นับตั้งแต่อนิเมฮารุฮิภาคแรกฉายเมื่อปี 2006 ด้วยความแปลกใหม่และลูกเล่นพิศดารจนทำให้เกิดการ
บอกเล่ากันปากต่อปากสร้างกระแสความนิยมอย่างมากมาย ผมเองก็ตกเป็นเหยี่อในกระแสนั้นด้วย
เช่นกัน(ฮา) ในตอนนั้นผมค่อนข้างประทับใจฮารุฮิมากเลย เป็นอนิเมชั่นที่มีพลังและน่าติดตามในตัว
ของมันเอง จนทำให้ผมเริ่มกลับมาดูอนิเมกับเค้ามั่งหลังจากหนักไปทางเกมอยู่หลายปี เป็นครั้งแรก
ในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่ดูอนิเมวันเดียว 8 ตอนรวด สนุกดีนะ ฮะฮะ
หลังจากนั้นกระแสฮารุฮิก็ค่อยๆซาลง เหล่าแฟนๆก็ค่อยๆหันไปกรี๊ดกร๊าดอนิเมเรื่องอื่นกันแทน
ราวๆปี 2008 นิยายฮารุฮิเวอร์ชั่นภาษาไทยที่จัดทำโดยสำนักพิมพ์บงกชก็ได้วางขาย กระแสตอนนั้น
ก็ยังพอมีเหลือนิดหน่อย ผมก็เริ่มเบื่อๆฮารุฮิ เพราะว่าแฟนอวยมันน่าหมั่นไส้เหลือเกินจนเริ่มหันไป
กวนตีนชาวบ้านแทน แต่ตัวนิยายฮารุฮิมันก็มีจุดแข็งของมันที่เรื่องอื่นไม่มี ผมเลยเช่ามาอ่านซะหน่อย
อ่านจบก็รู้สึกว่าเออสนุกได้อยู่ แต่พอเล่มสองออกร้านเช่ามันไม่ซื้อมาแล้ว บอกว่าไม่มีคนอื่น มีมืงอ่าน
อยู่คนเดียว โอ้นี่หรือนิยายยอดขายห้าล้านเล่มที่ถูกสร้างเป็นอนิเมชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ผมก็เลย
ต้องซื้ออ่านเองในที่สุด
เวลาผ่านไปจวบจนย่างปัจจุบันปี 2013 ผมก็ได้อ่าน “การแบ่งแยกของสึซึมิยะ ฮารุฮิ” จบเพราะว่า
เอารถไปเปลี่ยนยางแล้วมันรอนาน ณ วันนี้เวลานี้ กระแสฮารุฮิถูกลืมไปอย่างสิ้นเชิง โอตาคุทั้งหลาย
ก็มีภรรยาใหม่มากหน้าหลายตานับกันไม่หวาดไม่ไหว ฮารุฮิก็เป็นเพียงนางบำเรอใช้แล้วที่หมดค่าเป็นผ้าขี้ริ้ว
ถึงจะมีอนิเมภาคต่อที่เป็น Endless Eight ไปแปดตอนก็เหอะ(หัวเราะ) กระแสความนิยมก็จางหายไป
ทุกวันนี้ตามงานคอสถ้าพูดถึงฮาเรฮาเรยูไคนี่อาจจะโดนถามว่ามันคืออะไรแทน แม้แต่เวลาที่นิยาย
ออกเล่มใหม่ในงานหนังสือ(จริงๆมันออกก่อนงานหนังสือนะ)ก็ไม่เห็นใครพูดถึงตามเว็บบอร์ดหรือ
โซเชียลเน็ทเวิร์คเลย คนที่รู้จักรอบตัวผมก็ไม่มีใครซื้อนิยายฮารุฮิสักคน ทั้งๆที่ตอนอนิเมฉายก็แห่แหน
เชิดชูประหนึ่งนางฟ้าจุติแท้ๆ เหลือแต่เฮตเตอร์อย่างผมบ้าซื้ออยู่คนเดียว (จากตัวอย่างนี้ตีความได้ว่า
Hater>Fanboy นะจ๊ะ) เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการติดตามนิยายฮารุฮิก็คือตัวละครชื่อ
