พอดีไปอ่านเจอรีวิวนี้มาแล้วตรงกับที่ตัวเองคิดไว้ประมาณนี้พอดี เลยเอามาให้อ่านกัน สำหรับไว้เป็นข้อมูลเผื่อใครที่ยังไม่ได้ เพื่อให้เห็นภาพของหนังเรื่องนี้มากขึ้น บางอย่างถึงตรงนี้ผมก็ยังอดแอบสงสัยอยู่ว่า บางอย่างของหนังทำไม่เฉลย เช่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ผงสีชมพูมาจากไหน ความลับมันคืออะไร อันนี้ถ้าจะตีและขยายให้ภาพชัดขึ้นมาอีกนิดจะเวิร์คมากๆ เพราะมันคือส่วนสำคัญของเรื่องที่น่าใส่ใจมากๆ เลยทีเดียว
เครดิตขอบคุณเจ้าของบทความรีวิวนี้มากๆ นะครับ
http://cinematicth.wordpress.com/2013/01/11/review-upside-down-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82/
Upside Down – นิยามรักปฏิวัติสองโลก
(คนข้างบนนั้นอาจจะรวยจริง แต่นั่นไม่ใช่สวรรค์หรอก ไม่ใช่สวรรค์แน่ๆ)
Critic Average : (B)
Review by : Bankero
อีก 1 เรื่องที่ติดโรคเลื่อน ซึ่งเลื่อนฉายมายาวนานมาก จนในที่สุดเราได้ดูซักที กับ หนังโรแมนติก แฟนตาซี พลอตเก๋ ไอเดียล้ำเรื่องนี้ ที่ตัวอย่างและโปสเตอร์ปล่อยออกมานานมากแล้ว และทำให้คอหนังส่วนใหญ่สนใจกันเป็นอย่างมากจริงๆอีกทั้งยังเป็นอีก 1 เรื่องที่ หนุ่มหน้ามนคนหน้าหวาน พระเอกหนังรัก จิม สเตอร์เจส มารับบทอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เราพึ่งได้เห็นเขาไปใน Cloud Atlas และ One Day
คำเตือน อาจมีการเปิดเผยส่วนสำคัญของเนื้อหา และ อาจจะทำให้เสียอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ !!
Upside Down เป็นเรื่องราวของโลกที่ถูกแรงโน้มถ่วง แบ่งแยกโลกออกเป็น 2 ส่วน มีเพียงท้องฟ้าที่บรรจบเข้าหากัน โลกด้านบนนั้น สมบูรณ์และสุขสบาย ส่วนโลกด้านล่างนั้น มอซอ และยากจน ทั้ง 2 โลกมีสิ่งที่เชื่อมต่อกันเพียงอย่างเดียวนั่นคือ ทรานส์เวิล์ด ตึกสูงที่เชื่อมต่อทั้งสองโลกไว้นั้น เป็นเหมือนท่อขุดเจาะน้ำมันจากโลกด้านล่างเพื่อนำขึ้นไปใช้ยังโลกด้านบนด้วย
ซึ่งในครั้งหนึ่งมันเคยเกิดการระเบิดขึ้น และส่งผลให้ พ่อแม่ของ อดัม เคิร์ก (จิม สเตอร์เจส) เป็นกำพร้า เขาเติบโตมาในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า และญาติที่เขาเหลืออยู่เพียงคนเดียวคือป้า ป้าของอดัมนั้นมีผงที่สกัดจากเกสรของผึ้งพิเศษ ทำให้วัตถุนั้นๆลอยได้ ซึ่งพอมาถึงวันหนึ่ง ป้าได้ให้อดัม ไปเก็บเกสรนั้น และอดัมก็ได้เข้าไปจนถึงหน้าผา เขาบังเอิญได้พบกับ อีเด็น มัวร์ (คริสเต็น ดันท์) หญิงสาวจากโลกด้านบนและได้แอบพบกัน และรักกันในเวลาต่อมา
จนวันหนึ่งมีตำรวจชายแดนมาพบเข้า และได้ยิงอดัมบาดเจ็บ ส่วน อีเด็น ก็เกิดอุบัติเหตุเข้า และทำให้สมองของเธอกระทบกระเทือน จนจำเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้ (ขอเสริมอีกนิดนะครับ คือทั้ง 2 โลกมีกฎคือ ห้ามคนจากโลกด้านล่างขึ้นมาโลกด้านบน และห้ามติดต่อกัน อีกทั้งยังห้ามขโมยของจากโลกด้านบนอีกด้วย)
