ตั้งแต่ต้นปี 2556 ถึงเวลานี้ ทุกท่านจะเห็นว่าค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ทำให้มีผลกระทบต่อการส่งออกและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ของประเทศเรา (แต่ตลาดหุ้นขึ้น)
เนื่องจาก เป็นภาวะปกติที่เป็นผลเนื่องมาจากดุลการค้าเกินดุล และภาวะอุตสาหกรรม
การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่รัฐบาลกระตุ้นให้เติบโตในระดับสูง จึงทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามา
ค่าเงินบาทจึงแข็ง ความโดดเด่นของประเทศไทย ที่เป็นตัวนำใน AEC เป็นที่จับตามองของนักลงทุนต่างประเทศและนักเก็งกำไร
เมื่อเขาเห็นโอกาสและเงื่อนไขต่างๆ เอื้ออำนวย พวกกลุ่มนักเก็งกำไร ก็จะทำโจมตีค่าเงินบาท
การโจมตีค่าเงิน (Currency attack) หมายถึงการที่นักลงทุน นักเก็งกำไร ทั้งในต่างประเทศ และในประเทศ
เข้ามาแสวงหากำ ไรจากการซื้อขายเงินตราของสกุลหนึ่งเพื่อทำ กำ ไรจากผลต่างระหว่างอัตราที่ซื้อและอัตราที่ขาย
เป็นวิธีการหารายได้รูปแบบหนึ่งของนักลงทุนระหว่างประเทศ มีความหมายคล้ายกันกับ
การเก็งกำ ไรค่าเงิน (Currency speculation) จะมีแนวทางเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่
การโจมตีนั้นมุ่งหวังให้เกิดผลเสียหายตอระบบทุนและมีผลกระทบอย่างรุนแรง
ดังนั้นต้องใช้เงินจำนวนมาก ตอนนี้ก็เริ่มขนกันเข้ามาแล้วในรูปแบบต่างๆ
ก็ขอให้ท่านหน้าใหม่ หน้าเก่า และแมงเม่าทั้งหลายระวังตัวกันหน่อยนะจ้ะ
ขนาดของเม็ดเงินมหาศาลมาก เขาขยายเพดานได้ พิมพ์แบงก์ ออกมามากมายมหาศาล จากนั้นค่อยๆ
โยนเข้าไปในประเทศเป้าหมายตอนนี้คือไทย อาเบะ ก็รู้แล้ว จึงมาบอก เพราะถ้าไทยเจ๊ง
ญี่ปุ่นก็เจ๊งด้วย (ดูวิธีการของเขาได้จาก วีดีโอ)การเก็งกำไรจึงต้องมีเม็ดเงินจำนวนมากและกระทำ กระแทก ๆๆ
เป็นระลอกๆๆ อย่างต่อเนื่องจากนั้นแบงก์ชาติก็จะออกมาตอบโต้
เขาก็มีวิธีการ โต้กลับเหมือนกันโดยปกติการโจมตีค่าเงินในปีนี้ 2556
ยิ่งถ้าใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (fixed exchange rate system) การกำหนดค่าเงินไว้สูงเกินไป (over value)
และมีสภาพแวดล้อมอื่นเอื้ออำนวย เช่นดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเรื้อรังหนี้ระยะสั้นสูงเมื่อเทียบกับทุนสำรอง เป็นต้น
ส่วนการเก็งกำ ไรค่าเงินมักจะกระทำ สำ หรับประเทศที่ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว
นักลงทุนที่โจมตีค่าเงินมักเป็นนักลงทุนขนาดใหญ่และเป็นนักลงทุนประเภทสถาบันที่ระดมทุนมาเก็งกำไรค่าเงิน
หรือโจมตีค่าเงินโดยตั้งเป็นกองทุน มีชื่อเรียกว่า Hedge Funds ตัวอย่างของกองทุนประเภทนี้คือ
ของพ่อมด George Soros เช่นกองทุน Quantum Fund ยังมีพวกธนาคารพาณิชย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ และอีกหลายๆกลุ่มที่เข้ามาแสวงหากำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนมากมักจะเป็นรูปแบบของการเก็งกำ ไร
เช่น ที่ทำ กับประเทศไทยในช่วงปี 2539 - 2540