ซาซากิและพรรคพวก ซึ่งเป็นตัวละครใหม่คู่ปรับของแก๊งค์ฮารุฮิ ผมไม่รู้เลยว่าซาซากิเป็นคนแบบไหน
(แต่เคยเห็นรูปแล้ว) พรรคพวกของซาซากิเป็นอย่างไร นี่เป็นสิ่งที่คาใจผมมาตั้งแต่ปี 2008 ผมเฝ้ารอ
การปรากฏตัวของซาซากิมาเกือบ 5 ปี และในที่สุดมันก็เป็นจริง หลังจากที่อ่าน “การแบ่งแยกของ
สึซึมิยะฮารุฮิ” จบ ผมก็พูดได้อย่างมั่นใจเต็มปากว่า
“แ-่งไม่เห็นสนุกเลย”
ฮารุฮิเป็นนิยายที่เริ่มต้นน่าเบื่อ กลางๆเหมือนจะสนุก ท้ายๆลุ้นสักนิด และจบลงด้วยความงี่เง่าเสมอมา
แพทเทิร์นของเรื่องจะมีสองแบบ 1)ฮารุฮิทำให้เกิดอะไรวุ่นวาย→นางาโตะแก้ไข หรือ 2)ย้อนเวลาไปมา
เนื้อหาในเล่มเต็มไปด้วยบทบรรยายฟุ่มเฟือยของเคียน ผมไม่ได้รังเกียจการบ่นไร้สาระของตัวเอกของเรื่อง
หรอกนะ แต่ถ้าคุณต้องอ่านการพรรณนาถึงความซุ่มซ่ามของมิคุรุรอบที่หกหมื่นแปดพันสามร้อยยี่สิบสาม
ความงี่เง่าเอาแต่ใจของฮารุฮิรอบที่สี่แสนเจ็ดพันหกร้อยยี่สิบสี่ และบลาๆๆๆ อื่นๆอีกมากมายที่ทำมาซ้ำซาก
ตลอดแปดเล่มและยังทำต่อไปโดยไม่มีการพัฒนาของตัวละครเลยแม้แต่น้อย ปมปริศนาของเรื่องซ้ำๆซากๆ
และแทบทุกครั้งจบลงอย่างง่ายดายและงี่เง่าเพราะว่ามีโดราเอมอนที่ชื่อยูกิอยู่ ความสัมพันธ์ของตัวละคร
ไม่พัฒนา วิธีคิดของตัวละครถูกแช่แข็ง ไม่สามารถตระหนักและใตร่ตรองจนเกิดผลลัพธ์ได้ ผมสงสัยมากว่า
ของแบบนี้น่ะเหรอที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูง แต่ก็นะ…มันก็แค่เคย…กระแสมันก็หมดไปแล้วเหมือนกัน
นิยายฮารุฮิที่ยังไม่ได้ถูกแปลเป็นภาษาไทยนั้นยังเหลืออีก 2 เล่มล่าสุดที่เพิ่งออกมา ซึ่งแบ่งเป็นครึ่งแรก
และครึ่งหลัง ก็น่าจะเป็นตอนของซาซากิต่อจากเล่มนี้ ในบทสุดท้ายของ “การแบ่งแยกฯ” เรื่องราว
ถูกแบ่งออกเป็นไลน์อัลฟ่าและไลน์เบต้า ไลน์อัลฟ่ามีสาวน้อยลึกลับโทรมาหาเคียน แล้วก็ลั้ลลาไร้สาระ
ไปตามปกติจนจบเล่ม ไลน์เบต้าซาซากิจะเรียกเคียนออกไปคุยแล้วเจอกับพวกแก๊งซาซากิ รวมถึงได้ไป
มิติปิดตายของซาซากิด้วย จากนั้นวันรุ่งขึ้นนางาโตะก็ไม่มาเรียน ทุกคนเลยไปเยี่ยม จบเล่ม ถามว่า
ไอเดียดีมั้ย ก็ไม่รู้สิ อย่างที่บอกนิยายฮารุฮิช่วงกลางๆมักจะน่าติดตามเสมอ แต่จะจบลงด้วยอารมณ์ว่า
เอาเวลากุคืนมาได้มั้ย กุอุตส่าห์ทนอ่านน้ำท่วมทุ่งมาตั้งเยอะ เอาเวลากุคืนมาได้มั้ย
ผมอ่านนิยายดูอนิเมทุกตอน ผมบ่นได้เต็มที่แล้วใช่มั้ยครับแฟนบอยทั้งหลายที่ยังมีชีวิตอยู่
ต้นฉบับ
