ห้วงพันธนาการ

กระทู้สนทนา

ห้วงพันธนาการ



                   เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ นิลนรา.. หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายกลับกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานอนหลับไหลไม่รู้สึกตัวนานแรมเดือน แต่โชคชะตายังเป็นใจทำให้เธอได้ฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง

                   หลังจากได้เกิดใหม่นิลนรากลับจำชีวิตปัจจุบันไม่ได้เลยคล้ายทุกอย่างเป็นสิ่งหลอกลวงแม้แต่ ไตรภาคิน.. ชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรัก กลับลบลืมความทรงจำดี ๆ ระหว่างกันหมดสิ้น รวมทั้งครอบครัวที่อยู่ร่วมกันมายี่สิบกว่าปี

                   นิลนราปฎิเสธการมีชีวิตอยู่ร่วมกับบุคคลแปลกหน้าด้วยการเปลี่ยนแปลงตนเองจากหญิงสาวร่าเริงสดใสกลายเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจไม่แคร์สิ่งใดรอบกาย แม้ทุกคนพยายามมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เธอด้วยความรักก็ตาม

                   จนกระทั่งเธอได้มาพบกับ ภายุวรรต.. เจ้านายหนุ่มผู้เย็นชาต่อผู้หญิงทั้งโลก เนื่องจากเขายังจมอยู่กับฝันร้ายเพราะคนที่รักสุดชีวิตต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา แต่แล้วเมื่อตัวตายเกิดตัวแทนนิลนราปักใจเชื่อว่าเจ้านายหนุ่มเป็นชีวิตรักในอดีตก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุ

                   นิลนราจะแก้ไขปัญหาชีวิตที่สับสนวุ่นวายอย่างไรกับเรื่องราวในอดีตจนถึงปัจจุบัน และใครจะช่วยให้เธอหลุดพ้นห้วงเวลาแห่งความเจ็บปวดที่พันธนาการไว้..



===============================





บทนำ




                   ‘ผมรักคุณ’


                   ‘รีบกลับบ้านนะครับ ผมมีของขวัญวันเกิดรอเซอร์ไพรส์คุณอยู่’


               แสงไฟสว่างวาบสาดเข้าดวงตากลมโต ก่อนมีแรงปะทะกลางลำรถยนต์อย่างจัง พร้อมเสียงโครมใหญ่ดังผ่านโสตประสาท ทุกอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว แรงอัดบวกกับแรงกระแทกทำให้เจ็บจุกจนไม่สามารถเคลื่อนย้ายตนเองไปไหนได้ กระจกรถยนต์แตกกระจัดกระจาย ปลิวละลิ่วเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทุกอย่างลอยเคว้งอยู่กลางอากาศราวภาพของความฝันที่ยังคงหลับไหลไม่ยอมตื่น ความรู้สึกรับรู้ไม่มีสิ่งใดปรากฎนอกเสียจากความเย็นชาเมื่อมันยึดพื้นที่ในร่างกายจบครบทุกส่วน สติรับรู้มีแต่ความมึนงง สับสน จนทุกอย่างดับวูบในที่สุด


                   ‘คุณคือแฟนคุณลวิตา ผู้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือเปล่าครับ’


                   ‘ใช่ครับ! แฟนผมเป็นไงบ้างครับคุณหมอ!’


                   ‘ผมคงบอกได้เพียงให้คุณทำใจนะครับ โอกาสรอดมีเกือบจะเป็นศูนย์ นอกจากเกิดปาฏิหาริย์ สภาพร่างกายของเธอย่ำแย่มากครับก่อนจะมาถึงโรงพยาบาล ระหว่างที่เดินทางมาที่นี่ในมือเธอยังกำโทรศัพท์ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เราเลยสามารถติดต่อคุณได้ในที่สุด’


                   เสียงคนคุ้นเคยกังวานดังอยู่ใกล้ๆ หากทว่าร่างกายกลับขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ต่อให้พยายามควบคุมสมาธิ ตั้งสติส่งตรงยังอวัยวะทุกส่วนของร่างกายเพียงใดแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ สิ่งที่สัมผัสรับรู้คล้ายล่องลอยเป็นอากาศธาตุ ร่างกายเบาหวิวราวขนนกพัดผ่านตามกระแสลม หากแต่อบอุ่นทั่วเรือนร่าง หรือเป็นสัญญาณของคนใกล้ตาย..  




++++



                   “หนึ่งเดือนแล้วสินะ กับการจากไปของคุณ.. ลี่..”


                   เสียงพึมพำในลำคอเฝ้าคร่ำครวญอาลัยอาวรณ์ถึงลวิตาคนรักผู้จากไปอย่างไม่มีวันได้กลับมาพบเจอกันอีกแล้วชาตินี้ หน้าผาสูงชันหากมองลงไปยังก้นบึ้งของหุบเหวลึกคงได้เสียวสันหลังวูบ หรือแม้หากผลัดตกลงไปคงยากลำบากกับการค้นหาศพในสภาพร่างกายที่ครบสามสิบสองส่วนโดยไม่มีบุบสลาย สายลมแรงพัดผ่านผิวกายสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นเยือกของฤดูหนาวกำลังผ่านมาเยือน หากแต่เวลานี้ความเย็นที่ว่าไม่ได้กระทบกระเทือนความรู้สึกของชายหนุ่มผู้สูญเสียแต่อย่างใด หากแต่ความเจ็บปวดในใจรุนแรงสาหัสกว่านั้นหลายร้อยเท่านัก


