อีกหนึ่งความทรงจำ กับ จอมบึงมาราธอน

กระทู้สนทนา


เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ไปร่วมกิจกรรม กับงานวิ่งที่ จ.ราชบุรี ในงาน"สสส. จอมบึงมาราธอน"

มาราธอนนนี้เป็นครั้งที่ 2 สำหรับชีวิตผม ครั้งแรกที่ "กรุงเทพมาราธอน" เมื่อปีที่แล้ว

ตอนแรกกะว่าจะไป "ขอนแก่น มาราธอน" แต่เนื่องจากติดภาระกิจด่วน จึงต้องเลื่อนมาเป็นที่ จอมบึง นี้แทน

เคยมีบางท่านกล่าวไว้ว่า นักวิ่งมาราธอนไทย ควรจะได้ไปลองวิ่งในงานวิ่งที่จอมบึงนี้สักครั้งในชีวิต ซึ่งคำกล่าวนี้ ผมเห็นด้วย 100% ครับ
ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็คือ งานวิ่งที่จอมบึงนี่ ถือว่างานประเพณีโดยแท้จริง ชาวบ้านในอำเภอจอมบึง ถือเป็นประเพณีที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ ในการจัดงาน ซึ่งผมเองก็ไม่เคยได้เจอประสบการณ์ที่ดีๆ แบบนี้ในงานวิ่งที่ไหนมาก่อน  เด็กเล็กๆ ทั้งอนุบาล ประถม มัธยม ตื่นมาตั้งแต่เช้ามืด ผมว่าน่าจะประมาณตี 2 เป็นอย่างน้อย แต่งตัวออกมาเป็นกองเชียร์ เป็นกลุ่ม ระหว่างทางวิ่ง

เพียงแค่ภายใน 2 กม.แรก ช่วงเวลาตี 4 เศษ นักวิ่งมาราธอนปล่อยตัวออกไป ก็ได้เจอกับกองเชียร์เยาวชนเหล่านี้ มาร้องเพลง เต้นรำ เอาใจช่วย และเป็นกำลังใจให้ นักวิ่ง ด้วยความสนุกสนาน ไม่เพียงแต่เด็กๆ เหล่านี้ ชาวบ้าน จัดน้ำ อาหาร ของว่าง มาช่วยบริการ อย่างไม่ขาดสายครับ  ในช่วง 10 กม.สุดท้าย ผมเจอคุณยาย 2 ท่าน อายุไม่น่าจะต่ำกว่า 70 ปี นั่งวีลแชร์อยู่หน้าบ้านของแก ปรบมือ เป็นกำลังใจให้กับนั่งวิ่ง เห็นแล้วตื้นตัน เรียกกำลังใจ กำลังกายขึ้นมาอีกเยอะเลยครับ   นอกจากนี้ระหว่างทางก็มีพระสงฆ์ มาช่วยรดน้ำมนต์ เสริมกำลังใจให้นักวิ่งอีกต่างหาก  

น่าชมเชยกิจกรรม และประเพณีการวิ่งมาราธอน แบบนี้ครับ

ส่วนผลงานการวิ่งมาราธอนของผมในครั้งนี้ เวลาไม่ได้ดีกว่าไปกว่า ครั้งแรกที่ กรุงเทพมาราธอนครับ ช้าไปกว่าเดิม 15 นาที ไปจบที่ 4:55 ชั่วโมงครับ  ไม่อยากจะแก้ตัว เพราะดูแลสุขภาพท้องตัวเองได้ไม่ดี เพราะระหว่างทางข้าศึกหัวเมือง โจมตี อย่างหนัก แค่ 10 กม.แรก ต้องรีบหาห้องน้ำ โชคดีได้ห้องน้ำชาวบ้านที่มาเชียร์ระหว่างทาง ช่วยเอาไว้  มาโดนจู่โจมอีกทีตอน กม.ที่ 22  เล่นเอาตัวหวิว ใจสั่นไปพอควรครับ  โชคยังเข้าอยู่บ้าง เพราะซ้อมมาดีครับ ครั้งนี้ผมลองเปลี่ยนการวิ่งมาวิ่งช้าลงในช่วงแรก โดยในช่วง 30 กม.แรก ผมจะใช้เวลาไปประมาณ 1.10-1.15 ชม. ต่อ 10 กม. (ปกติผมจะวิ่งอยู่ที่ 50 นาที ต่อ 10 กม.) ไม่น่าเชื่อว่าสูตรนี้จะทำให้ผมมีแรงเหลือในช่วง 10 กม. สุดท้ายได้อย่างน่าอัศจรรย์    

สาเหตุที่ต้องมาใช้สูตรนี้เพราะ ประสบการณ์จากกรุงเทพมาราธอนที่แล้ว ผมวิ่งแบบปกติ จบ 30 กม.แรก ใช้เวลา ไป 3.05 ชม. แต่ผมเกือบชนกำแพงที่หลัก กม.ที่ 33  ต้องเดินประคองเอาตัวรอด วิ่งบ้าง เดินบ้าง เข้าเส้นชัย ไปแบบสะบักสะบอม  

แต่ครั้งนี้จัดได้ว่าผมจบแบบไม่เจ็บตัวมากนัก ปวดเมื่อย บ้างเล็กน้อย แต่ไม่ต้องเจอกับสภาพต้องเดินสลับวิ่งเอาตัวรอด ครับ

ไม่ทราบมีสมาชิกท่านใดไปร่วมกิจกรรมที่จอมบึงนี้กันบ้างครับ ลองมาแชร์ประสบการณ์กันครับ

ปล. เสียดายครับงานวิ่งที่จอมบึงมาราธอน กระชั้นชิด ติดกับงานวิ่งที่ขอนแก่นมาราธอน กันเกินไปครับ คงจะต้องเป็นปีหน้าสำหรับขอนแก่นครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  วิ่งเพื่อสุขภาพ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่