ความเป็นไทยคืออะไร วัดได้จากตรงไหน อะไรบ้างที่บอกได้อย่างเต็มปากว่านี่แหละคือไทยแท้

เกิดคำถามระหว่างอ่านกระทู้ http://ppantip.com/topic/30069351/comment41-1 คุณรู้หรือไม่ว่า คนไทย กว่า 70% มีเชื้อชาติจีน ผสม อยู่

เทอมนี้เรียนวิชาหนึ่งที่อ.ให้เด็กในชั้นเรียนมาถกกันเรื่องประเด็นต่างๆ ค่ะ ประเด็นหนึ่งที่ยังหาคำตอบไม่ได้คือ
ความเป็นไทยอยู่ตรงไหน ดูที่อะไร
การแต่งกายทุกวันนี้ก็ไม่ใช่แน่ๆ แล้ว บ้านไม้ทรงไทยแต่ละภาคก็มีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน หรือจะบอกว่าความเป็นไทยอยู่ที่ลายกนกเพราะดูเป็นจุดร่วมของแต่ละภาค
ส่วนภาษานั้นก็หยิบยืมมาจากประเทศข้างเคียงมาเยอะมาก ไหนจะบาลี-สันสกฤตที่รับมาพร้อมศาสนาประจำชาติ
อาหารไทยเองก็ได้วัตถุดิบมาจากต่างชาติพอสมควร พริกที่ใช้ตำน้ำพริก ต้นกำเนิดนี่ก็มาจากฝั่งตะวันตก
ขนมไทยที่เป็นตำรับชาววังทุกวันนี้ก็จากท้าวทองกีบม้า ชาวโปรตุเกสสัญชาติญี่ปุ่น
แต่ผัดไทย เป็นของไทยล้านเปอร์เซ็นเลยนะคะ หัวเราะ

ส่วนตัวคิดว่าความเป็นไทยคือหลายๆ อย่างมารวมให้เป็นไทยแบบทุกวันนี้แหละ ไม่มีสิ่งใดเป็นไทยแท้ดั้งเดิม เหมือนแต่ก่อนที่สยามเคยเป็นดินแดนของชาวเอเชียอาคเนย์ เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมต่างๆ
แต่สิ่งไทยๆ ที่เราชอบนำไปอวดชาวต่างชาติ ล้วนเป็นไทยที่ประดิษฐ์ขึ้น เช่นวัด วัง อาหาร วัฒนธรรมและประเพณี ล้วนเป็นไทยในแบบที่อยู่ในตำราซึ่งมีแต่คนในวังเท่านั้นที่จะสัมผัสได้ถึงความเป็นไทย

ถ้าถามถึงความเป็นไทยจริงๆ เรานึกถึงยุคจอมพลป. หรือยุคปฏิวัติเลยค่ะ (ผัดไทยอร่อยเน้อ) ที่หล่อหลอมให้คนไทย ไท้ไทยได้จนถึงทุกวันนี้

ท่านอื่นๆ มีความคิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้างคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ถ้าพูดให้ถูก คือ สยาม
ไท เคยเป็นชนพื้นเมืองตามภูมิลำเนาต่างๆ ที่ส่วนใหญ่ขึ้นด้วยไท นำหน้า
ซึ่งหมายถึง กลุ่มชนที่สืบเชื้อสายดั้งเดิม จากยุคที่แต่ละกลุ่มชนนั้น เป็นอิสระต่อกัน
ภายหลังมีการรุกรานรบจากนอกอาณาเขต จึงมีการร่วมช่วยเหลือกัน
โดยมีทัพหลวงจาก ภาคกลางเป็นกำลังหลัก เพราะเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด เจริญมากที่สุด
น่าจะเป็นที่มาของการการรวมหัวเมืองรอบนอกเข้าเป็นหนึ่ง เพื่อตีกรอบอาณาเขตป้องกันยุทธศาสตร์สำคัญที่เป็นอู่ข่้าวอู่น้ำ
ซึ่งดินแดนที่ถูกรวบรวมเข้าไว้ด้วยกันก็คือ สยาม
ภายหลังมาเปลี่ยนเป็นไทย (มี ย.ยักษ์)ในสมัย จอมพล ป.)

ดังนั้นวัฒนธรรมท้องถิ่น จึงมีความหลากหลาย แต่ที่เด่นๆ ก็คือ ส่วนที่เป็นเลิศ
ซึ่งมักจะเชื่อมโยงกับ ศาสนา(ความเชื่อ ความศรัทธา ทำให้มีการคัดสรรแต่ของที่ ประณีต วิจิตร)
และ สถาบันพระมหากษัตริย์ ในฐานะเจ้าภาพหลักในในการส่งเสริม สืบสาน  ทั้งศิลป หัตถกรรม การละเล่นฯ
โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ว่างเว้นจากสงคราม
ความงดงาม อ่อนช้อย ละเอียด ประณีต บรรจงได้อย่างวิจิตร
นี่แหละ คือ เอกลักษณะ ที่สะท้อน อารยะธรรม ว่าเคยรุ่งเรืองขนาดไหน

ผู้คนที่จิตใจหยาบกร้าน หรือ หรือตกอยู่ในสภาพ โหยหา แร้นแคล้น
ไม่สามารถที่จะรังสรรค์ สิ่งที่วิจิตร เช่น ศิลปวัฒนธรรมไทย
และคงไม่สามารถที่จะสั่งสมองค์ความรู้ ภูมิปัญญา ที่นานาชาติยอมรับยกย่อง
ในทางตรงกันข้าม ผู้คนกับต้อง มีความสงบร่มเย็น อุดมสมบูรณ์
และจิตใจที่สงบมากพอที่จะพิถีพิถัน สรรค์สร้างสิ่งอันเลิศที่มีไว้อวดกันจนถึงทุกวันนี้

นี่แหละ ความเป็นไทย ? อะไร หรือ ความเป็นไทย?
ก็อิสระภาพ และความอุดมสมบูรณ์นี่แหละ
หิวก็ออกไปหา เพราะทรัพยากรมีเหลือเฟือ
(ผิดกับคนจีน ที่หนีความลำบากมา หรือ ชนชาติอื่นที่เข้ามาตั้งรกราก)
ซึ่งเป็นอย่างนี้มาชั่วนาตาปี
ก็เพิ่งจะมาชั่วอายุคนนี้แหละ ที่ทรัพยากรธรรมชาติ (สาธารณะสมบัติโดย รัฐ รับหน้าที่จัดสรร)
มันจะไม่เพียงพอ ที่ให้ออกไปหามาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เลี้ยงครอบครัว เหมือนรุ่นพ่อ รุ่นแม่

สรุป คนไทยในอดีต ของดี ถวายพระ ของดี เอาเข้าวัง จึงไม่แปลก ที่จะเห็นของที่เป็นเลิศพอที่จะโชว์ อยู่ในวัด วัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่