ช่องทางที่ 1 โจมตีผ่านช่องทางตลาดเงิน คือผ่านธนาคารพาณิชย์ในประเทศเริ่มจากนักเก็งกำไรกู้เงินบาทจากธนาคารพาณิชย์แล้วนำไปซื้อดอลลาร์ทันที ตอนนี้ก็เริ่มซื้อกันหนาตามากขึ้น จากนั้นธนาคารพาณิชย์จะนำ เงินบาทที่นักเก็งกำ ไรขอกู้ไปซื้อดอลลาร์จากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อส่งมอบให้กับนักเก็งกำไร การโจมตีค่าเงินด้วยวิธีนี้ นักลงเก็งกำไรต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้เงินบาทให้กับธนาคารพาณิชย์ (จะเห็นว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพานิชย์ตอนนี้สวิงมากและ เทรนด์จะเป็นขาขึ้น ทำกราฟสวยมาก)
เมื่อได้ดอลลาร์สหรัฐแล้วไปพักไว้ในบัญชีได้รับดอกเบี้ยเงินฝากดอลลาร์ซึ่งจะตํ่ากว่าดอกเบี้ยเงินกู้ (เงินบาท)
นั่นคือนักเก็งกำ ไรยอมรับภาระผลต่างของดอกเบี้ยทั้งสอง ซึ่งเป็นต้นทุนในการโจมตีค่าเงินด้วยช่องทางนี้
แต่หวังว่า เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยลดค่าเงินหรือลอยตัวค่าเงินก็จะนำ
ดอลลาร์ที่ถือไว้มาขายคืน เช่น ตอนเอาเงินบาทซื้อดอลลาร์สหรัฐที่ 25 บาท
แต่ตอนขายคืน ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนลดค่าไปอยู่ที่ 30 บาท นักลงทุนต่างชาติก็จะได้กำไร 5 บาทต่อดอลลาร์
เมื่อหักดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับธนาคารแล้วยังมีกำ ไรเหลือ
(หลังลอยตัวค่าเงินบาท ในปี 2540 อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ )
การโจมตีด้วยวิธีนี้ค่อนข้างง่าย นักเก็งกำ ไรหลายกลุ่มทำพร้อม ๆ กันและต่อเนื่อง เงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นทุนสำ รองของไทย ก็จะเหลือน้อยลง ถามว่าแบงก์ชาติทราบหรือไม่ว่าถูกโจมตีด้วยวิธีนี้ คำ ตอบคือ ทราบดี
คำถามต่อไปคือ แล้วทำไมแบงก์ชาติ จึงปล่อยให้ทำ
คำตอบคือแบงก์ชาติ มั่นใจว่าจะชนะ ถ้าแบงก์ชาติไม่ลดค่าเงิน นักเก็งกำไร มักจะกู้ในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 1 เดือน หรือ 3 เดือน เมื่อครบกำ หนดสัญญาต้องใช้คืนธนาคาร ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนคงเดิม ก็จะขาดทุนเพราะต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้
อดีตการต่อสู้กันระหว่างแบงก์ชาติกับพวกเฮจฟันด์ และกลุ่มนักเก็งกำไรมี 2 รอบ
รอบแรก ปี 39- เมษายน 40 แบงก์ชาติเป็นฝ่ายชนะ ดวดไวน์ ซดเบียร์
ฉลองกันจนเมามาย ทำให้สมองโดนทำลาย คิดไรไม่ออก จากนั้น.............
รอบสอง เดือนพฤษภาคม 40 แบงก์ชาติเป็นฝ่ายแพ้ แบงก์ชาติห้ามธนาคารพาณิชย์ให้กู้เงินบาทกับต่างชาติเพื่อมาซื้อดอลลาร์สหรัฐ
ปิดช่องทางการโจมตีค่าเงินโดยผ่านตลาดเงินหรือผ่านธนาคารพาณิชย์
แต่ชาติไทยก็เละเทะ ทั้งประเทศ สถาบันการเงินเจ๊ง ปิดตัว ไทยต้องขอกู้เงินจาก IMF
มีสัญญาทาสเกิดขึ้นไทยเสียหาย แปดแสนล้านบาท แต่โทษคือ จำคุก 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี เฮ้อ...
เป็นคดีความกันมาทุกวันนี้ จนเหลืออีก ร้อยกว่าวันจะหมดอายุความแล้ว
http://ppantip.com/topic/30066847
ท่านทั้งหลายที่กำลังค้าขายซื้อขายหุ้นอย่างเมามัน อย่าชะล่าใจนะจ้ะ
อย่าประมาท โดนคราวนี้ หนักกว่าปี 40 หลายร้อยเท่า...
เพราะ พวกนักโกงเมือง มันจะร่วมมือกับพวกนักเก็งกำไร เหมือนในอดีค เช่นเคย...
