ตัดพ้อท่านจุฬาราชมนตรีและพี่น้องชาวมุสลิม

กระทู้นี้ไม่ได้ประสงค์ต่อความแตกแยกในศาสนา
เป็นการอยากตัดพ้อ น้อยใจ เวทนาสังเวชอะไรก็ได้..
จากหัวข้อข่าวหลายๆหัวข้อ:
พี่น้องปัตตานีรินน้ำใจช่วยชาวโรฮิงญา
3จว.ชายแดนใต้ตั้งตู้รับบริจาคเงินช่วยโรฮิงญา
ชาวไทยมุสลิมวอน รบ.ไทยหาที่พักให้โรฮิงญา
ประธาน กสม.เยี่ยมโรฮิงญา
คนชายแดนใต้แห่บริจาคฯ
วันนอร์ชมจุฬาราชมนตรี
ผู้ว่าสงขลาออกตรวจเยี่ยม-ให้กำลังใจโรฮิงญา
จุฬาราชมนตรีหลั่งน้ำตาฯลฯ
รุดช่วยโรฮิงญา
...........ข่าวมากมายหลั่งไหลไปช่วยโรฮิงญาจากพี่น้องมุสลิมทั่วประเทศ

ดิฉันแค่โครตน้อยใจแทนทหารตำรวจที่ไปตายเพื่อพวกพี่น้องชาวใต้และปกป้องแผ่นดินไทย
ครู157ราย ทหารตำรวจ ทรัพย์ทางการนับไม่ถ้วน
-เผยทหารพิการเหยื่อไฟใต้ยังถูกเมินเพียบ
-ทหารพิการขายล้อตเตอรี่
-จ่าสมเพียร
-ผู้กองแดน
-หมวดตี้
วีรบุรุษแดนใต้เหล่านี้เขาไม่น้อยใจหรอกเขาเต็มใจพลีชีพ
มีแต่ดิฉันนี่แหละดราม่า ถ้าพี่น้องชาวมุสลิมผนึกกำลังกันขนาดนี้
ช่วยกันแก้ไขปัญหาเพื่อนร่วมศาสนาเหมือนช่วยโรฮิงญา ก็คงไม่ต้องสูญเสียอะไร
ครอบครัวอื่นก็ไม่ต้องเสียลูก หัวหน้าครอบครัวเขาไป
อยากวอนให้ท่านรวมพลังกันแบบนี้ไปช่วยครู ทหารแดนใต้บ้างจะได้หรือไม่
อย่าว่าดิฉันเลยว่าพูดคนละเรื่องคนละประเด็น
.................
เรื่องครูจูหลิงมั่ง

ไม่มีใครคาดคิดว่าการใช้ศาลเตี้ยจับครูสาวชาวไทยพุทธ 2 คน เป็นตัวประกันเพื่อต่อรองให้รัฐปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยฆ่านาวิกโยธินเสียชีวิตจะบานปลายถึงขั้นลงมือทุบตีครูจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่มีเมตตาธรรม แม้จะร้องขอชีวิตจากกลุ่มชาวบ้านนับร้อยคนที่กำลังละหมาดอยู่ในมัสยิดกลับไม่มีใครสนใจทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ฉันคุยกับครูจูหลิง ว่าพวกเราผิดที่เกิดมาเป็นครูไทยพุทธ ถึงถูกทำร้ายเหมือนไม่ใช่มนุษย์ ผู้ชายมุสลิมนับร้อยคนที่ละหมาดยังไม่มีน้ำใจจะช่วยผู้หญิงที่ถูกรังแกอย่างหมดทางสู้”

ไม่มีใครคาดคิดว่ายุทธการปิดล้อมของกองกำลังสามฝ่ายคือ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ที่เข้าปฏิบัติการปิดล้อมหมู่บ้านกูจิงลือปะ หมู่ 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเช้าตรู่วันที่ 19 พฤษภาคม เพื่อจับผู้ต้องหาฆ่า 2 นาวิกโยธิน จะส่งผลทำให้ครูสาวไทยพุทธ 2 คน ตกเป็นผู้รับเคราะห์แทน ด้วยฝีมือการเปิดม็อบของนางการีมะ มะสาและ ภรรยาผู้ต้องหาเพื่อต่อรองให้ปล่อยสามี

