กระทู้นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก กระทู้
http://ppantip.com/topic/30057430 นะคะ
ก่อนอื่นเลย เราเขียนกระทู้นี้มาเพราะเราทำได้จริงมาแล้วคะ เรามาอยู่ที่นี้ใช้ไม่เกิน สามแสนบาทต่อปี เราจะมาบอกเล่าวิธีการของเรานะคะ
ปล.เราเรียบเรียงไม่เก่ง ขาดตกบกพร่องยังไงหรือไม่เข้าใจตรงไหน สอบถามหรือเพิ่มเติมได้เลยนะคะ
ขั้นตอนที่ 1 : รู้ใจตัวเอง
เราจะไม่บอกว่าภาษาฝรั่งเศสและประเทศฝรั่งเศสดียังไง แต่เราจะบอกว่าทำไมเราถึงอยากไปเรียนที่ประเทศฝรั่งเศส เพราะสิ่งที่เราคิดว่ามันดีแต่สำหรับบางคนอาจจะไม่คิดแบบนั้น
เหตุผลที่เราเลือกที่จะไปเรียนที่ประเทศฝรั่งเศส
1. ชอบภาษาฝรั่งเศสมาก และจบเอกภาษาฝรั่งเศสมา
2. ค่าเรียนไม่แพง
3. ประเทศสวย บรรยากาศดี (อารมณ์แบบเจ้าหญิงในนิยาย เราชอบ 55)
4. มีสาขาที่อยากเรียน
5. ไม่เก่งภาษาอังกฤษอย่างแรง (สำคัญที่สุดละสำหรับเรา)
ดูจากเหตุผลข้างบนอยากจะบอกว่าข้อ 5 เป็นข้อที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เรามายืนอยู่ที่ฝรั่งเศส เพราะว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษคะ ทำให้เราไม่สามารถที่จะเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องผ่านการปรับพื้นฐานทางภาษาก่อนเข้ามหาวิทยาลัย (ซึ่งค่าใช้จ่ายแพงมาก) ไม่เช่นนั้นกระทู้นี้อาจจะกลายเป็น "ไปเรียนต่อที่อังกฤษยังไง ไม่ให้เกินงบปีละ ห้าแสน" (จะทำได้ไหมเนี่ย 555)
อีกข้อที่สำคัญคือ "ความชอบ" คะเราทราบความจริงที่ว่า ในบางครั้งแค่ความชอบอย่างเดียวมันไม่พอ ถึงเราจะชอบภาษาฝรั่งเศสมาก แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ภาษาฝรั่งเศสในเมืองไทยมีการใช้น้อยลงอย่างน่าใจหาย อาจารย์สมัยมหาวิทยาลัยยังเคยถามเลยว่า มาเรียนเนี่ยคิดว่าจบไปจะได้ใช้ไหม แต่เราเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าเราเก่งภาษานี้จริงๆ ทำไมเราจะหางานที่ใช้ภาษานี้ไม่ได้ อีกอย่าง มาอยู่ที่นี้ถ้าใจไม่ถึงอาจจะไม่มีความสุขนะคะ ต้องใช้ใจอย่างแรงเหมือนกัน เพราะอะไรเราจะเล่าในขั้นตอนต่อๆไปคะ เราต้องใช้ชีวิตเราให้มีความสุขที่สุดเนอะ 55
สรุปสั้นๆ "ก็มันอยากเรียนแล้วก็ไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วนั้นเอง"
เมื่อตอบได้แล้วว่าทำไมเราถึงอยากไปเรียน คราวนี้เรามาดูคะว่าเราอยากไปเรียนระดับไหน ป.ตรี ป.โท หรือ ป.เอก และเราอยากไปเรียนสาขาไหน เรียนต่อด้านเดิม หรือเปลี่ยนด้านไปเลย พร้อมหาข้อมูลในอินเตอเนตเลยคะ ว่าด้านและสาขาที่เราอยากเรียนมีเปิดสอนที่ไหนบ้าง เราไม่มีเวปแนะนำนะคะ เพราะเราหาโดยวิธีพิมพ์คำที่เราต้องการ (Histoire master) ใน Google แล้วมันขึ้นมาเอง คราวนี้เราก็เลือกที่เราสนใจพร้อมดูคุณสมบัติ เพราะแต่ละที่ไม่เหมือนกันคะ
ขั้นตอนที่ 2 : มารู้จักกับระบบการเรียนที่ฝรั่งเศสกันนิดนึงดีกว่า
สำหรับคนที่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาบ้างคงพอจะทราบมาแล้ว แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่ทราบ เลยขออธิบายคราวๆนะคะ
ถ้าเราเข้าไปในเวป คุณสมบัติของผู้รับสมัครส่วนมากจะเป็น Bac+3 หรือ Bac+4 มันคืออะไรหนอ?