แต่ทว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านมา 10 ปี อดัมคิดว่า อีเด็นตายแล้ว แต่เมื่อวันหนึ่งเขาได้เห็นเธอผ่านทีวี เธอเป็นพนักงานของ ทรานส์เวิล์ด ทำให้อดัม ใช้สูตรครีมต้านแรงโน้มถ่วงเข้าไปสมัครงานกับทรานส์เวิลด์ เขาวางแผนที่จะได้พบเธออีกครั้ง หลังจากที่ทั้ง 2 ไม่ได้พบกันมานาน และนี่ก็ทำให้อดัมแหวกกฎที่ทั้ง 2 โลกตั้งไว้ เพราะเขาเชื่อว่า ความรักนั้น มีพลังมากกว่า แรงโน้มถ่วง หรือแรงดึงดูด
แม้ว่าจะเป็นหนังรักดาดๆเรื่องนึง เพราะในแง่มุมของหนังโรแมนติกแล้ว หนังเรื่องนี้ออกจะธรรมดา และไม่มีอะไร จุดพีคก็ไม่มีอะไรมากนัก หนังดำเนินเรื่องไปนิ่งๆ และไม่ทำให้คนดูมีส่วนร่วมเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้แปลกแยกมากๆ คือ ไอเดีย โลกกลับหัวกลับหางกัน หนังเน้นในประเด็นนี้ และเก็บในทุกรายละเอียด ตอนแรกผมไม่เข้าใจ แต่หนังก็อธิบายต้นเรื่องจนเราเข้าใจหลักการของหนังเรื่องนี้นอกจากนี้หนัง ยังมีงานภาพที่สวย ฉากเมือง ภูเขา และบรรยากาศ อลังการมากๆ ช่วยดึงจุดสนใจของผมได้ดี ให้ผมไปใส่ใจแต่ไอเดียเหล่านี้ จนตัวหนังนั้นผมมองข้ามไป
หนังพาไปสู่จุดจบที่แฮปปี้เอนด์ดิ้ง แม้มันออกจะง่ายกว่านี้สักนิด และหนังยังเหลืออะไรอีกเยอะก็ตาม ผมไม่แน่ใจว่าจะให้เราคิดเองหรือเปล่า ว่าท้ายที่สุด อดัมสามารถเปลี่ยนโลกจากทฤษฎีของเขาได้จริง แต่นักแสดงนำทั้ง 2 ก็เสนออารมณ์ออกมาได้ดี จิม สเตอร์เจส เล่นได้ใสซื่อมากๆ แลดูเป็นชายหนุ่มที่บูชาในความรักจริงๆ และพร้อมจะทำทุกทางเพื่อไปหาคนที่เขารัก
สิ่งที่เราพยายามเอาใจช่วยตลอดทั้งเรื่องคือ อุปสรรคของคู่รักคู่นี้มันใหญ่เหลือเกิน จนเรานั่งลุ้นกันว่า แล้วจะเจอกันได้ยังไง พระเอกของเราจะทำอะไรบ้าง นั่นเป็นอีกสิ่งนอกจากไอเดีย ฉากต่างๆ ที่ทำให้เราติดตามไปด้วย
Up side Down (คนข้างบนนั้นอาจจะรวยจริง แต่นั่นไม่ใช่สวรรค์หรอก ไม่ใช่สวรรค์แน่ๆ)
เครดิตขอบคุณเจ้าของบทความรีวิวนี้มากๆ นะครับ
http://cinematicth.wordpress.com/2013/01/11/review-upside-down-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82/
Upside Down – นิยามรักปฏิวัติสองโลก
(คนข้างบนนั้นอาจจะรวยจริง แต่นั่นไม่ใช่สวรรค์หรอก ไม่ใช่สวรรค์แน่ๆ)
Critic Average : (B)
Review by : Bankero
อีก 1 เรื่องที่ติดโรคเลื่อน ซึ่งเลื่อนฉายมายาวนานมาก จนในที่สุดเราได้ดูซักที กับ หนังโรแมนติก แฟนตาซี พลอตเก๋ ไอเดียล้ำเรื่องนี้ ที่ตัวอย่างและโปสเตอร์ปล่อยออกมานานมากแล้ว และทำให้คอหนังส่วนใหญ่สนใจกันเป็นอย่างมากจริงๆอีกทั้งยังเป็นอีก 1 เรื่องที่ หนุ่มหน้ามนคนหน้าหวาน พระเอกหนังรัก จิม สเตอร์เจส มารับบทอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เราพึ่งได้เห็นเขาไปใน Cloud Atlas และ One Day
คำเตือน อาจมีการเปิดเผยส่วนสำคัญของเนื้อหา และ อาจจะทำให้เสียอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ !!