http://tomare.exteen.com/20130114/entry
[CR] การแบ่งแยกของสึซึมิยะฮารุฮิ *spoiled และ ยาว*
บอกเล่ากันปากต่อปากสร้างกระแสความนิยมอย่างมากมาย ผมเองก็ตกเป็นเหยี่อในกระแสนั้นด้วย
เช่นกัน(ฮา) ในตอนนั้นผมค่อนข้างประทับใจฮารุฮิมากเลย เป็นอนิเมชั่นที่มีพลังและน่าติดตามในตัว
ของมันเอง จนทำให้ผมเริ่มกลับมาดูอนิเมกับเค้ามั่งหลังจากหนักไปทางเกมอยู่หลายปี เป็นครั้งแรก
ในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่ดูอนิเมวันเดียว 8 ตอนรวด สนุกดีนะ ฮะฮะ
หลังจากนั้นกระแสฮารุฮิก็ค่อยๆซาลง เหล่าแฟนๆก็ค่อยๆหันไปกรี๊ดกร๊าดอนิเมเรื่องอื่นกันแทน
ราวๆปี 2008 นิยายฮารุฮิเวอร์ชั่นภาษาไทยที่จัดทำโดยสำนักพิมพ์บงกชก็ได้วางขาย กระแสตอนนั้น
ก็ยังพอมีเหลือนิดหน่อย ผมก็เริ่มเบื่อๆฮารุฮิ เพราะว่าแฟนอวยมันน่าหมั่นไส้เหลือเกินจนเริ่มหันไป
กวนตีนชาวบ้านแทน แต่ตัวนิยายฮารุฮิมันก็มีจุดแข็งของมันที่เรื่องอื่นไม่มี ผมเลยเช่ามาอ่านซะหน่อย
อ่านจบก็รู้สึกว่าเออสนุกได้อยู่ แต่พอเล่มสองออกร้านเช่ามันไม่ซื้อมาแล้ว บอกว่าไม่มีคนอื่น มีมืงอ่าน
อยู่คนเดียว โอ้นี่หรือนิยายยอดขายห้าล้านเล่มที่ถูกสร้างเป็นอนิเมชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ผมก็เลย
ต้องซื้ออ่านเองในที่สุด
เวลาผ่านไปจวบจนย่างปัจจุบันปี 2013 ผมก็ได้อ่าน “การแบ่งแยกของสึซึมิยะ ฮารุฮิ” จบเพราะว่า
เอารถไปเปลี่ยนยางแล้วมันรอนาน ณ วันนี้เวลานี้ กระแสฮารุฮิถูกลืมไปอย่างสิ้นเชิง โอตาคุทั้งหลาย
ก็มีภรรยาใหม่มากหน้าหลายตานับกันไม่หวาดไม่ไหว ฮารุฮิก็เป็นเพียงนางบำเรอใช้แล้วที่หมดค่าเป็นผ้าขี้ริ้ว
ถึงจะมีอนิเมภาคต่อที่เป็น Endless Eight ไปแปดตอนก็เหอะ(หัวเราะ) กระแสความนิยมก็จางหายไป
ทุกวันนี้ตามงานคอสถ้าพูดถึงฮาเรฮาเรยูไคนี่อาจจะโดนถามว่ามันคืออะไรแทน แม้แต่เวลาที่นิยาย
ออกเล่มใหม่ในงานหนังสือ(จริงๆมันออกก่อนงานหนังสือนะ)ก็ไม่เห็นใครพูดถึงตามเว็บบอร์ดหรือ
โซเชียลเน็ทเวิร์คเลย คนที่รู้จักรอบตัวผมก็ไม่มีใครซื้อนิยายฮารุฮิสักคน ทั้งๆที่ตอนอนิเมฉายก็แห่แหน
เชิดชูประหนึ่งนางฟ้าจุติแท้ๆ เหลือแต่เฮตเตอร์อย่างผมบ้าซื้ออยู่คนเดียว (จากตัวอย่างนี้ตีความได้ว่า
Hater>Fanboy นะจ๊ะ) เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการติดตามนิยายฮารุฮิก็คือตัวละครชื่อ
ซาซากิและพรรคพวก ซึ่งเป็นตัวละครใหม่คู่ปรับของแก๊งค์ฮารุฮิ ผมไม่รู้เลยว่าซาซากิเป็นคนแบบไหน
