การพิจารณาธรรมของฉัน

กระทู้สนทนา
มีคนมาถามในเวบpantipว่า มีผู้บรรลุพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนากี่คนแล้ว
มีคนเข้ามาตอบหลายคน แต่ผมชอบใจอยู่คนหนึ่ง เขาตอบแบบนี้
ไม่มีสักคน
ไม่มีสัตวตัวตนบุคคลเราเขา มีเพียงแค่รูปกับนามค่ะ เพราะฉะนั้น เราไม่นับเป็นตัว เป็นคนค่ะ เราเรียกแค่ เป็นขันธ์ เป็นอายตนะเป็นธาตุ ค่ะยิ่งระดับพระอรหันต์ ยิ่งไม่นับเป็นตัวเป็นตนค่ะ นับเป็นคนๆไม่ได้ เป็นแค่ธรรมชาติ อย่างหนึ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ตามเหตุ ตามปัจจัย
เจริญในธรรมค่ะ
เรื่องนี้ทำให้ผมนำพิจารณาในช่วงตอนปั่นจักรยานของเช้าวันต่อมา
เนื่องจากผมเคยอ่านธรรมบรรยายของท่านพุทธทาส ในหนังสืออิทัปปัจจยตา ตอนหนึ่งท่านอธิบายเรื่องรูปว่า
รูปโอฬาริกัง คือรูปอย่างหยาบ ที่ผัสสะผ่านทางอายตนะ เช่น ตา กับรูป หู กับเสียง เป็นต้น ทำให้เกิดเป็น รูปสุขุมัง หรือรูปอย่างละเอียด ปรากฏขึ้นในจิต ผ่านทางมโนวิญญาณ
แล้วผมก็ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก พระอภิธรรมที่สวดกันอยู่ตามงานศพ ในบทที่อธิบายเน้นว่ารูปเป็นอย่างไร
พระวิภังค์
ปัญจักขันธา,    ขันธ์ห้าคือส่วนประกอบหน้าอย่างที่รวมเข้าเป็นชีวิต ได้แก่,
รูปักขันโธ,    รูปขันธ์คือส่วนที่เป็นรูปภายนอกและภายในคือร่างกายนี้,  ประกอบด้วยธาตุ ๔,
เวทะนากขันโธ,    เวทนาขันธ์คือความรู้สึกเสวยอารมณ์ ที่เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือเฉย ๆ,
สัญญากขันโธ,    สัญญาขันธ์คือความจำได้หมายรู้ในอารมณ์ ๖,
สังขารักขันโธ,    สังขารขันธ์คือความคิดที่ปรุงแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลาง ๆ,
วิญญาณักขันโธ,    วิญญาณขันธ์คือความรู้แจ้งในอารมณ์ ทางอายตนะทั้ง ๖,
ตัตถะ  กะตะโม  รูปักขันโธ,    บรรดาขันธ์ทั้งหมดรูปขันธ์เป็นอย่างไร, <--------------อธิบายรูปขันธ์
ยังกิญจิ  รูปัง,    รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง,
อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนัง,    ที่เป็นอดีต  อนาคต  และปัจจุบัน,
อัชฌัตตัง  วา,    ภายในก็ตาม,  
พะหิทธา  วา,    ภายนอกก็ตาม,
โอฬาริกัง  วา  สุขุมัง  วา,    หยาบก็ตาม  ละเอียดก็ตาม
หีนัง  วา  ปะณีตัง  วา,    เลวก็ตาม  ประณีตก็ตาม
ยัง  ทูเร  วา  สันติเก  วา,    อยู่ไกลก็ตาม  อยู่ใกล้ก็ตาม,
ตะเทกัชฌัง  อะภิสัญญูหิต๎วา  อะภิสังขิปิต๎วา,    ย่นกล่าวร่วมกัน,
อะยัง  วุจจะติ  รูปักขันโธ,    เรียกว่ารูปขันธ

ที่นี้เมื่อเรารู้จักรูปแล้ว ก็มาพิจารณาโดยไตรลักษณ์ คือความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
คิดถึงเรื่องความหลัง เรื่องที่ยังไม่ถึง เรื่องปัจจุบัน นั่นก็คือรูปขันธ์ เกิด  เมื่อเปลี่ยนเรื่องก็ดับ
เมื่อตากระทบรูป ก็คือ โอฬาริกัง หรือรูปอย่างหยาบ แล้วก่อเป็นความรู้สึกในภายในจิต ก็คือ สุขุมัง หรือรูปอย่างละเอียด
ยิ่งขณะที่ปั่นจักรยานไปก็ยิ่งเห็นการเกิดดับของรูปอย่างต่อเนื่อง  
เห็นสาวสวย ก็คือรูป ปะณีตัง(ปราณีต) เกิด รูปใกล้ รูปไกล รูปข้างนอก รูปข้างใน ก็พอจะมองเห็นได้ทั่วไป
       แล้วผลของการพิจารณา รูปขันธ์ ก็ทำให้เกิดความปิติที่เห็นธรรม  แล้วก็เป็นปัจจัยให้นึกถึงคุณของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ทำให้มองเห็น รูปขันธ์ เกิด-ดับ ได้
ผมก็ไปซื้ออาหารใส่บาตรพระ 1 ชุด รู้สึกจิตใจเบาสบายเป็นบุญเป็นกุศล แล้ว ปั่นจักรยาน กลับบ้าน เตรียมตัวไปทำงาน
นี้คือการพิจารณาธรรมในแบบของผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่