คำว่าภพว่าชาตินั้นมีอยู่ที่นี่เดี๋ยวนี้ ในวันหนึ่ง ๆ ไม่รู้กี่ครั้งกี่ครา ไม่ต้องรอค่อตายแล้วไปเกิดใหม่
คำว่าภพว่าชาติในลักษณะอย่างนี้ มันเป็นภาษาธรรม ; ภาษาธรรมของผู้รู้ธรรม ไม่ใช่ภาษาชาวบ้าน . ถ้าเป็นภาษาชาวบ้าน ต้องรอต่อตายแล้วไปเกิดใหม่จึงจะมีภพมีชาติ แล้วก็มีทีเดียวเท่านั้น เพราะคนเรามันเกิดมาทีเดียวแล้วก็ตายเข้าโลงไปแล้วจึงจะมีภพมีชาติใหม่อีก. เดี๋ยวนี้ภพหรือชาติในภาษาธรรมมีวันหนึ่งหลายหน คือเกิดตัวกู --- ของกูหนหนึ่ง ก็เรียกว่ามีภพมีชาติหนหนึ่ง. แล้วเดือนหนึ่งก็มีได้หลายร้อยหน, ปีหนึ่งก็หลายพันหน, หลายพันภพชาติ , ฉะนั้นเราจะต้องรู้จัก สิ่งที่เรียกว่าภพว่าชาติ ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน วันหนึ่งหลาย ๆ หนนี้.
ทีนี้จะเห็นได้ทันทีว่า เรื่องปฏิจจสมุปบาทนี้เป็นเรื่องที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ; ไม่ใช่รอต่อตายแล้ว หรือต้องกินเวลาตั้ง ๓ ชาติจึงจะมีปฏิจจสมุปบาทสักรอบหนึ่ง. ที่แท้ในวันหนึ่ง ๆ มีตั้งหลาย ๆ หน ; เมื่อใดมีเวทนา มีตัณหาอุปาทาน เมื่อนั้นมีรอบของปฏิจจสมุปบาท แล้วมีภพมีชาติ ; ทำให้เห็นได้ว่ามันมีในชีวิตประจำวันของคนทุกคน .
------------------------------------------------------------------------
ท่านพุทธทาส อธิบาย ปฏิจจสมุปบาทถูก้องแล้ว
คำว่าภพว่าชาติในลักษณะอย่างนี้ มันเป็นภาษาธรรม ; ภาษาธรรมของผู้รู้ธรรม ไม่ใช่ภาษาชาวบ้าน . ถ้าเป็นภาษาชาวบ้าน ต้องรอต่อตายแล้วไปเกิดใหม่จึงจะมีภพมีชาติ แล้วก็มีทีเดียวเท่านั้น เพราะคนเรามันเกิดมาทีเดียวแล้วก็ตายเข้าโลงไปแล้วจึงจะมีภพมีชาติใหม่อีก. เดี๋ยวนี้ภพหรือชาติในภาษาธรรมมีวันหนึ่งหลายหน คือเกิดตัวกู --- ของกูหนหนึ่ง ก็เรียกว่ามีภพมีชาติหนหนึ่ง. แล้วเดือนหนึ่งก็มีได้หลายร้อยหน, ปีหนึ่งก็หลายพันหน, หลายพันภพชาติ , ฉะนั้นเราจะต้องรู้จัก สิ่งที่เรียกว่าภพว่าชาติ ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน วันหนึ่งหลาย ๆ หนนี้.
ทีนี้จะเห็นได้ทันทีว่า เรื่องปฏิจจสมุปบาทนี้เป็นเรื่องที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ; ไม่ใช่รอต่อตายแล้ว หรือต้องกินเวลาตั้ง ๓ ชาติจึงจะมีปฏิจจสมุปบาทสักรอบหนึ่ง. ที่แท้ในวันหนึ่ง ๆ มีตั้งหลาย ๆ หน ; เมื่อใดมีเวทนา มีตัณหาอุปาทาน เมื่อนั้นมีรอบของปฏิจจสมุปบาท แล้วมีภพมีชาติ ; ทำให้เห็นได้ว่ามันมีในชีวิตประจำวันของคนทุกคน .
------------------------------------------------------------------------