Bac = ก็คล้ายๆประกาศนียบัตรจบม.6ของเราอะแหละคะ คราวนี้+3 ก็คือเรียนเพิ่มอีก 3 ปี = ป.ตรีของเขา
แต่บ้านเราเรียน ป.ตรี 4 ปี ดังนั้นบ้านเราจะกลายเป็น Bac +4 โดยปริยาย
ปริญญาโทที่ฝรั่งเศสจะเรียน 2 ปีคะโดยแบ่งเป็น
Master 1 สำหรับปูพื้นฐาน (ต้องจบ bac+3)
Master 2 (ต้องจบ bac+4)
ถ้าเกิดคณะที่เราเลือกจะเรียนต่อมันตรงสายมาจาก ป.ตรีเลย ก็อาจจะโชคดีได้เรียน Master 2 เลยคือเรียนปีเดียวแล้วจบ แต่ถ้าเกิดเราเปลี่ยนสาย หรือ เราอยากจะลองเรียนลองปูพื้นฐานก่อน เริ่มจาก Master 1 เป็นสิ่งที่ควรเลือกคะ เพราะการเรียนที่นี่ไม่เหมือนเรียนที่เมืองไทย ต้องใช้เวลาปรับตัวระดับหนึ่งเลยทีเดียว
หรือสำหรับคนที่จะต่อ ป.เอก ก็จะเป็น Bac+5 คะ บางที่อาจจะเพิ่มเติมเงื่อนไขอีก (เช่นคะแนนวิทยานิพจธ์) ดังนั้นต้องอ่านคุณสมบัตรแต่ละมหาวิทยาลัยอีกที่นะคะ
ขั้นตอนที่ 3 : เตรียมตัวเรื่องภาษา
สิ่งแรกเหนือสิ่งใดๆ สำหรับการไปเรียนที่ฝรั่งเศสคือ ผลสอบทางภาษาคะ ถ้าเกิดเราไม่มีใบผลสอบภาษาที่ผ่านตามเกณฑ์ที่เขากำหนดแนบไปด้วย เอกสารเราจะไม่ถูกนำมาพิจรณาไม่ว่าเราจะคุณสมบัติเริ่ดหรูยังไงก็ตามนะคะ ไม่มีข้อยกเว้นคะ
ดังนั้นเราต้องสอบภาษากันก่อน โดยระดับภาษาของฝรั่งเศสจะแยกเป็นดังนี้คะ (ขอบคุณข้อมูลจากสมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพนะคะ)
DELF/DALF Tous publics (A1, A2, B1, B2, C1 et C2) แบบบุคคลทั่วไป
ประกาศนียบัตรระดับ DELF B2 และ DALF ครอบคลุมเนื้อหาการสอบทุกทักษะ ภาษาฝรั่งเศสเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของประเทศฝรั่งเศส
ประกาศนียบัตรระดับสูง ครอบคลุมเนื้อหาการสอบทุกทักษะทางภาษาฝรั่งเศสนำไปสู่การศึกษาภาษาฝรั่งเศสในขั้นสูงขึ้น
DELF Pro (A1, A2, B1, B2), option professionnelle สำหรับบุคคลที่มีจุดประสงค์เพื่อมุ่งเข้าสู่หรือความก้าวหน้าทางด้านสาขาอาชีพ
ประกาศนียบัตร DELF Pro ประเมินจากทักษะความรู้ความเข้าใจทุกสถานการณ์ทางธุระกิจทั่วไป มีเนื้อหาที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงาน
ค่าสมัครสอบก็
1,500 บาท (ประกาศนียบัตร DELF A1 และ A2)
1,870 บาท (ประกาศนียบัตร DELF B1)
2,040 บาท (ประกาศนียบัตร DELF B2)
2,700 บาท (ประกาศนียบัตร DALF C1 และ C2)
ก่อนที่จะสมัครตรวจสอบอีกรอบนะคะ เพราะว่าราคาอาจจะขึ้น (นี่ก็เพิ่งปรับขึ้นมาได้สักพักคะ)