น.ส.ศิรินาถ ถาวรสุข ครูอัตราจ้างโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ เล่านาทีระทึกว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณเที่ยงเธอและเพื่อนครูคนอื่นๆ นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อไปรับประทานอาหารที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไม่มีชื่อหน้าโรงเรียน ขณะกำลังรับประทานอาหารก็สังเกตเห็นว่ามีชาวบ้านซึ่งเป็นผู้หญิงแทบทั้งหมด รวมประมาณ 50 คน ออกมารวมตัวกัน ห่างจากกลุ่มครูไปประมาณ 40 เมตร

ในขณะนั้นไม่มีใครสนใจอะไร เพราะเข้าใจว่าชาวบ้านคงมารวมตัวเพื่อละหมาดตามปกติวันศุกร์ และมาทราบที่หลังว่าการรวมตัวของชาวบ้านเกิดจากทหารเข้าไปจับชาวบ้านผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง

กระทั่งกินก๋วยเตี๋ยวใกล้หมดชาม เพื่อนครูที่มาด้วยกัน บอกว่า ชาวบ้านพูดเป็นภาษามลายูผ่านเสียงตามสายของมัสยิดว่าให้มาร่วมตัวกันและจะจับครูไทยพุทธเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัว ระหว่างนั้นเพื่อนครูได้นำผ้าคลุมศีรษะมาให้สวมเพื่อพรางตัว แต่ก็ไม่ทันเพราะเป็นจังหวะเดียวกันกับกลุ่มชาวบ้านหญิงเดินเข้ามาที่ร้าน พร้อมทั้งกระชากผ้าคลุมศีรษะออก และได้จับแขนลากออกไปนอกร้านทันที

น.ส.ศิรินาถ บอกอีกว่า ระหว่างที่ถูกลากตัวไปนั้นบังเอิญเธอสะดุดล้มเพื่อนครูมุสลิมที่นั่งด้วยกันได้ออกมาช่วยขอร้องกลุ่มชาวบ้านผู้หญิงว่า อย่าทำรุนแรงค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ ทำให้กลุ่มชาวบ้านไม่พอใจผลักเพื่อนครูมุสลิมจนล้มไปอีกคน

ในขณะที่ตัวเธอถูกลากและตบตีด้วยมือจากผู้หญิงจำนวนมากเพื่อนำตัวขึ้นไปบนอาคารเรียนชั้น 2 เมื่อพบกับ น.ส.จูหลิง ปงกันมูล ผู้ช่วยครูซึ่งกำลังป่วยเป็นโรคกระเพาะ แต่กลุ่มชาวบ้านผู้หญิงก็ไม่สนใจยังลากครูจูหลิง ลงมาชั้นล่างพร้อมกับเธอ

น.ส.ศิรินาถ เล่าเหตุการณ์อีกว่า ขณะที่ถูกลากตัวไปนั้นชาวบ้านก็ลงมือทุบตีเราทั้งคู่ตลอดระยะทางไปมัสยิดประจำหมู่บ้าน ที่มีชาวบ้านกว่า 100 คนกำลังละหมาดอยู่ เราได้ร้องขอความช่วยเหลือ แต่ชาวบ้านก็ยังคงก้มหน้าก้มตาละหมาดต่อไปตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากนั้นก็นำตัวเธอและครูจูหลิง มากักขังไว้ที่ห้องเก็บของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 400 เมตร ในเวลาเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ามาล็อกกุญแจขังเธอและครูจูหลิงเอาไว้

สภาพจิตใจตอนนั้นย่ำแย่เพราะกลัวมาก ภายในห้องมืดมากไม่เห็นอะไรเลย ทำได้อย่างเดียวคือการปลอบใจซึ่งกัน

เธอเล่าต่ออีกว่า เมื่อถูกขังประมาณ 5 นาที มีเพื่อนครูมุสลิมเข้ามางัดหน้าต่างดู แต่ชาวบ้านผู้หญิงที่คุมอยู่บอกว่าให้คุยกันได้แค่ 2 นาที เพื่อนครูคนหนึ่งถามเราว่าเป็นอย่างไรบ้าง เราตอบแต่เพียงว่าให้ช่วยชีวิตด้วย

