5 หุ้น Laggard ราคาถูก

ที่มา: InfoQuest 08-01-2013 04:06:38

เปิดโผ5หุ้นLaggardราคาต่ำกว่าดัชนีพันจุด
เปิดโผ 5 หุ้นที่ปรับตัวช้ากว่าดัชนีหรือ Laggard Stock เทียบราคาหุ้นตอนดัชนี 1,000 จุด เทียบปัจจุบัน 1,410 จุด ที่ปรับตัวไปแล้วเพิ่มขึ้น 41% อาทิ DCC, TPIPL, GFPT, KBS และ TASCO ส่วนวันนี้ (8 ม.ค.) ดัชนีแกว่งตัวในแดนบวก แนะเก็งกำไรหุ้นกลาง-เล็ก ประเมินแนวรับที่ 1,405 จุด แนวต้านที่ 1,425 จุด
จากการรวบรวมข้อมูลของ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า ในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 1,415 จุด ยังมีหุ้นขนาดกลาง และขนาดใหญ่ที่ราคาหุ้นยังอยู่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับช่วงดัชนี 1,000 จุด วันที่ 1 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา อยู่หลายตัว
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีหุ้นที่เป็น Laggard Stock และขึ้นช้ากว่าดัชนีอยู่หลายตัว โดยแบ่งเป็นหุ้นในกลุ่ม SET50 และ SET100 อาทิ หุ้นบริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC ราคาหุ้นเคยอยู่ที่ 58.25 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 44.75 บาท, หุ้นบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ราคาหุ้นเคยอยู่ที่ 15.40 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 15.10 บาท
หุ้นบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ราคาหุ้นเคยอยู่ที่ 10.70 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ 8.80 บาท, หุ้นบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS ราคาหุ้นเคยอยู่ที่ 11.50 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 10.70 บาท, หุ้นบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ราคาหุ้นเคยอยู่ที่ 53.25 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 44.50 บาท
การที่ราคาหุ้นทั้ง 6 ตัวนี้ที่ปัจจุบันยังต่ำกว่าช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2554 ซึ่งดัชนีปิดที่ 1,019.15 จุด เทียบกับปัจจุบัน ดัชนีเกิน 1,410 จุด ถือว่าเป็นหุ้นที่ถูกมาก เมื่อเทียบกับการปรับตัวของดัชนี โดยดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 400 จุด หรือคิดเป็น 41% ขณะที่หุ้นตัวอื่นปรับตัวเพิ่มขึ้นกันหมด
ด้านนายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า วันนี้ (8 ม.ค.) ดัชนีจะแกว่งตัวกรอบแคบๆ ในแดนบวกเช่นเดียวกับวานนี้ เนื่องจากตลาดฯ ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้น โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด และการรายงานดัชนีแนวโน้มการจ้างงานเดือนธ.ค. ของสหรัฐ เป็นต้น ทั้งนี้ แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นขนาดกลางและเล็ก โดยประเมินแนวรับที่ 1,405 จุด และประเมินแนวต้านที่ 1,425 จุด
ด้านนายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีซีมิโก้ จำกัด คาดว่า ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยตลาดหุ้นไทยเริ่มมีความเสี่ยงจากภาวะ Overbought ประกอบกับมีแรงขายจากกองทุนในประเทศ เพื่อรองรับการไถ่ถอนหน่วยลงทุน LTF ซึ่งปัจจัยที่ต้องติดตามคือเม็ดเงินที่ไหลเข้าจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนรายย่อย
“ต้องดูเม็ดเงินที่ไหลเข้าจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนรายย่อยว่าจะซื้อสุทธิหรือขายสุทธิ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางของดัชนี” นายเจริญ กล่าว
โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนควรขายเมื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น และควรซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวลง รวมถึงควรเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง ทั้งนี้ ประเมินแนวรับที่ระดับ 1,415 จุด และประเมินแนวต้านที่ระดับ 1,429 จุด

____
คหสต.
ราคาที่ลงไป อาจมีผลจากหลายๆ อย่าง เช่น ผลประกอบการณ์ ความคาดหวังในอนาคต ฯลฯ
กรุณาศึกษาอย่างละเอียดทุกครั้งก่อนการลงทุน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่