สำหรับการเรียนในระดับ ปริญญาโท ต้องผ่านระดับ DELF Tous publics B2 ขั้นต่ำนะคะ โดยที่เรียนด้านกฏหมายหรือ Grand école อาจจะต้องใช้ C1 คะ
ส่วนที่เรียนภาษาถ้ามีพื้นฐานแล้ว เราแนะนำว่าลองสอบดูก่อน เพื่อดูระดับของตัวเอง เราเริ่มสอบจาก B1 ก่อน พอผ่านแล้วค่อยไปสอบ B2 เพราะเราไม่ได้ใช้ภาษาฝรั่งเศสมาสักพักแล้วละคะก่อนที่จะไปเรียนเนี่ย
สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานแนะนำให้ไปเรียนที่สมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพคะ (อาจจะราคาสูงหน่อย แต่หลังจากที่เราเรียนมาหลายที่ ที่นี่คุ้มสุดแล้ว)
สำหรับผู้ที่จะไปเรียนภาษาที่ประเทศฝรั่งเศสเลยก็ได้นะคะ มีหลายที่ให้เลือก แต่มันจะเกินงบอะสิ ค่าเรียนภาษาที่โน้นแพงอะ
ถ้าเราผ่านด่านสอบภาษาไปได้ก็สบายไประดับหนึ่งแล้วละคะว่าเราน่าจะมีที่เรียนแล้วแน่นอน
(เดี๋ยวมาต่อนะคะ)
ไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสยังไง ไม่ให้เกินงบปีละ สามแสน
ก่อนอื่นเลย เราเขียนกระทู้นี้มาเพราะเราทำได้จริงมาแล้วคะ เรามาอยู่ที่นี้ใช้ไม่เกิน สามแสนบาทต่อปี เราจะมาบอกเล่าวิธีการของเรานะคะ
ปล.เราเรียบเรียงไม่เก่ง ขาดตกบกพร่องยังไงหรือไม่เข้าใจตรงไหน สอบถามหรือเพิ่มเติมได้เลยนะคะ
ขั้นตอนที่ 1 : รู้ใจตัวเอง
เราจะไม่บอกว่าภาษาฝรั่งเศสและประเทศฝรั่งเศสดียังไง แต่เราจะบอกว่าทำไมเราถึงอยากไปเรียนที่ประเทศฝรั่งเศส เพราะสิ่งที่เราคิดว่ามันดีแต่สำหรับบางคนอาจจะไม่คิดแบบนั้น
เหตุผลที่เราเลือกที่จะไปเรียนที่ประเทศฝรั่งเศส
1. ชอบภาษาฝรั่งเศสมาก และจบเอกภาษาฝรั่งเศสมา
2. ค่าเรียนไม่แพง
3. ประเทศสวย บรรยากาศดี (อารมณ์แบบเจ้าหญิงในนิยาย เราชอบ 55)
4. มีสาขาที่อยากเรียน
5. ไม่เก่งภาษาอังกฤษอย่างแรง (สำคัญที่สุดละสำหรับเรา)
ดูจากเหตุผลข้างบนอยากจะบอกว่าข้อ 5 เป็นข้อที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เรามายืนอยู่ที่ฝรั่งเศส เพราะว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษคะ ทำให้เราไม่สามารถที่จะเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องผ่านการปรับพื้นฐานทางภาษาก่อนเข้ามหาวิทยาลัย (ซึ่งค่าใช้จ่ายแพงมาก) ไม่เช่นนั้นกระทู้นี้อาจจะกลายเป็น "ไปเรียนต่อที่อังกฤษยังไง ไม่ให้เกินงบปีละ ห้าแสน" (จะทำได้ไหมเนี่ย 555)
