนึงก็จะครึ่งชม.แล้วว๊อยย เซงมากนะจุดนี้!! ผมซื้อกระเป๋าโนตบุคแบบสะพายข้าง(หนัง)มา 200 หยวน คือจริงๆมันต่อได้มากกว่านี้แหละ แต่ผมไม่กล้าต่อ เค้าเปิดมา 1200 อะ ผมต่อได้ 200 ผมโอเคละ แล้วที่ไทยแบบนี้มาบุญครองก็ 5-6000 ผมโอเคละผมก็เลยซื้อๆมา แต่เพื่อนบอกต่อได้อีก ผมเลยไปลองอีกร้านเพราะอยากได้อีกใบ
คราวนี้เปิดมา 1400 ผมบอกเลย 100 ได้ปะ (อย่างโหด) มันบอกไม่ไหว กดเครื่องคิดเลขมาให้ดู จาก 800 ยัน 350 ผมคิดในใจว่าต่อโหดไปจริงหวะ 100 ก็ 500 บาทเอง เลยบอกไป 150 มีเงินแค่นี้ถ้าขายก็เอา มันเลยขอดูกระเป๋าที่ผมซื้อมาแล้วถามราคา ผมแกล้งบอกไป 100 มันบอกซื้อมาได้ยังไง 100 นี่มันพลาสติค ไม่ใช่หนัง แบบนี้ 50 แค่นั้นแหละ (กุไม่ได้โง่นะ กระเป๋ากุใช้แต่หนังมาตลอด) ผมเลยเดินออกมาเลย เพราะที่จริงซื้อมา 200 -*- มันก็ด่าภาษาจีนตามหลังมาฟังไม่ออก (ตอนคุยกันภาษาอังกฤษ) ใจจริงอยากได้นะใบนั้น300-400 ยังไม่ถือว่าแพงเลย เพราะที่มาบุญครองเกรดเดียวกันขายกัน 5-7000 แต่มันพูดมางั๊นผมเลยโมโหไม่เอาก็ได้วะ คือมันก็สนุกดีครับต่อของที่นี่ ตาดีได้ตาร้ายเสียจริงๆ แล้วถ้ารู้ราคาที่ไทยอยู่แล้ว ก็จะยิ่งดีไปใหญ่ เสียดายให้เวลาน้อยมากๆ กำลังจะซื้อลำโพง bluetooth ที่ไทยขายกัน 1000+ ผมต่อได้ 400 (บาทนะ) กำลังจะเทสของไกด์เดินมาตามละ โคตรเซง สรุปอดซื้อ!! รมณ์เสียมาก!! ต้องมีเวลาซักครึ่งวันอะแบบนี้ lol
ก็ประมาณนี้หละครับประสบการณ์ 4 วันของผมที่ปักกิ่ง ถ้านึกอะไรสนุกๆได้จะมาเล่าเพิ่มเติม
ถ้าใครมีประสบการณ์หรือตอบคำถามที่คาใจผมได้ก็เอามาแลกเปลี่ยนให้เพื่อนๆห้องบลูเก็บไว้เป็นข้อมูลกันครับ
เด๋วผมลงรูปด้วยดีกว่า แต่มีไม่ค่อยเยอะ เพราะ 99% ติดนางแบบหมด 55 เอามาลงเด๋วผมโดนด่า >.<
รูปไม่ค่อยสวยนะครับ เพราะอากาศหนาวมาก (ประมาณ 5 ถึง -8) ใส่ถุงมือปรับกล้องลำบาก ผมก็กดๆถ่ายๆไป เพราะลองถอดถุงมือไม่ถึง 30 วิ มือไร้ความรู้สึกกันเลยทีเดียว เป็นการทดสอบความทนของกล้องไปในตัว lol
ขอแชร์ประสบการณ์ปักกิ่ง 4 วัน กับคำถามหลายข้อที่ผมยังรอคำตอบ = ="
กลับมาก็เกิดคำถามหลายอย่าง ขอผู้รู้หรือใครไปบ่อยช่วยไขข้อข้องใจหน่อยนะครับ
อย่างที่บอกคือผมไป 4 วันครับ แต่ลองมาคิดดูเวลาเที่ยวผมหายไป 1 วัน เพราะต้องไปเสียเวลาแวะโรงงานโน่นนี่นั่น
ที่ทางทัวร์บอกว่าเป็นกฏของรัฐบาลจีนว่าต้องไปแวะ (ถ้าแวะจะทำให้ทัวร์ถูก) ที่ผมต้องไปมี 6 ที่ตามนี้ครับ ไข่มุก, ชา, สมุนไพรหมอแมะ, บัวหิมะ, หยก, กรมศาสนาที่ประตูชัยที่มีปี่เซี๊ยะ (ทำไมเรียกกรมศาสนา? ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกับศาสนาเลย) เฉลี่ยๆก็ที่ละ 2 ชม. ทั้งหมดก็ปาเข้าไป 12ชม.