                   ภายุวรรตยืนเหม่อลอยมองบรรยากาศยามตะวันใกล้มอดแสงจวนจะลาลับขอบฟ้า ทั้งอากาศที่หนาวเหน็บในเวลาดวงอาทิตย์อัสดง นำความเหงาเกาะกุมในใจชายหนุ่มที่หัวใจแหลกรานยับเยิน เขายังจำได้ดีกับภาพเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่หญิงสาวคนรักได้จากไปไกลแสนไกลอย่างไม่มีหวนกลับ วันที่สูญเสียหัวใจ สูญเสียความรัก สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั้งคำเอ่ยขอแต่งงาน ของขวัญเซอร์ไพรส์ที่ไม่เคยมอบให้แด่เธอ เขาไม่หลงเหลืออะไรอีกแล้วแม้แต่ความสุขในชีวิต


                   มือล้วงหยิบกล่องกำมะหยี่ทรงกลมจากกระเป๋าเสื้อ พลางเปิดดูแหวนเพชรวงกำลังเหมาะกับนิ้วเรียวเล็กที่เคยสัมผัสบ่อยครั้ง จนจดจำขนาดของนิ้วกับไซส์ของแหวนได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องเสียเวลาวัดขนาดให้วุ่นวาย น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้นขอบตาร้อนผ่าว ทั้งที่พยายามกักเก็บมันไว้อย่างสุดความสามารถ แต่มันยากเหลือเกินหากจะสะกดอารมณ์หวั่นไหวเวลานี้ เขาพร้อมแล้ว พร้อมกับการทิ้งทุกสิ่งในชีวิตเพื่อเดินทางไปหาเธออันเป็นที่รัก ไม่ว่าจะอยู่ยังที่แห่งใด เขาพร้อมจะไปหาเธอ


                   วงหน้าคมเข้มหลับตาพริ้ม กำกุมกล่องแหวนไว้แน่นพร้อมยกมือขึ้นแนบอก เตรียมโดดดิ่งสู่เหวลึกเบื้องล่างปลงตกกับการทิ้งชีวิตปัจจุบันไว้เบื้องหลัง จิตใจสงบนิ่ง มีเพียงเสียงลมดังแว่วผ่านโสตประสาท ร่างสูงยืนตระหง่านขอบหน้าผาสูงชัน สายลมพัดผ่านร่างกาย จนผมเส้นเล็กทรงรากไทรยาวปะต้นคอปลิวไหว เสื้อผ้าพลิ้วอ่อนตามกระแสลม สองเท้าค่อยๆ ก้าวเคลื่อนข้างหน้า


               -ติ๊ด ติ๊ด-


                   หากแต่เสียงจากเครื่องมือสื่อสารส่งร้องเตือนให้รับสาย ดึงสติชายหนุ่มกลับมาก่อนที่ความเสียใจฟุ้งเฟ้อจะพาให้เขาคิดสั้นฆ่าตัวตาย ภายุวรรตถอนใจเฮือกใหญ่พลางเปิดเปลือกตามองยังโทรศัพท์ที่ถูกคว้าหยิบขึ้นจากกระเป๋ากางเกง     


                  ‘แม่’


                   ชื่อผู้โทรเข้าทำให้เขาสบถด่าทอตนเองในใจ เหตุใดจึงลืมไปเสียสนิทกับผู้มีพระคุณที่เขาเองยังคงต้องอยู่ดูแลต่อไป นิ้วมือสั่นไหวกดปุ่มรับสาย พลางถอยเท้าก้าวกลับจนห่างพ้นจากขอบหน้าผาสูงลิบลิ่ว


                   “ครับแม่”


                   ‘อยู่ไหนลูก แม่เป็นห่วง เมื่อกี้แม่สะดุ้งตื่นเพราะหนูลี่มาในฝัน บอกให้แม่ช่วยลูก ตื่นขึ้นมาใจคอไม่ดีเลย ไม่เป็นไรใช่ไหมวรรต’


                   เรื่องราวที่ได้ยินผ่านเครื่องมือสื่อสารพาจิตใจเต้นรุนแรง แม้แต่อยากหายไปจากใบโลกนี้ยังยากลำบาก ถูกขัดขวางโดยคนที่เขารักหมดหัวใจ เหตุใดจึงใจร้ายทิ้งให้เขาอยู่เดียวดายตามลำพัง มิหน่ำซ้ำยังไม่ยอมให้เขาตายตามเพื่อจะได้ไปอยู่ด้วยกัน


                   “ผมไม่เป็นไรครับแม่ ผมกำลังจะกลับบ้าน”


                   โทรศัพท์ถูกกดตัดสาย พร้อมสะบัดความหวั่นไหวทิ้งลงหุบเหวลึกแทนการทิ้งร่างกายหนีปัญหา หนีความผิดหวังในชีวิต หากยังต้องเผชิญกับความเศร้าโศกต่อไป แม้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะหายดี หรืออาจทั้งชีวิตที่ต้องแบกรับความทุกข์ตรมอย่างไม่มีหนทางหลีกหนีได้อีกแล้ว



โปรดติดตามบทที่หนึ่งตอนต่อไปนะคะ..


===============================




เรื่องนี้ตั้งพลอตเรื่องไว้เป็นอาทิตย์แล้ว แต่เพิ่งเริ่มแต่ง
อาจจะเอามาลงที่กระทู้อย่างช้าก็อาทิตย์ละครั้งนะคะ
ถ้ามาโซคิสขยันแต่งก็คงได้อ่านเร็วขึ้นหน่อย แหะ ๆ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตาม และแวะเวียนเข้ามา
ขอบคุณทุกกำลังใจดี ๆ ที่ช่วยให้มาโซคิสพยายามสร้างนิยายออกมาค่ะ

ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่