อีกข้อที่สำคัญคือ "ความชอบ" คะเราทราบความจริงที่ว่า ในบางครั้งแค่ความชอบอย่างเดียวมันไม่พอ ถึงเราจะชอบภาษาฝรั่งเศสมาก แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ภาษาฝรั่งเศสในเมืองไทยมีการใช้น้อยลงอย่างน่าใจหาย อาจารย์สมัยมหาวิทยาลัยยังเคยถามเลยว่า มาเรียนเนี่ยคิดว่าจบไปจะได้ใช้ไหม แต่เราเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าเราเก่งภาษานี้จริงๆ ทำไมเราจะหางานที่ใช้ภาษานี้ไม่ได้ อีกอย่าง มาอยู่ที่นี้ถ้าใจไม่ถึงอาจจะไม่มีความสุขนะคะ ต้องใช้ใจอย่างแรงเหมือนกัน เพราะอะไรเราจะเล่าในขั้นตอนต่อๆไปคะ เราต้องใช้ชีวิตเราให้มีความสุขที่สุดเนอะ 55
สรุปสั้นๆ "ก็มันอยากเรียนแล้วก็ไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วนั้นเอง"
เมื่อตอบได้แล้วว่าทำไมเราถึงอยากไปเรียน คราวนี้เรามาดูคะว่าเราอยากไปเรียนระดับไหน ป.ตรี ป.โท หรือ ป.เอก และเราอยากไปเรียนสาขาไหน เรียนต่อด้านเดิม หรือเปลี่ยนด้านไปเลย พร้อมหาข้อมูลในอินเตอเนตเลยคะ ว่าด้านและสาขาที่เราอยากเรียนมีเปิดสอนที่ไหนบ้าง เราไม่มีเวปแนะนำนะคะ เพราะเราหาโดยวิธีพิมพ์คำที่เราต้องการ (Histoire master) ใน Google แล้วมันขึ้นมาเอง คราวนี้เราก็เลือกที่เราสนใจพร้อมดูคุณสมบัติ เพราะแต่ละที่ไม่เหมือนกันคะ
ขั้นตอนที่ 2 : มารู้จักกับระบบการเรียนที่ฝรั่งเศสกันนิดนึงดีกว่า
สำหรับคนที่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาบ้างคงพอจะทราบมาแล้ว แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่ทราบ เลยขออธิบายคราวๆนะคะ
ถ้าเราเข้าไปในเวป คุณสมบัติของผู้รับสมัครส่วนมากจะเป็น Bac+3 หรือ Bac+4 มันคืออะไรหนอ?
Bac = ก็คล้ายๆประกาศนียบัตรจบม.6ของเราอะแหละคะ คราวนี้+3 ก็คือเรียนเพิ่มอีก 3 ปี = ป.ตรีของเขา
แต่บ้านเราเรียน ป.ตรี 4 ปี ดังนั้นบ้านเราจะกลายเป็น Bac +4 โดยปริยาย
ปริญญาโทที่ฝรั่งเศสจะเรียน 2 ปีคะโดยแบ่งเป็น
Master 1 สำหรับปูพื้นฐาน (ต้องจบ bac+3)
Master 2 (ต้องจบ bac+4)
ถ้าเกิดคณะที่เราเลือกจะเรียนต่อมันตรงสายมาจาก ป.ตรีเลย ก็อาจจะโชคดีได้เรียน Master 2 เลยคือเรียนปีเดียวแล้วจบ แต่ถ้าเกิดเราเปลี่ยนสาย หรือ เราอยากจะลองเรียนลองปูพื้นฐานก่อน เริ่มจาก Master 1 เป็นสิ่งที่ควรเลือกคะ เพราะการเรียนที่นี่ไม่เหมือนเรียนที่เมืองไทย ต้องใช้เวลาปรับตัวระดับหนึ่งเลยทีเดียว
หรือสำหรับคนที่จะต่อ ป.เอก ก็จะเป็น Bac+5 คะ บางที่อาจจะเพิ่มเติมเงื่อนไขอีก (เช่นคะแนนวิทยานิพจธ์) ดังนั้นต้องอ่านคุณสมบัตรแต่ละมหาวิทยาลัยอีกที่นะคะ