คำถามก็คือโรงงานพวกนี้มันเป็นของรัฐบาลจีนจริงหรือเปล่า แล้วรัฐบาลเค้าบังคับเราไปจริงหรือเปล่าครับ
พอกลับมาคิดถ้าเราไม่ไปโดนปิดประตูตีแมวตามสถานที่พวกนั้นเราจะมีเวลาอีกมาก ในการซึมซับสถานที่ท่องเที่ยว
เพราะผมชอบนะอะไรที่มันมีประวัติศาสตร์ วังต้องห้าม หอฟ้าเทียนถาน พระราชวังฤดูร้อน อะไรแบบนี้ผมว่ามันเจ๋งมาก เพราะพวกนี้ถูกสร้างมาแล้วหลายร้อยปี สมัยนั้นทำกันได้ยังไง ยิ่งกำแพงเมืองจีนนี่ โหคิดดูสมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย ผมว่ามันสุดยอดมาก
ผมเล่าอาจจะไม่เรียงลำดับนะครับ นึกอะไรได้ก็จะพิมพ์ๆไป 55
ไอพวกโรงงานแรกๆไม่เท่าไหร่อย่างพวกชา, สมุนไพร, ไข่มุก ยังไม่ใช่ทาง บัวหิมะก็เออมีกอเอี๊ยะขาย รู้สึกว่ามันแพงนะแต่มันก็มีประโยชน์ก็ซื้อมา บัวหิมะเห็นมีเพื่อนหลายคนซื้อเพราะบอกที่บ้านใช้อยู่ มันดีจริงๆ ผมก็เออ ออไป ที่เด็ดที่สุดถือเป็นไฮไลท์สำหรับผมคือโรงงานหยกครับขอเล่าละเอียดหน่อยละกันที่นี่ ไว้เป็นอุทาหรณ์
มาถึงโรงงานก็มาท่าเดิมครับเหมือนโรงงานอื่นๆคือต้อนคนเข้าห้องจุประมาณ 20-30 คน แล้วก็จะมีสาวจีนที่พูดไทยได้เข้ามาแนะนำสรรพคุณเหมือนทุกที่ แต่ที่ผมเอะใจตอนแรกเลยคือที่นี่เค้าจะไม่เข้าเรื่องหยกเท่าไหร่จะพูดคุยเล่นซะมากกว่าเกือบ 10 นาที ยังไม่ได้ความรู้อะไรเกี่ยวกับหยกเลยนอกจากรู้ว่า (เค้าบอกมานั่นแหละ) หยกไม่มีของปลอมแต่หยกมี 3 เกรด A B C จำไม่ได้ว่าต่างกันยังไง ไม่ค่อยได้ฟังละเอียด จริงเท็จผมไม่รู้นะครับ เพราะก็ฟังสาวหมวยพูดมาตรงนั้นนั่นแหละ พอมาถึงตรงนี้ มีพนักงานสาวอีกคนเปิดประตูเข้ามาพูดอะไรไม่รู้โล้งเล้งกับน้องคนที่พูดให้พวกผมฟัง แล้วน้องเค้าก็บอกพวกเราว่าเนี่ยพอรู้ว่ามีทัวร์ไทยมา เด๋วผุ้จัดการจะมาต้อนรับพวกเราเองเพราะผู้จัดการร้านเค้าเป็นคน 12 ปันนา