(แต่เคยเห็นรูปแล้ว) พรรคพวกของซาซากิเป็นอย่างไร นี่เป็นสิ่งที่คาใจผมมาตั้งแต่ปี 2008 ผมเฝ้ารอ
การปรากฏตัวของซาซากิมาเกือบ 5 ปี และในที่สุดมันก็เป็นจริง หลังจากที่อ่าน “การแบ่งแยกของ
สึซึมิยะฮารุฮิ” จบ ผมก็พูดได้อย่างมั่นใจเต็มปากว่า
“แ-่งไม่เห็นสนุกเลย”
ฮารุฮิเป็นนิยายที่เริ่มต้นน่าเบื่อ กลางๆเหมือนจะสนุก ท้ายๆลุ้นสักนิด และจบลงด้วยความงี่เง่าเสมอมา
แพทเทิร์นของเรื่องจะมีสองแบบ 1)ฮารุฮิทำให้เกิดอะไรวุ่นวาย→นางาโตะแก้ไข หรือ 2)ย้อนเวลาไปมา
เนื้อหาในเล่มเต็มไปด้วยบทบรรยายฟุ่มเฟือยของเคียน ผมไม่ได้รังเกียจการบ่นไร้สาระของตัวเอกของเรื่อง
หรอกนะ แต่ถ้าคุณต้องอ่านการพรรณนาถึงความซุ่มซ่ามของมิคุรุรอบที่หกหมื่นแปดพันสามร้อยยี่สิบสาม
ความงี่เง่าเอาแต่ใจของฮารุฮิรอบที่สี่แสนเจ็ดพันหกร้อยยี่สิบสี่ และบลาๆๆๆ อื่นๆอีกมากมายที่ทำมาซ้ำซาก
ตลอดแปดเล่มและยังทำต่อไปโดยไม่มีการพัฒนาของตัวละครเลยแม้แต่น้อย ปมปริศนาของเรื่องซ้ำๆซากๆ
และแทบทุกครั้งจบลงอย่างง่ายดายและงี่เง่าเพราะว่ามีโดราเอมอนที่ชื่อยูกิอยู่ ความสัมพันธ์ของตัวละคร
ไม่พัฒนา วิธีคิดของตัวละครถูกแช่แข็ง ไม่สามารถตระหนักและใตร่ตรองจนเกิดผลลัพธ์ได้ ผมสงสัยมากว่า
ของแบบนี้น่ะเหรอที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูง แต่ก็นะ…มันก็แค่เคย…กระแสมันก็หมดไปแล้วเหมือนกัน
นิยายฮารุฮิที่ยังไม่ได้ถูกแปลเป็นภาษาไทยนั้นยังเหลืออีก 2 เล่มล่าสุดที่เพิ่งออกมา ซึ่งแบ่งเป็นครึ่งแรก
และครึ่งหลัง ก็น่าจะเป็นตอนของซาซากิต่อจากเล่มนี้ ในบทสุดท้ายของ “การแบ่งแยกฯ” เรื่องราว
ถูกแบ่งออกเป็นไลน์อัลฟ่าและไลน์เบต้า ไลน์อัลฟ่ามีสาวน้อยลึกลับโทรมาหาเคียน แล้วก็ลั้ลลาไร้สาระ
ไปตามปกติจนจบเล่ม ไลน์เบต้าซาซากิจะเรียกเคียนออกไปคุยแล้วเจอกับพวกแก๊งซาซากิ รวมถึงได้ไป
มิติปิดตายของซาซากิด้วย จากนั้นวันรุ่งขึ้นนางาโตะก็ไม่มาเรียน ทุกคนเลยไปเยี่ยม จบเล่ม ถามว่า
ไอเดียดีมั้ย ก็ไม่รู้สิ อย่างที่บอกนิยายฮารุฮิช่วงกลางๆมักจะน่าติดตามเสมอ แต่จะจบลงด้วยอารมณ์ว่า
เอาเวลากุคืนมาได้มั้ย กุอุตส่าห์ทนอ่านน้ำท่วมทุ่งมาตั้งเยอะ เอาเวลากุคืนมาได้มั้ย
ผมอ่านนิยายดูอนิเมทุกตอน ผมบ่นได้เต็มที่แล้วใช่มั้ยครับแฟนบอยทั้งหลายที่ยังมีชีวิตอยู่
ต้นฉบับ http://tomare.exteen.com/20130114/entry