เวลาผ่านไป 5 นาที ก็มีชายวัยรุ่นประมาณ 10 คนงัดประตูเข้ามาในห้องโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทั้งหมดใช้ไม้ที่ถือมาด้วยกระหน่ำตีเราทั้งคู่จนสะบักสะบอม ด้วยความเจ็บปวดครูจูหลิงจึงขัดขืนต่อสู้ จนถูกตีเข้าที่ศีรษะและตามลำตัวอย่างไม่ยั้งมือจนแขนหัก ที่ศีรษะมีเลือดอาบโชกไปหมด นอนหมดสติ ส่วนเธอเองถูกชายคนหนึ่งกระทืบจนล้มลงนอนงอตัวกองกับพื้น ด้วยความกลัวจึงคลานเข้าไปใต้เตียงเก่าภายในห้อง แต่ก็ถูกกลุ่มชายวัยรุ่นลากตัวออกมาตีซ้ำอีก

ขณะที่ครูจูหลิงนอนสลบอยู่นั้น วัยรุ่นคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นว่า ต้องการจะจับครูเป็นตัวประกันเพื่อให้ปล่อยตัวชาวบ้านที่เจ้าหน้าที่จับกุมไปก่อนหน้านี้ เธอเองก็บอกว่าจะช่วยเจรจากับเจ้าหน้าที่ให้ แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ไม่ฟังเสียง ยังคงรุมตีพวกเธอต่อ ก่อนจะแยกย้ายกันวิ่งออกไปจากห้อง

"ฉันจับมือครูจูหลิงเพื่อปลอบ เห็นมือครูจูหลิงแสดงอาการตอบรับในขณะที่ศีรษะนั้นมีเลือดไหลออกมาเป็นลิ่มๆ ฉันจึงเอาศีรษะของครูจูหลิงมาแนบกับอกพร้อมกับพูดว่า หากผ่านวันนี้ไปอย่าลืมเหตุการณ์นี้ จงทำใจดีๆ ไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงพรุ่งนี้หรือเปล่า" น.ศ.ศิรินาถ เล่าด้วยนำเสียงสั่นเครือ

นายมะดารี บาเยาะกาเซะ อายุ 47 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านกูจิงลือปะ อ.ระแงะ บอกว่า หลังทราบเรื่องได้แจ้งไปทางนายอำเภอและปลัดจังหวัด แต่ไม่มีใครมา มอบหมายให้ตนและนายอารงค์ ยูโซะ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเจรจาแทน แต่ตนก็ได้เจรจานานถึง 2 ชั่วโมง ขณะที่เจรจายังไม่รู้ว่าครูถูกทำร้ายจนกระทั่งได้ยินเสียงครูร้องขอความช่วยเหลือจึงได้นำกำลังชุด ชรบ.เข้าไปช่วยเหลือ

เขาบอกอีกว่า ขณะเข้าไปเห็นคนร้ายประมาณ 5 คนสวมไหมพรมคลุมหน้าตาวิ่งสวนออกมา จึงได้รีบเข้าไปช่วยและนำครูทั้งสองคนส่งโรงพยาบาลทันที จนกระทั่งทหารและตำรวจเข้ามาในพื้นที่ชาวบ้านจึงสลายตัวไป ส่วนคนร้ายตนไม่มั่นใจว่าเป็นคนในหมู่บ้านหรือไม่
ขอบคุณ
คม ชัด ลึก

ฟังพื่อนครูจูหลิงเขาเล่าดิฉันยิ่งน้อยใจ

ดิฉันไม่ตอบใครทั้งนั้นละ บ้านดิฉันก็มีผู้รับราชการทหารหลายท่านได้ยินได้ฟังทุกวัน
ขอโทษไว้ตรงนี้ถ้าพี่น้องท่านใดรู้สึกไม่ดี ดิฉันก็ได้อารมณ์ที่บอกไม่ถูกเหมือนกันร้องไห้
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  การเมือง ศาสนาอิสลาม
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่