ซักแวบนึงผู้จัดการร้านสาวหมยเกือบสวยก็เดินเข้ามาในห้อง บอกเนี่ยตัวเองเป็นน้องสาวของเจ้าของโรงงานนี้ ดีใจมากเลยที่ได้เจอคนไทยมา บอกอยากให้เราช่วยโฆษณาร้านหยกของเค้าที่เมืองไทยให้หน่อย (ผมเลยมาโฆษณาให้นี่ไง lol) แล้วก็พาเราไปอีกห้องที่เป็นเหมือนที่ขายหยก แล้วก็พูดไปพูดมาบอกวันนี้้ถือเป็นวาสนาที่เราได้เจอกัน ถึงตอนนี้หยิบสร้อยหยกขึ้นมาในมือละ ที่ถืออยู่เนี่ยคือสินค้าที่ขายดีที่สุดของร้าน ปีนึงขายไปหลายล้านเส้น แล้วเจ๊แกก็หยิบป้ายราคาขึ้นดูแวบนึง (ติดราคา 14xx หยวน) แล้วก็พูดต่อว่าด้วยความที่เรามีวาสนาที่มีต่อกัน อยากให้ทุกท่านได้ของฝากกลับบ้าน ดิชั้นขอขายสร้อยหยกนี้ให้ทุกท่านในราคา 100 หยวน เชื่อมั๊ยครับ เด็กพนักงานขายในร้านนี้ทำหน้าตกใจ แล้วถามเจ๊ผู้จัดการว่าเท่าไหร่นะคะ เจ๊แกย้ำอีกครั้งว่า 100 หยวน!! แล้วยังบอกซื้อสร้อย 1 เส้น แถมกำไล อีก 1 เส้น (เป็นแบบหยกเม็ดเล็กๆมาต่อกันเหมือนลูกประคำ) โดยบอกว่าหยกที่มาทำสร้อยกับกำไลนี้เป็นเศษหยกที่เหลือจากการทำอย่างอื่น..
ถึงตอนนี้คณะของเราที่ไปมาหลายโรงงานแล้วแทบไม่ซื้ออะไรกันเลย หน้ากระดานเรียง 1 เข้าไปขอดูสร้อยหยกที่ว่าและพากันเลือกซื้อกันใหญ่ ผมก็ไม่มีความรู้เรื่องหยกนะครับ เจอชอตนี้เข้าไปก็เฮ้ย จาก 1400 เหลือ 100 เดียว (7000 เหลือ 500บาท) ผมก็เอาวะซื้อฝากแฟน ฝากแม่ ตอนนั้นยอมรับเลยหน้ามืดมากๆ เหมือนโดนยาสั่ง ตอนกลับไทยมาค่อยนึกได้ มานั่งเสิจข้อมูล ถึงรู้ว่าตัวเองกลายเป็นหมูให้เค้าหามไปแล้ว -*- คืออย่างที่บอกผมไม่มีความรู้เรื่องหยก เห็นมันสวยดีแล้วไม่แพงก็ซื้อๆมา ตอนนั้นคิดแค่ว่าร้านมันเป็นของรัฐบาล มันคงไม่ปลอมหรอก อย่างดีก็คงเป็นเศษหยก
มานั่งคิดก็เอ้อ การขายของร้านนี้มีการเตี๊ยมกันอย่างดี อย่างที่ผมบอกพนักงานขายทำหน้าเหวอเลยตอนเจ๊แกบอกราคา ไม่ใช่แค่สร้อยนะครับที่ลดกระหน่ำแบบนี้ อย่างอื่นที่อยุ่ในตู้ติดราคา หลักหลายหมื่นหยวน พวกพี่ๆที่เค้าอยากได้ก็ไปถามราคากับเจ๊แก อย่างมีพี่คนนึงแกอยากได้กำไลไปฝากเมีย เป็นแบบกำไลทั้งดุ้น (ไม่รู้เรียกยังไงขออภัยครับ หะหะ) ป้ายแปะอยู่ 4xxx หยวน เจ๊แกลดให้เหลือ 700 หยวน!!
