จะตัดราคากันไปถึง ไหน ช่างภาพ สงสารกันบ้าง ถ่ายจนกล้องจะพังยังไม่มีปัญญา จะเปลี่ยนกล้องใหม่เลย

จะตัดราคากันไปถึง ไหน ช่างภาพ สงสารกันบ้าง ถ่ายจนกล้องจะพังยังไม่มีปัญญา จะเปลี่ยนกล้องใหม่เลย
ต่อไปคงได้ค่าแรงขั้นต่ำ ขอร้องอย่าทำให้ราคาเสียไปมากกว่านี้เลยคับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
คุณคิดว่างานคุณเจ๋งพอที่จะยืนราคาสูงๆไว้ไหมล่ะครับ ?

เรื่องพวกนี้อย่ามาดรามาเรียกร้องความเห็นใจเลยครับมันไม่มีประโยชน์ มันมีกลไกตลาดควบคุมอยู่แล้ว เมื่อก่อนช่างภาพหายากต้องใช้ฝีมือพลาดไม่ได้เพราะใช้ฟิลม์ มันก็ต้องราคาแพงเป็นธรรมดา ผมจะบอกให้นะครับรูปงานแต่งงานของแม่ผมเมื่อ 40 ปีที่แล้ว มันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเรียกแขกมายืนถ่ายรูปด้วยกันเพื่อให้รู้ว่าใครมางานแต่งของฉันบ้าง ทุกวันนี้ถ้าจะถ่ายแบบนั้นเรียกเด็กข้างบ้านพร้อมเอากล้องถูกๆยัดใส่มือมันก็ถ่ายออกมาให้เราได้ครับจะมาจ้างช่างถ่ายรูปทำไม ช่างภาพก็ต้องหาจุดต่างเพื่อให้ได้งานเราจึงได้เห็นงานที่พิสดารออกไปมากขึ้น มีศิลป์ มีกระบวนการมากขึ้นเพื่อให้ลูกค้าเลือก

ทุกวันนี้มันก็เหมือนกันความรู้คนมันก็ทันกันครับงานบางแบบ จากที่เคยโดนช่างภาพตีหัวมานาน บางทีเรียกเพื่อนที่เล่น DSLR มาถ่ายให้บางทีได้งานสวยกว่าช่างภาพบางคนเสียอีก ช่างภาพก็ต้องใช้ราคาเป็นตัวล่อลูกค้าครับ ในทางกลับกัน ถ้าเรียกเพื่อนมาถ่ายแล้วมันไม่โดนหรือไว้ใจไม่ได้ก็ต้องยอมจ่ายให้ช่างภาพ ราคาก็ตามกลไกตลาดอ่ะครับ ถ้ามีคนที่ทำได้แบบเดียวกันหลายๆคน Supply มันก็มากกว่า Demand ราคามันก็ลงเป็นธรรมดาครับ ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับงานครับเดี๋ยว Supply มันก็ลดลงไปเองล่ะราคามันก็ขึ้นไปเอง จะมาเรียกร้องให้มีการประกันราคากันทำเผือกอะไรครับ

นอกจากนี้ถ้าอยากได้ราคาแพงๆ คุณก็ต้องสร้างจุดต่างให้สินค้าของคุณ ลองนึกถึงเวลาที่คุณเลือกซื้อกล้องสิ ถ้ามัน Spec เดียวกันแต่ราคาต่างกัน คุณจะซื้อตัวที่มันแพงกว่ามั๊ยล่ะครับ ลูกค้าของคุณก็คิดแบบคุณนั่นล่ะถ้างานออกมาเหมือนกันเค้าจะมาเลือกใช้บริการที่แพงกว่าทำไม

นอกจากนี้ผมอยากให้คุณทำความเข้าใจเสียใหม่นะครับ ลูกค้าไม่ได้ซื้อรายการอุปกรณ์ของคุณ ลูกค้าซื้อภาพถ่ายต่างหาก คุณจะมีนาโนกี่ตัว มีกล้องกี่ตัว ขอบแดง หรือไม่ จริงๆแล้วลูกค้าไม่ได้สนใจหรอกครับ มันแค่เป็นการทำให้เค้าสบายใจว่าเค้าจะได้ภาพถ่ายตามที่เค้าต้องการต่างหาก ตราบใดที่คุณถ่ายภาพให้ได้ดังใจเค้า คุณจะใช้กล้องมือถือถ่ายเค้าก็ไม่ยุ่งกับคุณหรอก ดังนั้นจะไปกังวลอะไรกับช่างที่รับงาน 1,500 ที่มีเลนส์นาโนล่ะครับ เค้าอาจจะเป็นมือใหม่ที่ลงทุนอุปกรณ์ไปแล้วแต่ยังไม่มีประสบการณ์ต้องการงานง่ายๆ เพื่อก้าวไปรับงานที่ท้าทายขึ้นแพงขึ้น งานที่ออกมามันก็ระดับ 1,500 นั่นล่ะครับ คำถามที่ควรถามคือ งานที่คุณให้ลูกค้ามันระดับ 1,500 หรือเปล่าล่ะ ถ้างานของคุณดีกว่าราคา 1,500 เดี๋ยวก็มีคนมาจ้างคุณในราคาที่แพงกว่านั้น แต่ถ้างานของคุณที่ออกมามันห่วยกว่าระดับ 1,500 คุณควรอายและกลับไปทบทวนดูว่า ยังเหมาะสมกับอาชีพนี้อยู่หรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่