การประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงเพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน มีสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้างคละเคล้ากันไป
แต่ที่หลายๆคนยังสงสัยอยู่นั่นก็คือ เขานับคะแนนกันอย่างไร จึงทำให้หลายๆชื่อที่ควรจะเป็นหลุดโผ และหลายๆชื่อที่คาดไม่ถึงกลับเข้ามาเป็น 1 ใน 5 ผู้เข้าชิงได้ เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง
การลงคะแนน (Ballot)
ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน(Voter) จะมีสิทธิ์ลงคะแนนในขาสาที่ตัวเองสังกัดอยู่เท่านั้น ยกเว้น รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) ที่Voterทุกสาขามีสิทธิ์เท่ากันหมดในการโหวต โดยจะมีสิทธิ์เลือก 5 รายชื่อที่Voterแต่ละคนคิดว่า"ดีที่สุด"เรียงตามลำดับ
เช่นสาขา Best Supporting Actor มีผู้โหวตเรียงตามลำดับดังนี้
1.Tommy Lee Jones - Lincoln
2.Phillip Seymour Hoffman - The Master
3.Miller, Ezra - THE PERKS OF BEING A WALLFLOWER
4.De Niro, Robert - SILVER LININGS PLAYBOOK
5.Waltz, Christoph - DJANGO UNCHAINED
อันดับแรกที่ Voter เลือก จะมีค่าเท่ากับ 1 คะแนน โดยผู้นับในรอบแรกจะดูเพียงแค่ อันดับแรกอันดับเดียวเท่านั้น จากนั้นจึงจะนับ Ballot ใบอื่นต่อไปเรื่อยๆจนหมด
ตัวอย่างในแผนภูมิข้างล่างมาจากเวป AwardsDaily ซึ่งจะมีการทายผลกันสนุกก่อนการประกาศรางวัลทุกปี แต่จะจำลองการนับคะแนนเหมือนของจริงทุกประการ
จะเห็นว่าในการนับรอบแรก มี Voters ทั้งหมด 963 คน มีผู้โหวต Tommy Lee Jones - Lincoln เป็นอันดับแรก 168 คน จำนวนที่จะผ่านเข้าไปเป็น Nominee ในรอบแรกได้คือ 100 หารด้วย 6 หรือ 16.6%(+1) ของจำนวน Ballots ทั้งหมด ซึ่งก็คือ 161 คะแนน
ซึ่งตอนนี้เท่ากับว่า Tommy Lee Jones - Lincoln (168 คะแนน) ได้ตั๋วใบแรกในการเข้าชิงสาขานี้อย่างชิวๆ และ Ballots ที่มีชื่อของ Tommy Lee Jones ที่เขียนมาในอันดับแรก ก็จะถูกกันออกไป
และคนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดในรอบนี้ ก็จะตกรอบทันที(1คะแนนตัวดำ)
แล้วคนอื่นๆที่เหลือล่ะ?
คนอื่นๆที่เหลือก็ต้องลุ้นกันในรอบต่อไป โดยจะนำ Ballots ของผู้ที่ตกรอบ กลับมานับใหม่อีกครั้ง ชื่อที่ Voters เลือกในอันดับที่ 2 ที่เขียนไว้ใน Ballot นั้นๆ จะนำมาบวกให้กับผู้ที่ยังอยู่ในรายชื่อที่ยังมีสิทธิ์ลุ้นอยู่ตามลำดับ
แต่ถ้าในกรณีที่อันดับ 2 ไม่มีอยู่ในรายชื่อที่มีสิทธิ์ลุ้น ก็จะดูอันดับที่ 3-4-5 ตามลำดับ (แต่ถ้าVoter คนไหน Indy มากๆอันดับที่ 3-4-5 ก็ยังไม่มีชื่อในนี้อีก Ballot ใบนั้นก็จะถูกคัดออกตามระเบียบ
)
แล้วก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีผู้ที่ได้คะแนนถึง Minimum to Qualify ของจำนวน Ballots ที่ยังเหลือ ซึ่งก็คือ 100 หาร 5 คือ 20% (ที่หาร 5 เพราะมีคนเข้ารอบไปแล้ว 1 คน ทุกๆครั้งที่มีผู้เข้ารอบ จำนวนที่หารเพื่อหา Minimum to Qualify ก็จะลดลงไปด้วย )
*ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ในรอบแรกๆ Robert De Niro มีคะแนนเป็นอันดับ 8 แต่พอนับไปนับมา คะแนนกลับเพิ่มขึ้นจนสามารถได้ตั๋วใบสุดท้าย เข้าไปชิงในสาขานี้สำเร็จ(ซะงั้น)