จี้หยกมีทองรูปเจ้าแม่กวนอิมตรงกลางทำจากทองแท้ 99.99 ป้ายแปะเกือบ 2 หมื่นหยวน เจ๊แกบอกให้เป็นของขวัญสำหรับพี่ 3000 หหยวน!! โอวพี่แกจัดมา 2 เส้น งงกันหมด เหมือนโดนยาสั่งกันหมดครับตอนนั้น คนไทยชอบของลดราคาที่สุด ผมพึ่งเข้าใจก็วันนี้ ( ตัวผมเองด้วย - -" ) แล้วพวกพนักงานขายทำหน้าเหวอแล้วถามเจ๊ผู้จัดการว่าขายราคานี้เลยเหรอ เจ๊แกบอกว่าไม่เป็นไรเด๋วชั้นเซ็นเอง!!
ที่ผมเจ็บใจคือทำไมไกด์คนไทยไม่เตือนเราบ้าง ถ้ามาอ่านเจอก็อย่าโกระกันนะครับ แต่ในความคิดผมคือคุณน่าจะเตือนพวกเราบ้าง ไม่ใช่ปล่อยเป็นหมูให้เค้าหามกันขนาดนี้ ไกด์จีนไม่เตือนโอเค ผมเข้าใจ บ้านเค้าเมืองเค้าก็อยากให้รายได้เข้าประเทศ แต่ไกด์ไทยนี่น๊าา ขนาดตอนซื้อ เสร็จกลับขึ้นรถมาผมก็ถามเค้าอีก นะว่าทำไมลดราคากันขนาดนี้ เค้าลดทุกรอบหรือเปล่า ไกด์ยังบอกว่าไม่นะที่ได้รถเพราะเรามาเจอหุ้นส่วน พอดี คนนี้เค้าเคยไปเจอที่เมืองอื่นเหมือนกันก็ลดแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทุกรอบนะ เราโชคดีที่มาเจอเค้า!!
แต่จากที่ผมไปค้นเจอกระทู้นี้มันไม่ใช่นะคุณไกด์!!
http://topicstock.ppantip.com/blueplanet/topicstock/2010/08/E9609119/E9609119.html
นี่แหละครับไฮไลท์ของผม 55
วันสุดท้ายผมมีโอกาสไปประตูชัยที่มีปี่เซี๊ยะที่เก่าแก่ที่สุดในจีนอยู่ จริงไม่จริงผมไม่รู้นะครับ แต่ไกด์จีนเค้าบอกมายังงี๊ แล้วเค้าเรียกประตูชัยนี้ว่ากรมการศาสนา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ที่ประตูชัยนี้ถือเป็นคอมังกร ไกด์บอกว่าปักกิ่งนี่คือมังกรและมีฮวงจุ้ยที่ดีมากๆ
กล่าวคือ
จตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังต้องห้ามคือหัวมังกร
หนวดมังกรคือหอฟ้าเทียนถาน
เล็บมังกรคือพระราชวังฤดูร้อน
ปากมังกรคือวัดลามะ ยงเหอกง
หูมังกรคือหอระฆัง หอกลอง เมืองโบราณหูถ้ง (ที่ผมได้ไปนั่งสามล้อรอบทะเลสาปมา)
และหางมังกรคือกำแพงเมืองจีนกับสุสาน 13 กษัตริย์
ไม่รู้จำถูกหรือเปล่า แต่ไกด์จีนพูดถึงบ่อยมากๆเรื่องฮวงจุ้ยของปักกิ่ง เลยฝังหัวมา =o=
ประตูเมืองแต่ก่อนมี 9 ประตู (เหมือนในหนังจีนอะครับ ที่มีกำแพงล้อมรอบแล้วมีประตูให้เข้าเมือง) แต่ประธาณเหมาสั่งรื้อหมดจำไม่ได้ว่าทำไม และจะรื้อประตูชัยนี้ด้วย แต่มีซินแสมาทักไว้ว่าประตูชัยนี่คือของมังกรหากรื้อออกไปก็เหมือนตัดคอมังกร ฮวงจุ้ยจะเสียและประเทศจะพบภัยภิบัติ เมืองจีนเป็นประเทศที่เชื่อฮวงจุ้ยมากอย่างที่เรารู้ๆกันครับ โดย 9 ประตูนี้ทำหน้าที่ไม่เหมือนกันเช่น ขนเหล้า ขนไม้ ขนศพ ฮ่องเต้ผ่าน ขนน้ำ ประมาณนี้