ขั้นตอนที่ 3 : เตรียมตัวเรื่องภาษา
สิ่งแรกเหนือสิ่งใดๆ สำหรับการไปเรียนที่ฝรั่งเศสคือ ผลสอบทางภาษาคะ ถ้าเกิดเราไม่มีใบผลสอบภาษาที่ผ่านตามเกณฑ์ที่เขากำหนดแนบไปด้วย เอกสารเราจะไม่ถูกนำมาพิจรณาไม่ว่าเราจะคุณสมบัติเริ่ดหรูยังไงก็ตามนะคะ ไม่มีข้อยกเว้นคะ
ดังนั้นเราต้องสอบภาษากันก่อน โดยระดับภาษาของฝรั่งเศสจะแยกเป็นดังนี้คะ (ขอบคุณข้อมูลจากสมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพนะคะ)
DELF/DALF Tous publics (A1, A2, B1, B2, C1 et C2) แบบบุคคลทั่วไป
ประกาศนียบัตรระดับ DELF B2 และ DALF ครอบคลุมเนื้อหาการสอบทุกทักษะ ภาษาฝรั่งเศสเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของประเทศฝรั่งเศส
ประกาศนียบัตรระดับสูง ครอบคลุมเนื้อหาการสอบทุกทักษะทางภาษาฝรั่งเศสนำไปสู่การศึกษาภาษาฝรั่งเศสในขั้นสูงขึ้น
DELF Pro (A1, A2, B1, B2), option professionnelle สำหรับบุคคลที่มีจุดประสงค์เพื่อมุ่งเข้าสู่หรือความก้าวหน้าทางด้านสาขาอาชีพ
ประกาศนียบัตร DELF Pro ประเมินจากทักษะความรู้ความเข้าใจทุกสถานการณ์ทางธุระกิจทั่วไป มีเนื้อหาที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงาน
ค่าสมัครสอบก็
1,500 บาท (ประกาศนียบัตร DELF A1 และ A2)
1,870 บาท (ประกาศนียบัตร DELF B1)
2,040 บาท (ประกาศนียบัตร DELF B2)
2,700 บาท (ประกาศนียบัตร DALF C1 และ C2)
ก่อนที่จะสมัครตรวจสอบอีกรอบนะคะ เพราะว่าราคาอาจจะขึ้น (นี่ก็เพิ่งปรับขึ้นมาได้สักพักคะ)
สำหรับการเรียนในระดับ ปริญญาโท ต้องผ่านระดับ DELF Tous publics B2 ขั้นต่ำนะคะ โดยที่เรียนด้านกฏหมายหรือ Grand école อาจจะต้องใช้ C1 คะ
ส่วนที่เรียนภาษาถ้ามีพื้นฐานแล้ว เราแนะนำว่าลองสอบดูก่อน เพื่อดูระดับของตัวเอง เราเริ่มสอบจาก B1 ก่อน พอผ่านแล้วค่อยไปสอบ B2 เพราะเราไม่ได้ใช้ภาษาฝรั่งเศสมาสักพักแล้วละคะก่อนที่จะไปเรียนเนี่ย
สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานแนะนำให้ไปเรียนที่สมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพคะ (อาจจะราคาสูงหน่อย แต่หลังจากที่เราเรียนมาหลายที่ ที่นี่คุ้มสุดแล้ว)
สำหรับผู้ที่จะไปเรียนภาษาที่ประเทศฝรั่งเศสเลยก็ได้นะคะ มีหลายที่ให้เลือก แต่มันจะเกินงบอะสิ ค่าเรียนภาษาที่โน้นแพงอะ
ถ้าเราผ่านด่านสอบภาษาไปได้ก็สบายไประดับหนึ่งแล้วละคะว่าเราน่าจะมีที่เรียนแล้วแน่นอน
(เดี๋ยวมาต่อนะคะ)