มาดูการนับคะแนนการโหวตผู้เข้าชิง Oscar กัน ว่าเขานับคะแนนกันยังไง
แต่ที่หลายๆคนยังสงสัยอยู่นั่นก็คือ เขานับคะแนนกันอย่างไร จึงทำให้หลายๆชื่อที่ควรจะเป็นหลุดโผ และหลายๆชื่อที่คาดไม่ถึงกลับเข้ามาเป็น 1 ใน 5 ผู้เข้าชิงได้ เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง
การลงคะแนน (Ballot)
ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน(Voter) จะมีสิทธิ์ลงคะแนนในขาสาที่ตัวเองสังกัดอยู่เท่านั้น ยกเว้น รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) ที่Voterทุกสาขามีสิทธิ์เท่ากันหมดในการโหวต โดยจะมีสิทธิ์เลือก 5 รายชื่อที่Voterแต่ละคนคิดว่า"ดีที่สุด"เรียงตามลำดับ
เช่นสาขา Best Supporting Actor มีผู้โหวตเรียงตามลำดับดังนี้
1.Tommy Lee Jones - Lincoln
2.Phillip Seymour Hoffman - The Master
3.Miller, Ezra - THE PERKS OF BEING A WALLFLOWER
4.De Niro, Robert - SILVER LININGS PLAYBOOK
5.Waltz, Christoph - DJANGO UNCHAINED
อันดับแรกที่ Voter เลือก จะมีค่าเท่ากับ 1 คะแนน โดยผู้นับในรอบแรกจะดูเพียงแค่ อันดับแรกอันดับเดียวเท่านั้น จากนั้นจึงจะนับ Ballot ใบอื่นต่อไปเรื่อยๆจนหมด
ตัวอย่างในแผนภูมิข้างล่างมาจากเวป AwardsDaily ซึ่งจะมีการทายผลกันสนุกก่อนการประกาศรางวัลทุกปี แต่จะจำลองการนับคะแนนเหมือนของจริงทุกประการ
จะเห็นว่าในการนับรอบแรก มี Voters ทั้งหมด 963 คน มีผู้โหวต Tommy Lee Jones - Lincoln เป็นอันดับแรก 168 คน จำนวนที่จะผ่านเข้าไปเป็น Nominee ในรอบแรกได้คือ 100 หารด้วย 6 หรือ 16.6%(+1) ของจำนวน Ballots ทั้งหมด ซึ่งก็คือ 161 คะแนน
ซึ่งตอนนี้เท่ากับว่า Tommy Lee Jones - Lincoln (168 คะแนน) ได้ตั๋วใบแรกในการเข้าชิงสาขานี้อย่างชิวๆ และ Ballots ที่มีชื่อของ Tommy Lee Jones ที่เขียนมาในอันดับแรก ก็จะถูกกันออกไป
และคนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดในรอบนี้ ก็จะตกรอบทันที(1คะแนนตัวดำ)
แล้วคนอื่นๆที่เหลือล่ะ?
คนอื่นๆที่เหลือก็ต้องลุ้นกันในรอบต่อไป โดยจะนำ Ballots ของผู้ที่ตกรอบ กลับมานับใหม่อีกครั้ง ชื่อที่ Voters เลือกในอันดับที่ 2 ที่เขียนไว้ใน Ballot นั้นๆ จะนำมาบวกให้กับผู้ที่ยังอยู่ในรายชื่อที่ยังมีสิทธิ์ลุ้นอยู่ตามลำดับ
แต่ถ้าในกรณีที่อันดับ 2 ไม่มีอยู่ในรายชื่อที่มีสิทธิ์ลุ้น ก็จะดูอันดับที่ 3-4-5 ตามลำดับ (แต่ถ้าVoter คนไหน Indy มากๆอันดับที่ 3-4-5 ก็ยังไม่มีชื่อในนี้อีก Ballot ใบนั้นก็จะถูกคัดออกตามระเบียบ)
แล้วก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีผู้ที่ได้คะแนนถึง Minimum to Qualify ของจำนวน Ballots ที่ยังเหลือ ซึ่งก็คือ 100 หาร 5 คือ 20% (ที่หาร 5 เพราะมีคนเข้ารอบไปแล้ว 1 คน ทุกๆครั้งที่มีผู้เข้ารอบ จำนวนที่หารเพื่อหา Minimum to Qualify ก็จะลดลงไปด้วย )
*ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ในรอบแรกๆ Robert De Niro มีคะแนนเป็นอันดับ 8 แต่พอนับไปนับมา คะแนนกลับเพิ่มขึ้นจนสามารถได้ตั๋วใบสุดท้าย เข้าไปชิงในสาขานี้สำเร็จ(ซะงั้น)