ปี 2556 ค่าเงินบาท จะต้องถูกโจมตี แน่นอน
ทำให้มีผลกระทบต่อการส่งออกและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ของประเทศเรา (แต่ตลาดหุ้นขึ้น)
เนื่องจาก เป็นภาวะปกติที่เป็นผลเนื่องมาจากดุลการค้าเกินดุล และภาวะอุตสาหกรรม
การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่รัฐบาลกระตุ้นให้เติบโตในระดับสูง จึงทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามา
ค่าเงินบาทจึงแข็ง ความโดดเด่นของประเทศไทย ที่เป็นตัวนำใน AEC เป็นที่จับตามองของนักลงทุนต่างประเทศและนักเก็งกำไร
เมื่อเขาเห็นโอกาสและเงื่อนไขต่างๆ เอื้ออำนวย พวกกลุ่มนักเก็งกำไร ก็จะทำโจมตีค่าเงินบาท
การโจมตีค่าเงิน (Currency attack) หมายถึงการที่นักลงทุน นักเก็งกำไร ทั้งในต่างประเทศ และในประเทศ
เข้ามาแสวงหากำ ไรจากการซื้อขายเงินตราของสกุลหนึ่งเพื่อทำ กำ ไรจากผลต่างระหว่างอัตราที่ซื้อและอัตราที่ขาย
เป็นวิธีการหารายได้รูปแบบหนึ่งของนักลงทุนระหว่างประเทศ มีความหมายคล้ายกันกับ
การเก็งกำ ไรค่าเงิน (Currency speculation) จะมีแนวทางเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่
การโจมตีนั้นมุ่งหวังให้เกิดผลเสียหายตอระบบทุนและมีผลกระทบอย่างรุนแรง
ดังนั้นต้องใช้เงินจำนวนมาก ตอนนี้ก็เริ่มขนกันเข้ามาแล้วในรูปแบบต่างๆ
ก็ขอให้ท่านหน้าใหม่ หน้าเก่า และแมงเม่าทั้งหลายระวังตัวกันหน่อยนะจ้ะ
ขนาดของเม็ดเงินมหาศาลมาก เขาขยายเพดานได้ พิมพ์แบงก์ ออกมามากมายมหาศาล จากนั้นค่อยๆ
โยนเข้าไปในประเทศเป้าหมายตอนนี้คือไทย อาเบะ ก็รู้แล้ว จึงมาบอก เพราะถ้าไทยเจ๊ง
ญี่ปุ่นก็เจ๊งด้วย (ดูวิธีการของเขาได้จาก วีดีโอ)การเก็งกำไรจึงต้องมีเม็ดเงินจำนวนมากและกระทำ กระแทก ๆๆ
เป็นระลอกๆๆ อย่างต่อเนื่องจากนั้นแบงก์ชาติก็จะออกมาตอบโต้
เขาก็มีวิธีการ โต้กลับเหมือนกันโดยปกติการโจมตีค่าเงินในปีนี้ 2556
ยิ่งถ้าใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (fixed exchange rate system) การกำหนดค่าเงินไว้สูงเกินไป (over value)
และมีสภาพแวดล้อมอื่นเอื้ออำนวย เช่นดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเรื้อรังหนี้ระยะสั้นสูงเมื่อเทียบกับทุนสำรอง เป็นต้น
ส่วนการเก็งกำ ไรค่าเงินมักจะกระทำ สำ หรับประเทศที่ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว
นักลงทุนที่โจมตีค่าเงินมักเป็นนักลงทุนขนาดใหญ่และเป็นนักลงทุนประเภทสถาบันที่ระดมทุนมาเก็งกำไรค่าเงิน
หรือโจมตีค่าเงินโดยตั้งเป็นกองทุน มีชื่อเรียกว่า Hedge Funds ตัวอย่างของกองทุนประเภทนี้คือ
ของพ่อมด George Soros เช่นกองทุน Quantum Fund ยังมีพวกธนาคารพาณิชย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ และอีกหลายๆกลุ่มที่เข้ามาแสวงหากำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนมากมักจะเป็นรูปแบบของการเก็งกำ ไร
เช่น ที่ทำ กับประเทศไทยในช่วงปี 2539 - 2540