ปี่เซี๊ยะตัวที่ว่านี้มีเรื่องเล่าครับ หลายปีก่อนที่จีนมีแผ่นดินไหวใหญ่ ที่มีคนตายกันเยอะๆหนะครับ แต่ที่ปักกิ่งไม่มีไรเกิดขึ้นเลยครับ ไกด์เล่าว่ามีคนมาเจอปี่เซี๊ยะตกลงจากแท่นครับ แล้วมีปลายแผงคอด้านหลังหลุดแตกออกมา ทำให้คนปักกิ่งเชื่อกันว่าปี่เซี๊ยรับแรงแผ่นดินไหวไว้เองและปกป้องเมืองปักกิ่งไว้ครับ ของแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่ แต่ฟังแล้วมันก็เจ๋งดี แล้วที่เมืองไทยเราเรื่องเล่าแบบนี้มีค่อนข้างเยอะ (แม่ชีปัดระเบิดปรณูช่วยไทยตอนสงครามโลกก็มีมาแล้ว 555)
ห้องข้างๆปี่เซี๊ยะนี่เป็นห้องให้เช่าปี่เซี๊ยครับ ปี่เซี๊ยะเหมือนพระเครื่องครับ คนจีนเค้านับถือ รายละเอียดไปหากันดูในอากู๋เอานะครับ เล่าเด๋วยาว คร่าวๆคือปี่เซี๊ยเป็นลูกชายองค์ที่ 9 ของมังกรครับ ลูกชายแสดงว่าเป็นตัวผู้นะครับเพราะฉะนั้นปี่เซี๊ยะไม่มีตัวเมีย อันนี้ซินแสกับไกด์ที่จีนบอกมาเองนะครับ ที่บอกก้าวเท้าขวาเหยียบลูกแก้วเป็นตัวเมียอะไรนั่นผิดหมดครับ แล้วการตั้งปี่เซี๊ยเค้าไม่ให้ตั้งเป็นคู่นะครับ ถ้าจะตั้งคู่ต้องตัวนึงเล็กตัวนึงใหญ่ เพราะไกด์บอกเห็นที่เมืองไทยตั้งตัวเท่ากัน อันนี้ผิดอีกเหมือนกันครับ จริงไม่จริงผมไม่ทราบนะครับ อันนี้ไกด์ที่เป็นคนจีนกับซินแสที่ดูแลกรมการศาสนาที่จีนบอกมา ตรงนี้ผมก็เช่ามาบูชา 1 องค์ไว้ห้อยติดตัวครับ ราคาไม่ถูกนะครับ แต่หลังจากโดนบิ๊วมาตลอดทาง แล้วผมก็เป็นคนชอบของศักดิ์สิทธิ์เป็นทุนอยู่แล้วก็อดไม่ได้ครับ
อย่างที่บอกถ้าไม่นับโรงงานต่างๆ โดยรวมผมโอเคกับทริปนี้มาก จตุรัสเทียนอันเหมิน กู้กง-พระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อนของพระนางซูสีไทเฮา ที่สั่งคนขุดดินสร้างทะสาบที่ใหญ่มากแล้วไปถมเป็นภูเขาสร้างพระตำหนักด้านบน มันเจ๋งมากๆ!! ยิ่งช่วงนี้ทะเลสาบเป้นน้ำแข็งหมด สวยโคตรๆเลยครับ หอฟ้าเทียนถานที่สักการะฟ้าดินวันที่ผมไปก็หิมะตก สวยไปอีกแบบครับ ได้ไปเล่นสกีที่สโนวเวิลก็สนุกดีถึงจะแค่ชม.เดียวก็เถอะ ได้ไปสนามรังนก ไปดูจอ LCD ที่ทำเป็นตู้ปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โอเคหมด แต่จะโอเคกว่านี้ถ้าให้เวลาแต่ละที่เยอะกว่านี้ และตัดพวกโรงงานปิดประตูตีแมวนั่นออกไป!! (12 ชม.เลยนะนั่น)
