โครงสร้างของแผ่นดิน หรือ Plate มันไม่ได้เป็น Uniform หรือวัสดุชิ้นเดียวครับ สมมุติเรามีแท่งเหล็ก เรารู้ Dimension ทั้งหมด เรารู้ค่า Yield และสมบัติของมัน เราทำนายได้ว่า ใช้แรงเท่าไร เวลาเท่าใด มันจะงอถึงขนาดไหน จะแท่งเหล็กกี่แท่งก็งอในระดับและเวลาเดียวกัน

ทีนี้เรามาถึงเสาปูนบ้าง ปูนนี่เรารู้ Dimension ทั้งหมด รู้ค่า Yield โดยรวมด้วย แต่การทำนายการใช้แรง และเวลา ว่ามันจะเริ่ม deform ถึง หักเมื่อไหร่  มันจะเบี่ยงเบนเพราะ การกระจายตัวของทราย ของเนื้อปูน ของ impurity สภาพการผูกเหล็กข้างในเสา ฯลฯ เสาปูนแต่ละเสามันต่างกันได้มากกว่าเหล็กเยอะ (และเป็นที่มาของ Safety factor ต่างๆในการออกแบบทางวิศวกรรม)

ทีนี้ก็มาเรื่องแผ่นดิน โครงสร้างของเปลือกโลกไม่ได้ประกอบด้วยแค่ทราย หรือดิน มันมีหิน ขนาดก็ต่างกัน ความหนาก็ต่างกัน เอาแค่เรื่องสมบัติมันก็กระจัดกระจายมากกว่า การทำนายด้วยการคำนวณ ปัจจุบันก็ทำได้ครับ แต่ หยาบในหลักหลายๆปี และก็ยังเบี่ยงเบนได้สูงมากๆ เราก็พยายามหาวิธีการจับตัวแปรของโครงสร้างโลกให้มากขึ้นละครับ แต่มันก็ห่างไกลจากการบ่งชี้ได้โป๊ะเป๊ะวันโน้นวันนี้ อย่างที่พวกนักวิทยาศาสตร์กำมะลอ หรือหลงเพ่ หลงปู่ ตัวไหนๆเขาทำนายกัน การทำนาย ณ ปัจจุบันเป็นการจับสัญญาณการสั่นสะเทือนของการปะทุก่อนการเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งมันก็บ่งชี้ได้ล่วงหน้าแค่แป๊บๆก่อนเหตุการณ์จะเกิดครับ การทำนายอีกรูปแบบอย่างการจับสถิติ ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้ แต่มันก็หยาบเกินแกงอยู่ดีที่จะมาใช้เตือนแผ่นดินไหวเพราะขอบเขตความเบี่ยงเบนมันก็กว้างมากๆ

ในกรณีของด๊อกกึกก้องพิภพจบแดน ที่ออกมามั่วออกสื่อบ่อยๆ เขาก็มโนเอาว่า ถ้าหากแผ่นดินไหวเกิดจากปัจจัยภายนอก เขาก็ไม่ต้องไปคิดศึกษาวุ่นวายกับโครงสร้างเปลือกโลก แค่จ้องจอคอมพิวเตอร์ดู data ดวงอาทิตย์ ก็ทำนายได้แล้ว แต่ความเป็นจริง  โอกาสในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่แบบเส้นผมบังภูเขา คนอื่นไม่ทันคิด มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายๆขนาดนั้น