Upside Down เป็นเรื่องราวของโลกที่ถูกแรงโน้มถ่วง แบ่งแยกโลกออกเป็น 2 ส่วน มีเพียงท้องฟ้าที่บรรจบเข้าหากัน โลกด้านบนนั้น สมบูรณ์และสุขสบาย ส่วนโลกด้านล่างนั้น มอซอ และยากจน ทั้ง 2 โลกมีสิ่งที่เชื่อมต่อกันเพียงอย่างเดียวนั่นคือ ทรานส์เวิล์ด ตึกสูงที่เชื่อมต่อทั้งสองโลกไว้นั้น เป็นเหมือนท่อขุดเจาะน้ำมันจากโลกด้านล่างเพื่อนำขึ้นไปใช้ยังโลกด้านบนด้วย
ซึ่งในครั้งหนึ่งมันเคยเกิดการระเบิดขึ้น และส่งผลให้ พ่อแม่ของ อดัม เคิร์ก (จิม สเตอร์เจส) เป็นกำพร้า เขาเติบโตมาในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า และญาติที่เขาเหลืออยู่เพียงคนเดียวคือป้า ป้าของอดัมนั้นมีผงที่สกัดจากเกสรของผึ้งพิเศษ ทำให้วัตถุนั้นๆลอยได้ ซึ่งพอมาถึงวันหนึ่ง ป้าได้ให้อดัม ไปเก็บเกสรนั้น และอดัมก็ได้เข้าไปจนถึงหน้าผา เขาบังเอิญได้พบกับ อีเด็น มัวร์ (คริสเต็น ดันท์) หญิงสาวจากโลกด้านบนและได้แอบพบกัน และรักกันในเวลาต่อมา
จนวันหนึ่งมีตำรวจชายแดนมาพบเข้า และได้ยิงอดัมบาดเจ็บ ส่วน อีเด็น ก็เกิดอุบัติเหตุเข้า และทำให้สมองของเธอกระทบกระเทือน จนจำเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้ (ขอเสริมอีกนิดนะครับ คือทั้ง 2 โลกมีกฎคือ ห้ามคนจากโลกด้านล่างขึ้นมาโลกด้านบน และห้ามติดต่อกัน อีกทั้งยังห้ามขโมยของจากโลกด้านบนอีกด้วย)
แต่ทว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านมา 10 ปี อดัมคิดว่า อีเด็นตายแล้ว แต่เมื่อวันหนึ่งเขาได้เห็นเธอผ่านทีวี เธอเป็นพนักงานของ ทรานส์เวิล์ด ทำให้อดัม ใช้สูตรครีมต้านแรงโน้มถ่วงเข้าไปสมัครงานกับทรานส์เวิลด์ เขาวางแผนที่จะได้พบเธออีกครั้ง หลังจากที่ทั้ง 2 ไม่ได้พบกันมานาน และนี่ก็ทำให้อดัมแหวกกฎที่ทั้ง 2 โลกตั้งไว้ เพราะเขาเชื่อว่า ความรักนั้น มีพลังมากกว่า แรงโน้มถ่วง หรือแรงดึงดูด
แม้ว่าจะเป็นหนังรักดาดๆเรื่องนึง เพราะในแง่มุมของหนังโรแมนติกแล้ว หนังเรื่องนี้ออกจะธรรมดา และไม่มีอะไร จุดพีคก็ไม่มีอะไรมากนัก หนังดำเนินเรื่องไปนิ่งๆ และไม่ทำให้คนดูมีส่วนร่วมเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้แปลกแยกมากๆ คือ ไอเดีย โลกกลับหัวกลับหางกัน หนังเน้นในประเด็นนี้ และเก็บในทุกรายละเอียด ตอนแรกผมไม่เข้าใจ แต่หนังก็อธิบายต้นเรื่องจนเราเข้าใจหลักการของหนังเรื่องนี้นอกจากนี้หนัง ยังมีงานภาพที่สวย ฉากเมือง ภูเขา และบรรยากาศ อลังการมากๆ ช่วยดึงจุดสนใจของผมได้ดี ให้ผมไปใส่ใจแต่ไอเดียเหล่านี้ จนตัวหนังนั้นผมมองข้ามไป
หนังพาไปสู่จุดจบที่แฮปปี้เอนด์ดิ้ง แม้มันออกจะง่ายกว่านี้สักนิด และหนังยังเหลืออะไรอีกเยอะก็ตาม ผมไม่แน่ใจว่าจะให้เราคิดเองหรือเปล่า ว่าท้ายที่สุด อดัมสามารถเปลี่ยนโลกจากทฤษฎีของเขาได้จริง แต่นักแสดงนำทั้ง 2 ก็เสนออารมณ์ออกมาได้ดี จิม สเตอร์เจส เล่นได้ใสซื่อมากๆ แลดูเป็นชายหนุ่มที่บูชาในความรักจริงๆ และพร้อมจะทำทุกทางเพื่อไปหาคนที่เขารัก
สิ่งที่เราพยายามเอาใจช่วยตลอดทั้งเรื่องคือ อุปสรรคของคู่รักคู่นี้มันใหญ่เหลือเกิน จนเรานั่งลุ้นกันว่า แล้วจะเจอกันได้ยังไง พระเอกของเราจะทำอะไรบ้าง นั่นเป็นอีกสิ่งนอกจากไอเดีย ฉากต่างๆ ที่ทำให้เราติดตามไปด้วย