มีอีกที่ที่ใครๆก็ต้องไปครับ ตลาดรัสเซีย ที่นี่ขายของกันฮาร์ดเซลมาก เกาะแขน เดินตามกันเลยทีเดียว แต่เซงตรงเค้าให้เวลาชอปน้อยมาก 1 ชม.เอง ต่อของชิ้นนึงก็จะครึ่งชม.แล้วว๊อยย เซงมากนะจุดนี้!! ผมซื้อกระเป๋าโนตบุคแบบสะพายข้าง(หนัง)มา 200 หยวน คือจริงๆมันต่อได้มากกว่านี้แหละ แต่ผมไม่กล้าต่อ เค้าเปิดมา 1200 อะ ผมต่อได้ 200 ผมโอเคละ แล้วที่ไทยแบบนี้มาบุญครองก็ 5-6000 ผมโอเคละผมก็เลยซื้อๆมา แต่เพื่อนบอกต่อได้อีก ผมเลยไปลองอีกร้านเพราะอยากได้อีกใบ
คราวนี้เปิดมา 1400 ผมบอกเลย 100 ได้ปะ (อย่างโหด) มันบอกไม่ไหว กดเครื่องคิดเลขมาให้ดู จาก 800 ยัน 350 ผมคิดในใจว่าต่อโหดไปจริงหวะ 100 ก็ 500 บาทเอง เลยบอกไป 150 มีเงินแค่นี้ถ้าขายก็เอา มันเลยขอดูกระเป๋าที่ผมซื้อมาแล้วถามราคา ผมแกล้งบอกไป 100 มันบอกซื้อมาได้ยังไง 100 นี่มันพลาสติค ไม่ใช่หนัง แบบนี้ 50 แค่นั้นแหละ (กุไม่ได้โง่นะ กระเป๋ากุใช้แต่หนังมาตลอด) ผมเลยเดินออกมาเลย เพราะที่จริงซื้อมา 200 -*- มันก็ด่าภาษาจีนตามหลังมาฟังไม่ออก (ตอนคุยกันภาษาอังกฤษ) ใจจริงอยากได้นะใบนั้น300-400 ยังไม่ถือว่าแพงเลย เพราะที่มาบุญครองเกรดเดียวกันขายกัน 5-7000 แต่มันพูดมางั๊นผมเลยโมโหไม่เอาก็ได้วะ คือมันก็สนุกดีครับต่อของที่นี่ ตาดีได้ตาร้ายเสียจริงๆ แล้วถ้ารู้ราคาที่ไทยอยู่แล้ว ก็จะยิ่งดีไปใหญ่ เสียดายให้เวลาน้อยมากๆ กำลังจะซื้อลำโพง bluetooth ที่ไทยขายกัน 1000+ ผมต่อได้ 400 (บาทนะ) กำลังจะเทสของไกด์เดินมาตามละ โคตรเซง สรุปอดซื้อ!! รมณ์เสียมาก!! ต้องมีเวลาซักครึ่งวันอะแบบนี้ lol
ก็ประมาณนี้หละครับประสบการณ์ 4 วันของผมที่ปักกิ่ง ถ้านึกอะไรสนุกๆได้จะมาเล่าเพิ่มเติม
ถ้าใครมีประสบการณ์หรือตอบคำถามที่คาใจผมได้ก็เอามาแลกเปลี่ยนให้เพื่อนๆห้องบลูเก็บไว้เป็นข้อมูลกันครับ
เด๋วผมลงรูปด้วยดีกว่า แต่มีไม่ค่อยเยอะ เพราะ 99% ติดนางแบบหมด 55 เอามาลงเด๋วผมโดนด่า >.<
รูปไม่ค่อยสวยนะครับ เพราะอากาศหนาวมาก (ประมาณ 5 ถึง -8) ใส่ถุงมือปรับกล้องลำบาก ผมก็กดๆถ่ายๆไป เพราะลองถอดถุงมือไม่ถึง 30 วิ มือไร้ความรู้สึกกันเลยทีเดียว เป็นการทดสอบความทนของกล้องไปในตัว lol