ช่องทางที่ 1 โจมตีผ่านช่องทางตลาดเงิน คือผ่านธนาคารพาณิชย์ในประเทศเริ่มจากนักเก็งกำไรกู้เงินบาทจากธนาคารพาณิชย์แล้วนำไปซื้อดอลลาร์ทันที ตอนนี้ก็เริ่มซื้อกันหนาตามากขึ้น จากนั้นธนาคารพาณิชย์จะนำ เงินบาทที่นักเก็งกำ ไรขอกู้ไปซื้อดอลลาร์จากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อส่งมอบให้กับนักเก็งกำไร การโจมตีค่าเงินด้วยวิธีนี้ นักลงเก็งกำไรต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้เงินบาทให้กับธนาคารพาณิชย์ (จะเห็นว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพานิชย์ตอนนี้สวิงมากและ เทรนด์จะเป็นขาขึ้น ทำกราฟสวยมาก)
เมื่อได้ดอลลาร์สหรัฐแล้วไปพักไว้ในบัญชีได้รับดอกเบี้ยเงินฝากดอลลาร์ซึ่งจะตํ่ากว่าดอกเบี้ยเงินกู้ (เงินบาท)
นั่นคือนักเก็งกำ ไรยอมรับภาระผลต่างของดอกเบี้ยทั้งสอง ซึ่งเป็นต้นทุนในการโจมตีค่าเงินด้วยช่องทางนี้
แต่หวังว่า เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยลดค่าเงินหรือลอยตัวค่าเงินก็จะนำ
ดอลลาร์ที่ถือไว้มาขายคืน เช่น ตอนเอาเงินบาทซื้อดอลลาร์สหรัฐที่ 25 บาท
แต่ตอนขายคืน ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนลดค่าไปอยู่ที่ 30 บาท นักลงทุนต่างชาติก็จะได้กำไร 5 บาทต่อดอลลาร์
เมื่อหักดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับธนาคารแล้วยังมีกำ ไรเหลือ
(หลังลอยตัวค่าเงินบาท ในปี 2540 อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ )
การโจมตีด้วยวิธีนี้ค่อนข้างง่าย นักเก็งกำ ไรหลายกลุ่มทำพร้อม ๆ กันและต่อเนื่อง เงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นทุนสำ รองของไทย ก็จะเหลือน้อยลง ถามว่าแบงก์ชาติทราบหรือไม่ว่าถูกโจมตีด้วยวิธีนี้ คำ ตอบคือ ทราบดี
คำถามต่อไปคือ แล้วทำไมแบงก์ชาติ จึงปล่อยให้ทำ
คำตอบคือแบงก์ชาติ มั่นใจว่าจะชนะ ถ้าแบงก์ชาติไม่ลดค่าเงิน นักเก็งกำไร มักจะกู้ในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 1 เดือน หรือ 3 เดือน เมื่อครบกำ หนดสัญญาต้องใช้คืนธนาคาร ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนคงเดิม ก็จะขาดทุนเพราะต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้
อดีตการต่อสู้กันระหว่างแบงก์ชาติกับพวกเฮจฟันด์ และกลุ่มนักเก็งกำไรมี 2 รอบ
รอบแรก ปี 39- เมษายน 40 แบงก์ชาติเป็นฝ่ายชนะ ดวดไวน์ ซดเบียร์
ฉลองกันจนเมามาย ทำให้สมองโดนทำลาย คิดไรไม่ออก จากนั้น.............
รอบสอง เดือนพฤษภาคม 40 แบงก์ชาติเป็นฝ่ายแพ้ แบงก์ชาติห้ามธนาคารพาณิชย์ให้กู้เงินบาทกับต่างชาติเพื่อมาซื้อดอลลาร์สหรัฐ
ปิดช่องทางการโจมตีค่าเงินโดยผ่านตลาดเงินหรือผ่านธนาคารพาณิชย์
แต่ชาติไทยก็เละเทะ ทั้งประเทศ สถาบันการเงินเจ๊ง ปิดตัว ไทยต้องขอกู้เงินจาก IMF
มีสัญญาทาสเกิดขึ้นไทยเสียหาย แปดแสนล้านบาท แต่โทษคือ จำคุก 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี เฮ้อ...
เป็นคดีความกันมาทุกวันนี้ จนเหลืออีก ร้อยกว่าวันจะหมดอายุความแล้ว
http://ppantip.com/topic/30066847
ท่านทั้งหลายที่กำลังค้าขายซื้อขายหุ้นอย่างเมามัน อย่าชะล่าใจนะจ้ะ
อย่าประมาท โดนคราวนี้ หนักกว่าปี 40 หลายร้อยเท่า...
เพราะ พวกนักโกงเมือง มันจะร่วมมือกับพวกนักเก็งกำไร เหมือนในอดีค เช่นเคย...